ท่าทีความมั่นคงของเนทันยาฮู2024 (1)

บัดนี้สถานการณ์ชี้ชัดแล้วว่าอิสราเอลกำลังจัดการฮิซบอลเลาะห์ต่อจากฮามาส ทำลายอิหร่านกับสมุนให้เสียหายหนัก

            กันยายน 2024 เบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) กล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ แสดงท่าทีความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านและกลุ่มต่างๆ ตามบริบทล่าสุด มีสาระสำคัญพร้อมการวิเคราะห์ ดังนี้

ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม:

            อิสราเอลโหยหาสันติภาพ อยากทำข้อตกลงสันติภาพแต่ศัตรูต้องการทำลายล้าง อิสราเอลจึงจำต้องป้องกันตัวเอง

            ศัตรูไม่เพียงต้องการฆ่าให้ตายยังหวังทำลายอายธรรม อยากนำอิสราเอลกลับสู่ยุคมืดอันโหดร้ายน่าสะพึงกลัว การตัดสินใจเข้าทำสงครามเมื่อปีก่อน เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญส่งผลต่ออนาคตชนรุ่นหลัง การตัดสินใจจัดการกับอิหร่านในวันนี้มีผลต่อความสมานฉันท์ระหว่างอาหรับกับยิวในอนาคต

ต้องหยุดอิหร่านให้จงได้:

            นายกฯ เนทันยาฮูกล่าวว่ารัฐบาลอิสราเอลพยายามปรับความสัมพันธ์กับซาอุดิอาระเบียและเห็นแววสำเร็จมากขึ้น แต่แล้วการรุกรานของฮามาสเมื่อ 7 ตุลาคม 2023 สังหารคนอิสราเอลกว่า 1,200 คน จับกุมตัวประกัน 251 คน ทำให้สถานการณ์ร้อนแรงขึ้นทันที วันต่อมาฮิซบอลเลาะห์ฉวยโอกาสโจมตีจากเลบานอน ถึงวันนี้พวกเขายิงจรวดนานาชนิดใส่เรากว่า 8,000 ลูก พ่วงด้วยพวกฮูตีในเยเมน กองกำลังชีอะห์ในซีเรียกับอิรักดังที่ทุกคนรับรู้

            การโจมตีเหล่านี้อิหร่านเป็นผู้หนุนหลัง นโยบายของอิหร่านทำร้ายตะวันออกกลางจำต้องหยุดอิหร่านให้จงได้และต้องหยุดเดี๋ยวนี้ นายกฯ เนทันยาฮูกล่าวว่า “ถ้าอิหร่านมีเสรี (เป็นประชาธิปไตย) ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไป และคาดว่าน่าจะเป็นเช่นนี้ในไม่ช้า” เมื่อนั้น “ชาวยิวกับเปอร์เซีย อิสราเอลกับอิหร่านจะอยู่ด้วยกันอย่างสงบ”

            แต่ไหนแต่ไรนายกฯ เนทันยาฮูมีจุดยืนข้อนี้ ยกตัวอย่างกุมภาพันธ์ 2018 กล่าวว่าอิสราเอลไม่มีปัญหาอะไรกับชาวอิหร่าน แต่ระบอบอิหร่านจะต้องล้มในที่สุด และเมื่อนั้นทั้งคนอิสราเอลกับชาวอิหร่านจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

            ในสายตาอิสราเอล อิหร่านเป็นปรปักษ์หลัก ต้นเหตุความขัดแย้งรุนแรงกับอิสราเอลในขณะนี้และเป็นเช่นนี้มานาน เป้าหมายสุดท้ายต้องล้มระบอบอิหร่านให้จงได้

            ความตอนหนึ่งนายกฯ เนทันยาฮูกล่าวว่าด้วยเหตุผลทั้งหลายนานาชาติต้องสนับสนุนอิสราเอล ร่วมกันหยุดโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติต้องคว่ำบาตร ที่ผ่านมานานาชาติไม่ทำอะไร อิหร่านจึงมีเวลานับสิบปีพัฒนานิวเคลียร์ กำลังจะสร้างเป็นอาวุธ นานาชาติต้องร่วมกันทันทีเพื่อความปลอดภัยความมั่นคงของโลก ไม่ยอมให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ ถ้าอิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์จะไม่แค่ทำลายอิสราเอลแต่คุกคามทั้งโลก”

            นานาชาติต้องเลือกว่าต้องการเห็นโลกที่สงบสุขหรือไม่ หรือจะปล่อยให้อิหร่านกับตัวแทนสร้างเหตุนองเลือดความโกลาหลต่อไป รัฐบาลอิสราเอลตัดสินใจแล้ว จะร่วมกับหุ้นส่วนและเพื่อนบ้านอาหรับต่อสู้ความชั่วร้ายนี้

