เลือกตั้งสหรัฐ2024เลือกสังคมนิยมหรือฟาสซิสต์
ทรัมป์ชี้ว่าแฮร์ริสเป็นพวกสังคมนิยม ส่วนแฮร์ริสชี้ว่าทรัมป์เป็นเผด็จการ สหรัฐกำลังเข้าสู่การเลือกระหว่าง “สังคมนิยม” กับ “ฟาสซิสต์”
ในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
2024 ทั้งสองพรรคต่างชี้อีกฝ่าย “ไม่ใช่พวกประชาธิปไตย” ถ้าจะฟันธงว่าสหรัฐอเมริกาในยามนี้เป็น
“สังคมนิยม” หรือ “ฟาสซิสต์” อย่างใดอย่างหนึ่งไม่น่าจะถูกต้อง
ที่ถูกต้องกว่าคือคนอเมริกันนับล้านที่ชอบแนวทางสังคมนิยมกับอีกหลายล้านที่ต้องการผู้นำฟาสซิสต์
(เลือกตั้ง 2020 คนอเมริกัน 74 ล้านคนเทคะแนนให้ทรัมป์) นำสู่ข้อสรุปว่าเลือกตั้งสหรัฐ
2024 คือเลือกระหว่าง “สังคมนิยม” กับ “ฟาสซิสต์”
เลือกแฮร์ริสนำสู่สังคมนิยม:
แต่ไหนแต่ไรพวกรีพับลิกันโจมตีว่าตัวแทนพรรคเดโมแครทเป็นพวกสังคมนิยม
ต้องการเปลี่ยนประเทศเป็นสังคมนิยม
นโยบายหลายอย่างที่สอดคล้องแนวทางสังคมนิยมเป็นหลักฐานที่เห็นกันอยู่แล้ว
พวกนี้จะชอบออกกฎหมายควบคุมเศรษฐกิจสังคม ขยายอำนาจรัฐบาลกลางทุกด้าน
รัฐบาลกลางเข้ากำกับควบคุมแม้กระทั่งเศรษฐกิจเอกชน (private economy) เหล่านี้เป็นแนวทางสังคมนิยม
เมื่อรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส (Kamala Harris) เป็นตัวแทนเดโมแครทชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
พวกรีพับลิกันยิ่งตอกย้ำว่าเธอเป็นสังคมนิยม ทรัมป์โจมตีว่าแฮร์ริส
“เป็นคอมมิวนิสต์เต็มตัว” ('full communist')
นโยบายของเธอทำไม่ได้จริง แฮร์ริสคิดควบคุมราคาสินค้าจำเป็นตามแนวสังคมนิยมซึ่งเป็นไปไม่ได้
สหภาพโซเวียตกับอีกหลายประเทศได้พิสูจน์แล้วว่าแนวทางนี้ล้มเหลว
ทรัมป์ยกเรื่องนี้หลังแฮร์ริสนำเสนอระบบควบคุมราคากลางต่อสินค้าจำพวกอาหาร
ของกินของใช้ประจำวัน ทรัมป์ย้ำว่าอันตรายมากหากคนของพรรคเดโมแครทชนะเลือกตั้ง
เธอเป็นพวกมาร์กซิสต์ (Marxist) พวกฟาสซิสต์ (fascist)
ฝ่ายรีพับลิกันจะสรุปว่าหากปล่อยให้พรรคนี้บริหารประเทศไปนานๆ
ในที่สุดอเมริกาจะกลายเป็นสังคมนิยม พวกรีพับลิกันย้ำหลักฐานหลายทศวรรษที่ผ่านมานับวันรัฐบาลกลางจะควบคุมเศรษฐกิจสังคมมากขึ้น
ถอยห่างจากเสรีประชาธิปไตย
สังคมนิยมประชาธิปไตย:
คำว่าลัทธิสังคมนิยมหรือ Socialism มีผู้ใช้และอธิบายหลายความหมายตามแต่ยุคสมัย นักวิชาการส่วนหนึ่งจะยึดถือสังคมนิยมตามแนวคิดของมาร์กซ์กับเฮเกล
จากคำปฏิญญาคอมมิวนิสต์หรือคำประกาศคอมมิวนิสต์ (Communist Manifesto) เมื่อปี ค.ศ.1848 (กล่าวถึงหลัก 8 ประการ เช่น การยึดที่ดินเป็นของรัฐ การเก็บภาษีก้าวหน้า
ยกเลิกสิทธิมรดก)
อย่างไรก็ตาม ลัทธิสังคมนิยมมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงจากดั้งเดิม
นักสังคมนิยมปัจจุบันจะใช้นิยามอื่นที่มีความแตกต่างหลากหลาย
ในศตวรรษที่ 19 ลัทธิสังคมนิยมเป็นที่ชื่นชอบในฝรั่งเศส เยอรมนีและอังกฤษ
แต่หลังผ่านไปหลายสิบปีไม่มีทีท่าว่าสถานการณ์จะเข้าเงื่อนไขปฏิวัติสังคม
