กำแพงภาษีทรัมป์2.0ไม่ใช่ทางออก

ที่น่าคิดคือทรัมป์น่าจะได้รับคำเตือนมาก่อนแต่ยังยืนยันเดินหน้าตั้งกำแพงภาษี คนอเมริกันต้องตรวจสอบว่าทรัมป์2.0 จะทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้งจริงหรือไม่


            กุมภาพันธ์ 2025 รัฐบาลทรัมป์ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าเม็กซิโกกับแคนาดาทุกรายการ 25% (ยกเว้นน้ำมันแคนาดา) จีน 10% จากเรื่องยาเฟนทานิล คนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ก่อนระงับชั่วคราวหลังรัฐบาลเม็กซิกกับแคนาดาตอบโต้ด้วยกำแพงภาษีเท่ากัน ส่วนฝ่ายจีนโต้กลับด้วยการขึ้นภาษี 15% ต่อถ่านหินและ 10% ต่อ LPG สินค้าจำพวกเครื่องมือ พวกรถต่างๆ นอกจากนี้ยังควบคุมการส่งออกแร่ tungsten, tellurium, ruthenium, molybdenum และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ ruthenium เพื่อความมั่นคงแห่งชาติ

            บทความนี้นำเสนอมุมมองที่ไม่เห็นด้วยกำแพงภาษี ดังนี้

มุมมองที่ไม่เห็นด้วยกำแพงภาษี:

            1) ไม่ช่วยแก้เรื่องที่ทรัมป์อ้าง ผู้นำภาคอุตสาหกรรมกับบริษัทชี้ว่ากำแพงภาษีไม่ใช่ทางออก ทั้งยังทำให้สินค้าในอเมริกาแพงขึ้นด้วย

            John Murphy จากหอการค้าอเมริกันกล่าวว่า กำแพงภาษีต่อแคนาดากับเม็กซิโกไม่ช่วยแก้เรื่องแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ไม่ช่วยเรื่องคนติดยาเฟนทานิล (Fentanyl)

            2) ผลกระทบเชิงลบ Jay Timmons จากสมาคมอุตสาหกรรมแห่งชาติ (National Association of Manufacturers) กล่าวว่ากำแพงภาษีนี้ทำร้ายห่วงโซ่อุปทาน ลดความสามารถแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม โรงงานขนาดกลางกับเล็กรับผลกระทบมากสุด ทำร้ายแรงงานอเมริกันหลายล้านคน ไม่เพิ่มการจ้างงาน (ตามที่ทรัมป์หาเสียง) ตรงกันข้ามคนอเมริกันจะเสี่ยงตกงาน ชิ้นส่วนที่นำเข้าเพิ่มต้นทุนสินค้าให้แพงกว่าเดิม เกิดกระทบลูกโซ่ร้ายแรง

            Carl Harris จากสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านแห่งชาติ (National Association of Home Builders) กล่าวว่าราคาบ้านที่อยู่อาศัยจะแพงขึ้นอีกแน่นอน วัสดุก่อสร้างจำเป็นกว่า 70% มาจาก 2 ประเทศนี้

            William Reinsch จาก Center for Strategic and International Studies กล่าวว่าที่ผ่านมารัฐบาลจะเก็บภาษีวัตถุดิบต่ำสุด แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะอธิบายตามหลักเศรษฐศาสตร์อย่างไรดี

            มีข้อมูลว่าครึ่งหนึ่งของสินค้าจำพวกผักผลไม้ที่บริโภคทั้งหมดนำเข้าจากเม็กซิโก ทำนองเดียวกับแคนาดาที่สหรัฐซื้อสินค้าสารพัดชนิดจากประเทศนี้ ดังนั้นกำแพงภาษี 25% จะดันให้สินค้าอุปโภคบริโภคแพงขึ้นทันที

            จัสติน ทรูโด (Justin Trudeau) นายกรัฐมนตรีแคนาดาเตือนว่า กำแพงภาษีจะทำให้สินค้าแพงขึ้น โดยเฉพาะพวกอาหาร ข้าวของในร้านชำ และน้ำมันตามปั๊ม สินค้าเหล่านี้จะแพงขึ้นโดยไม่จำเป็น

            3) ไม่มีใครชนะในสงครามการค้า เป็นหลักการที่รับรู้กันทั่วไปว่าการตั้งกำแพงภาษี สงครามการค้ามีแต่จะเสียหายด้วยกันทั้งสองฝ่าย