            โครงการนิวเคลียร์อิหร่านเป็นประเด็นที่อิสราเอลใช้เผชิญหน้าอิหร่านเสมอ ในอีกด้านนานาชาติยอมรับว่าอิสราเอลมีนิวเคลียร์กว่าร้อยลูก ตามหลักการป้องปรามถ้าศัตรูมีอาวุธนิวเคลียร์ตัวเองต้องมีนิวเคลียร์ด้วย แต่รัฐบาลอิสราเอลจะข้ามหลักป้องปรามนี้ เป็นการมองด้านเดียวยึดผลประโยชน์ส่วนตนฝ่ายเดียว อิสราเอลมีสิทธิ์ยึดนโยบายดังกล่าวแต่ผลลัพธ์คือเพื่อนบ้านไม่ไว้วางใจ

ฮามาส:

            พวกฮามาสถูกสังหารเกือบ 40,000 คนแล้ว กลุ่มมีจรวดกว่า 15,000 ลูก อุโมงค์ยาว 350 ไมล์ ฐานใต้ดินบางจุดใหญ่กว่าสถานีรถไฟใต้ดินนิวยอร์ก อย่างไรก็ตามกองทัพอิสราเอลจะไม่หยุดเท่านี้ ฮามาสพร้อมรวมตัวใหม่เสมอ ยังมีอิทธิพลต่อชาวบ้านกาซา ประกาศสู้กับอิสราเอลต่อไป อิสราเอลจึงต้องทำลายส่วนที่เหลือ นำตัวประกันทั้งหมดกลับบ้าน ไม่อาจปล่อยให้ฮามาสฟื้นตัวและเกิดเหตุร้ายซ้ำ วนเวียนอยู่อย่างนี้

            อิสราเอลยินดีอยู่ร่วมกับฮามาส หากพวกเขายอมแพ้และวางอาวุธ ปล่อยตัวประกันทั้งหมด เป้าหมายคือกาซาต้องปลอดอาวุธ ปลอดกลุ่มหัวรุนแรง อิสราเอลยินดีร่วมมือกันเพื่อนบ้านจัดตั้งองค์กรบริหารกาซาบนเงื่อนไขอยู่ร่วมกับอิสราเอลโดยสันติ

            ย้อนหลังเมื่อสงครามผ่านไป 1 เดือนนายกฯ เนทันยาฮูกล่าวว่าไม่มีแผนยึดครองฉนวนกาซา ไม่คิดย้ายใครออก คิดแต่ทำอย่างไรที่คนกาซากับอิสราเอลจะอยู่ด้วยกันได้ ให้กาซามีผู้ปกครองพลเรือนของตนเอง ในเวลาต่อมาชี้ว่านายมาห์มูด อับบาส ผู้นำ PA ควรมีบทบาทเรื่องนี้

            ที่น่าติดตามคือการไม่ยึดครองกาซา ไม่ได้หมายความว่าทหารอิสราเอลจะไม่อยู่ยาว อาจอยู่ต่ออีกนานเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยร่วมกับการบริหารของ PA และน่าจะใช้แนวทางนี้กับพื้นที่ปาเลสไตน์ทั้งหมด

ฮิซบอลเลาะห์:

            หลายสิบปีที่ผ่านมาอิสราเอลปะทะกับฮิซบอลเลาะห์เป็นระยะ ครั้งนี้อิสราเอลจะจัดการเด็ดขาดไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนี้อีกต่อไป

            ฮิซบอลเลาะห์โจมตีอิสราเอลหนักอีกครั้งเมื่อฮามาสบุกอิสราเอล จนต้องอพยพชาวบ้านกว่า 60,000 คนออกจากพื้นที่ เมืองที่เคยมีชีวิตชีวากลายเป็นเมืองร้าง รัฐบาลปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้ ต้องทำบางอย่างเพื่อให้มั่นใจว่าประชาชน 60,000 คนปลอดภัย ไม่โดนโจมตีอีก

            18 ปีแล้วที่ฮิซบอลเลาะห์ละเมิดข้อมติคณะมนตรีความมั่นคง 1701 ที่ต้องถอนกำลังพ้นจากแนวชายแดน พวกเขาสร้างอุโมงค์ลับเพื่อบุกเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว หรือเพื่อยิงจรวดผ่านเครือข่ายอุโมงค์ ไม่เพียงที่ตั้งทางทหารที่ตกเป็นเป้า บ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาลโดนโจมตีด้วย

            พวกฮิซบอลเลาะห์ตั้งตนเป็นศัตรู คอยโจมตีอิสราเอลเป็นระยะ ครั้งนี้อิสราเอลจึงเห็นควรตอบโต้เด็ดขาด เป็นสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะขจัดภัยคุกคาม ให้ประชาชนอิสราเอลสามารถกลับไปอยู่บ้านตัวเองอย่างปลอดภัยไร้กังวล