เริ่มสงสัยว่าทุนนิยมจะก้าวสู่สังคมนิยมตามที่มาร์กซ์กล่าวไว้หรือไม่
เอดูอาร์ด แบร์นชไตน์ (Eduard Bernstein, 1850–1932) ชี้ว่าสังคมอุตสาหกรรมเอื้อให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
แม้ว่าด้านที่แย่ยังคงอยู่ ความเหลื่อมล้ำมีจริงแต่ไม่ถึงกับทนไม่ได้
ความมั่งคั่งกระจายตัวมากขึ้น ชนชั้นกลางเพิ่มขึ้น
แบร์นไตน์เห็นว่าควรตีความแนวคิดมาร์กซิสใหม่
เห็นว่าในชุมชนสังคมนิยมต้องมีประชาธิปไตยร่วมด้วย ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล “เผด็จการของชนชั้นกรรมาชีพ” (dictatorship of the proletariat) ของสังคมนิยม ให้การเปลี่ยนผ่านจากทุนนิยมสู่สังคมนิยมเป็นไปโดยสันติ
ผ่านกระบวนการปฏิรูปรัฐสภา พรรคสังคมนิยมประชาธิปไตยจะได้เข้าไปบริหารประเทศด้วยวิถีประชาธิปไตย
เลือกทรัมป์ได้ผู้นำฟาสซิสต์:
ตุลาคม 2024 Robert Jones จาก Public
Religion Research Institute ชี้ว่า แนวทางที่ใช้
วิธีที่ทรัมป์พูดเลียนแบบนาซี สอดคล้องกับ White Supremacy มีทัศนะคติดูถูกเหยียดหยามคนสีผิวอื่น อดีตประธานาธิบดีทรัมป์เคยพูดว่าอยากได้นายพลเหมือนที่ฮิตเลอร์มี
เพราะเชื่อฟังรับคำสั่งโดยไม่โต้แย้ง ไม่สนใจว่าคำสั่งชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แต่เรื่องนี้ผิดเพราะนายทหารสหรัฐต้องยึดถือรัฐธรรมนูญเป็นหลัก
ไม่แปลกที่รองประธานาธิบดีแฮร์ริสกล่าวว่าทรัมป์คือฟาสซิสต์ (‘fascist’) ตามอย่างฮิตเลอร์ เขาอยากบริหารประเทศตามใจชอบ ใช้อำนาจโดยปราศจากการตรวจสอบ
ไม่อยากให้ใครถ่วงดุลอำนาจ
แต่ทรัมป์แย้งว่า
“ผมไม่ใช่นาซีและผมต่อต้านนาซี”
ทรัมป์ไม่น่าจะเป็นพวกนาซีหรืออยากเป็นฮิตเลอร์ แต่ความไม่เป็นประชาธิปไตย
นิยมชมชอบผู้นำอย่างปูติน คิม จ็องอึน เป็นที่รับรู้กันทั่วไป ที่น่าตกใจกว่าคือคนอเมริกันหลายล้านที่ไม่เห็นด้วยกับความเสมอภาคเท่าเทียม
คิดว่าพวกตนมีอภิสิทธิ์ เช่น กลุ่ม White Supremacy กับ Proud
Boys
White Supremacy:
คนผิวขาวมักเลือกรีพับลิกัน
หลายคนนิยม White Supremacy พวกนี้เทคะแนนให้พรรครีพับลิกัน
สนับสนุนทรัมป์อย่างเหนียวแน่น แม้ทรัมป์ทำผิดกฎหมายหลายเรื่องที่คดีความจบแล้ว
มีพฤติกรรมสร้างความเสื่อมเสียแก่ประเทศ ละเมิดสิทธิมนุษยชน
White
Supremacy เป็นเรื่องที่คนผิวขาวบางกลุ่มเห็นว่าตนเป็นผู้ปกครองประเทศอันชอบธรรม
มีอภิสิทธิ์เหนือชนกลุ่มน้อยชนเชื้อสายอื่นๆ
เป็นความชอบธรรมที่คนผิวขาวใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ส่วนคนผิวสีต้องเป็นผู้รับใช้คนผิวขาว
การเหยียดผิวเหยียดเชื้อชาติในสหรัฐที่กำลังพูดถึงไม่ใช่กรณีทัศนคติส่วนบุคคลแต่เป็นค่านิยมสังคม
ยึดถือในคนกลุ่มก้อนใหญ่ คนเหล่านี้ต่อต้านความเสมอภาคเท่าเทียม แม้คนผิวสีชนกลุ่มน้อยเป็นพลเมืองอเมริกันตามกฎหมาย
ในช่วงหาเสียงการชี้ว่าอีกฝ่ายแย่ไม่น่าเลือกเป็นแนวทางรณรงค์เลือกตั้งเชิงลบ
(Negative Campaign) พยายามสร้างบุคลิกภาพลักษณ์แง่ลบ
ชี้ให้สาธารณชนเห็นว่าผู้สมัครฝ่ายตรงข้ามอ่อนแอ ไร้น้ำยา ฉ้อฉล
ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ไม่ซื่อสัตย์ เชื่อถือไม่ได้ ขาดคุณธรรม ไม่รักชาติ โง่เขลา ทำเพื่อตัวเอง ไม่เป็นประชาธิปไตย คำพูดเช่นนี้ประชาชนต้องใช้สติปัญญาความรู้ความเข้าใจ
ไม่หลงไปกับความเท็จที่นักการเมืองตั้งใจสร้างขึ้น ต้องสามารถแยกความจริงออกจากความเท็จ
ไม่ถูกนักการเมืองบางคนหลอกใช้
ที่สุดแล้วควรตั้งถามว่าการเมืองที่เป็นอยู่ทำให้ชีวิตดีขึ้นหรือไม่
สังคมกำลังสู่ความก้าวหน้ายั่งยืนหรือกำลังทำลายตัวเอง เลือกตั้งวันนี้มีผลต่อวันพรุ่งนี้
ย้อนดูผลการสำรวจของ Quinnipiac
University Poll เมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา คนอเมริกัน 47%
ไม่เอาผู้สมัครที่มาจาก 2 พรรคใหญ่ สนใจพรรคทางเลือกที่ 3 (a third-party
candidate) ตอกย้ำความจริงที่ว่าคนอเมริกันเบื่อหน่ายการเมือง
ไม่คิดว่าพรรคเดโมแครทกับรีพับลิกันเป็นทางออก
แต่ที่สุดแล้วเมื่อมาถึงสัปดาห์สุดท้ายก่อนเลือกตั้งคนอเมริกันได้แต่เลือกตัวแทนจาก
2 พรรคใหญ่อยู่ดี ซ้ำรอยการเลือกตั้งรอบก่อนๆ เป็นระบอบการเมืองที่คนอเมริกันยังเอาชนะไม่ได้
หลายคนคิดว่าระบอบการเมืองปัจจุบันไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชนจริง
รู้สึกแปลกแยกต่อนักการเมือง
ประเด็นความไม่เป็นประชาธิปไตยบ่งชี้ว่าประชาธิปไตยสหรัฐยังไม่สมบูรณ์
แต่ต้องยอมรับว่า หากเทียบกับหลายประเทศ การเมืองอเมริกาพัฒนามากกว่า
วัฒนธรรมประชาธิปไตยแข็งแรง สังคมส่งเสริมเสรีภาพทางความคิด แม้ประชาชนมีความเห็นต่าง
ที่สุดแล้วระบบสามารถแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ไม่ลุกลามบานปลาย
เป็นประเทศที่สามารถดึงประโยชน์จากดำรงอยู่ในประชาคมโลก (ไม่ว่าต่างชาติจะเห็นด้วยกับนโยบายสหรัฐหรือไม่ก็ตาม)
จึงสมควรเรียนรู้ทั้งจุดอ่อนจุดแข็งของอเมริกา นำมาปรับใช้กับตัวเอง
----------------------------
2. I’m the opposite
of a Nazi – Trump. (2024, October 29). RT. Retrieved from https://www.rt.com/news/606668-trump-denies-being-nazi/
3. Trump
says Harris has gone 'full communist' after unveiling handout-filled economic
policy: 'Never worked'. (2024, August 17). Fox
News. Retrieved from
https://www.foxnews.com/politics/trump-says-harris-full-communist-unveiling-handout-ridden-economic-policy-never-worked
4. Trump’s former
chief of staff says he fits ‘fascist’ definition and prefers ‘dictator
approach’. (2024, October 23). CNN. Retrieved from
https://edition.cnn.com/2024/10/22/politics/trump-fascist-john-kelly/index.html?iid=cnn_buildContentRecirc_end_recirc
5. What is
fascism? And why does Harris say Trump is a fascist? (2024, October 25). AP.
Retrieved from
https://apnews.com/article/fascism-meaning-harris-trump-kelly-fda56694feb1825dcf6477c8081a563d
-----------------