            ปี 2024 สหรัฐขาดดุลจีน 295,400 ล้านดอลลาร์ ตัวเลขนี้ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2018 สืบเนื่องจากสินค้าจำนวนหนึ่งเปลี่ยนเป็นนำเข้าจากประเทศอื่น เช่น เม็กซิโก เวียดนาม บางกรณีผู้ส่งออกจีนเปลี่ยนไปผลิตที่ประเทศอื่นแล้วจึงส่งเข้าสหรัฐ Brian Bethune จาก Boston College ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมสหรัฐขาดดุลการค้าเรื่อยมาทั้งที่การจ้างงานดี คนตกงานน้อย การขาดดุลชี้ว่าสหรัฐต้องการสินค้านำเข้าในมูลค่ารวมที่สูงกว่าส่งออก การตั้งกำแพงภาษีอาจลดนำเข้าบางประเทศ แต่โดยรวมแล้วจะสามารถส่งออกมากกว่านำเข้าได้หรือ

            ปัจจุบันที่ทั่วโลกยึดถือการค้าเสรี ประเทศส่วนใหญ่เป็นสมาชิกองค์การค้าโลกเพื่อหวังภาษีในระดับต่ำสุดหรือไม่มีเลย เป็นเหตุให้โลกเจริญก้าวหน้า ประชาชนอยู่ดีกินดีกว่าเดิม สหรัฐเองคือหนึ่งสมาชิกองค์การค้าโลกแต่ละเมิดกฎเกณฑ์ขึ้นภาษีตามใจชอบ นำสู่การตอบโต้ ทั้งจากแคนาดา เม็กซิโกและจีน

            ทางการจีนย้ำไม่มีใครชนะในสงครามการค้า นี่คือคำตอบที่ทุกคนรู้ดีแต่รัฐบาลสหรัฐยังฝืน (ทั้งพรรคเดโมแครทกับรีพับลิกันทำเหมือนกัน รัฐบาลไบเดนยึดมาตรการขึ้นภาษีจีนที่เก็บตั้งแต่ทรัมป์สมัยแรก) ตอนนี้ทั่วโลกรอดูว่าผลกระทบจะแสดงออกมาอย่างไร

ทรัมป์ที่ไม่ฟังเสียงใคร:

            คำเตือนข้างต้นไม่ใช่ของใหม่ ก่อนหน้านี้มีคำเตือนข้อเสียกำแพงภาษีมากมาย

            มกราคม 2025 IMF ชี้นโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้า จำกัดแรงงานต่างด้าว คือสาเหตุหลักทำให้เงินเฟ้อพุ่ง รองมาคือการลดภาษี ก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์จากหลายสถาบันออกมาเตือนเรื่องนี้แล้ว แต่ทีมงานทรัมป์โต้กลับว่าสุดท้ายแผนรวมของทรัมป์จะไม่สร้างเงินเฟ้อมากอย่างที่คิด

            ในอีกด้านต้องยอมรับว่าทรัมป์เดินหน้าตามนโยบายที่หาเสียงไว้ แต่ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่รุนแรงเหมือนตอนหาเสียง เช่นไม่ขึ้นภาษีจีนถึง 60% เปิดทางเจรจากับเม็กซิโกกับแคนาดา ตรวจสอบผลกระทบที่ตามมา เพราะที่สุดแล้วประชาชนจะเห็นด้วยกับทรัมป์หรือไม่ ขึ้นกับเรื่องปากท้อง

            รวมความแล้ว หลายฝ่ายไม่เห็นด้วยกับข้ออ้างทรัมป์ ตรรกะที่บอกว่าจะลดการขาดดุล เพิ่มการจ้างงาน อาจสวนทางกับความจริง ที่น่าคิดคือทรัมป์กับทีมงานน่าจะได้รับคำเตือนพวกนี้มาก่อนแล้วแต่ยังยืนยันเดินหน้าตั้งกำแพงภาษี

            ความหวังเฉพาะหน้าคือหวังว่าทรัมป์ 2.0 จะยุติหรือลดกำแพงภาษีในไม่ช้า หันมาส่งเสริมประสิทธิผลการผลิตให้มากกว่านี้ ปรับปรุงวิถีชีวิตคนอเมริกันที่ยั่งยืน หากแก้ไม่ได้ย่อมต้องเผชิญปัญหาใหญ่ในอนาคต ข้อนี้จะกระทบทั่วโลก

วิพากษ์:

          ประการแรก โยนความรับผิดแก่ต่างชาติ

            ตรรกะของทรัมป์คือชี้ว่าการแก้ปัญหาคนอเมริกันติดยาเฟนทานิลกับแรงงานผิดดกฎหมายต้องแก้ที่ต่างแดน สกัดกั้นไม่ให้เข้าประเทศ จึงใช้มาตรการภาษีเพื่อกดดันให้รัฐบาลต่างชาติควบคุมยาอย่างเข้มงวด

            ทุกวันนี้มีความร่วมมือแก้ปัญหาร่วมกันอยู่แล้ว การกดดันด้วยกำแพงภาษีจะได้ผลหรือไม่ และควรคิดถึงผลเสียที่จะตามมาด้วย

            Tom Madrecki จากสมาคมผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Brands Association) ชี้ว่ามาตรการกำแพงภาษีทำให้สินค้าผู้บริโภคสูงขึ้นแน่นอน คนอเมริกันต้องจ่ายแพงกว่าเดิม เพราะหลายรายการที่กีดกันนั้นไม่สามารถซื้อทดแทนในประเทศ จึงไม่เห็นด้วยกับมาตรการกำแพงภาษีของรัฐบาล ควรแก้ปัญหาที่ทรัมป์กล่าวถึงด้วยวิธีอื่น

            ทำนองเดียวกับที่คลอเดีย ปาร์โด (Claudia Pardo) ประธานาธิบดีเม็กซิโกกล่าวว่า ถ้ารัฐบาลสหรัฐต้องการแก้ปัญหาเฟนทานิลที่คนอเมริกันใช้อย่างพร่ำเพรื่อ ควรแก้ที่การค้ายาตามท้องถนน การฟอกเงินจากยาเสพติดที่ทำร้ายคนอเมริกันจะดีกว่า ตราบใดที่แก้ปัญหาภายในไม่ได้ เรื่องจะไม่จบ

          ประการที่ 2 ชาตินิยมที่ทำลายชาติ

            นักวิชาการบางคนอธิบายว่ารัฐบาลทรัมป์ 2.0 ยึดแนวทางชาตินิยม ทำเพื่อชาติ ดังที่ทรัมป์ย้ำว่า ว่า “กำแพงภาษีจะทำเรารวยและเข้มแข็งขึ้นมาก”

            แต่หากผลลัพธ์ออกมาตรงกันข้าม กลายเป็นการทำลายชาติเช่นนี้ไม่สมควรเรียกว่า “ชาตินิยม” ทั้งยังน่าสงสัยว่าทำไมรัฐบาลจึงทำเช่นนั้น ทำไมไม่ฟังคำเตือนทั้งจากองค์กรการระหว่างประเทศ นักเศรษฐศาสตร์หลายคนหลายสำนัก ตัวแทนภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ภาคประชาชนของอเมริกา แปลกไหมที่บอกว่า “ทำเพื่อชาติแต่กลับทำร้ายประเทศ”

            ในวันรับตำแหน่งประธานาธิบดีทรัมป์สาบานว่าจะทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง (to make America great again) จะยึดมั่นชาติ รัฐธรรมนูญและพระเจ้า ... คนอเมริกันต้องตรวจสอบว่าตรงตามนี้หรือไม่

            ที่นำเสนอข้างต้นจะถูกหรือผิด กาลเวลาจะตัดสิน

9 กุมภาพันธ์ 2025
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 29 ฉบับที่ 10312 วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568)

--------------------------

บรรณานุกรม :

1. China denounces Trump tariff: 'Fentanyl is America's problem'. (2025, February 2). Channel News Asia. Retrieved from https://www.channelnewsasia.com/east-asia/us-tariffs-china-mexico-canada-retaliation-4911176

2. China hits back with tariffs on U.S. goods after Trump imposes new levies. (2025, February

3. IMF warns Trump’s economic plans could cause inflation. (2025, January 17). Free Malaysia Today. Retrieved from https://www.freemalaysiatoday.com/category/business/2025/01/17/imf-warns-trumps-economic-plans-could-cause-inflation/

4. ‘Tariffs are not the answer’: Industry and corporate leaders react to Trump duties on Mexico, Canada and China. (2025, February 1). CNBC. Retrieved from https://www.cnbc.com/2025/02/01/tariffs-are-not-the-answer-industry-and-corporate-leaders-react-to-trump-tariffs-on-mexico-canada-and-china.html

5. Trump Pauses Tariffs on Mexico, Canada for a Month, but His Threats Spooked Almost Everyone. (2025, February 3). WSJ. Retrieved from https://www.wsj.com/politics/policy/trumps-move-to-put-tariff-hikes-ahead-of-tax-cuts-has-spooked-almost-everyone-7b9b1813?mod=latest_headlines

6. Trump Slaps Tariffs on Mexico, Canada and China in Opening Salvo of Trade War. (2025, February 1). WSJ. Retrieved from https://www.wsj.com/economy/trade/trump-tariffs-what-next-prices-inflation-f497f161?mod=latest_headlines

7. Trump’s nemesis, the US trade deficit, hit record high in 2024. (2025, February 5). Politico. Retrieved from https://www.politico.com/news/2025/02/05/trump-trade-deficit-2024-00202569

-----------------