            ล่าสุดต้นเดือนพฤศจิกายน 2024 นายกฯ เนทันยูประกาศว่าจะผลักพวกฮิซบอลเลาะห์ให้อยู่หลังแนวแม่น้ำ Litani ไม่ว่าจะได้มาด้วยการเจรจาหรือด้วยกำลัง และจะต้องตัดช่องทางส่งอาวุธกำลังบำรุงผ่านซีเรีย เป้าหมายคือต้องไม่มีพวกฮิซบอลเลาะห์ตามพรมแดนทางเหนือ”

            แม่น้ำ Litani ห่างจากพรมแดนอิสราเอล 30-50 กิโลเมตร (ขึ้นกับจุดที่วัด) หมายความว่าพื้นที่ส่วนนี้จะอยู่ใต้การควบคุมโดยกองทัพอิสราเอลหรือนานาชาติ

            ดังที่เคยนำเสนอแล้วว่าต่อจากสงคราม “ฮามาส-อิสราเอล” อาจเป็น “ฮิซบอลเลาะห์-อิสราเอล” เปรียบเสมือนแขนซ้ายกับแขนขวาอิหร่านที่จะทุบอิสราเอลให้จมดิน บัดนี้สถานการณ์ชี้ชัดแล้วว่าอิสราเอลกำลังจัดการฮิซบอลเลาะห์ต่อจากฮามาส ตรงตามคำกล่าวของเนทันยาฮู “ยุทธศาสตร์ระยะยาวของเราคือทำลาย axis of evil ตัดแขนทางใต้กับทางเหนือ ทำลายอิหร่านกับสมุนให้เสียหายหนัก”

            แต่อิสราเอลที่สูญเสียมากแล้วต้องสูญเสียมากขึ้นถ้าส่งกองทัพรบทางภาคพื้นดิน ข้อนี้ยังต้องติดตามว่ากองทัพอิสราเอลจะบุกเข้าไปลึกถึง 30 กิโลเมตรหรือไม่ อิสราเอลอาจเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ศึกนี้ต้องจ่ายราคาหนักทั้งสองฝ่าย ตามข้อมูลอิหร่านฮิซบอลเลาะห์มีกองกำลังถึงแสนนาย จรวดขีปนาวุธรวม 150,000 ลูก และยังคงพัฒนาอาวุธต่อเนื่อง

            ถ้อยแถลงของนายกฯ เนทันยาฮูต่อสมัชชาสหประชาชาติ 2024 มีทั้งจุดยืนเดิมกับจุดยืนใหม่ สถานการณ์ล่าสุดคือสงครามฮิซบอลเลาะห์-อิสราเอล ที่กองทัพอิสราเอลอยู่ในช่วงโจมตีทางอากาศ คาดว่าเฟสต่อไปคือการบุกกวาดล้างทางภาคพื้นดิน การปะทะกับอิหร่านเป็นประเด็นที่ควรให้ความสำคัญที่สุด หากกลายเป็นสงครามใหญ่จะส่งผลต่อโลก ชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์อาจเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนสถานการณ์ แม้ทรัมป์ไม่ต้องการสงคราม แต่ทรัมป์มองอิหร่านเป็นปรปักษ์ไม่ต่างจากรัฐบาลไบเดน ไม่ต่างจากรัฐบาลสหรัฐชุดก่อนๆ อาจต่างกันเพียงวิธีปฏิบัติ ความเข้มข้นรุนแรงเท่านั้น เหตุที่อิสราเอลทำสงครามได้นานเพราะรัฐบาลสหรัฐหนุนหลัง

10 พฤศจิกายน 2024
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 29 ฉบับที่ 10222 วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567)

-------------------

บรรณานุกรม :

1. Full text of Netanyahu’s UN speech: ‘Enough is enough,’ he says of Hezbollah, also warns Iran. (2024, September 27). Times of Israel. Retrieved from https://www.timesofisrael.com/full-text-of-netanyahus-un-speech-enough-is-enough-he-says-of-hezbollah-also-warns-iran/

2. Netanyahu to Iran: ‘Do Not Test Israel’s Resolve’. (2018, February 18). Haaretz. Retrieved from https://www.haaretz.com/middle-east-news/full-text-netanyahu-s-speech-on-iran-in-munich-1.5826934

3. Netanyahu rules out ceasefire, says no plans to occupy Gaza. (2023, November 10). Arab News. Retrieved from https://www.arabnews.com/node/2406366/middle-east

4. Netanyahu: Gazans’ should flee, IDF to revenge ‘black day’. (2023, October 7). The Jerusalem Post. Retrieved from https://www.jpost.com/arab-israeli-conflict/article-763179

5. Netanyahu: Iran regime change will come a ‘lot sooner than people think’. (2024, September 30). Politico. Retrieved from https://www.politico.eu/article/benjamin-netanyahu-iran-regime-change-video-israel-hezbollah-war/

6. Visiting border, PM vows to restore security in north ‘with or without an agreement’. (2024, November 3). Times of Israel. Retrieved from https://www.timesofisrael.com/visiting-border-pm-vows-to-restore-security-in-north-with-or-without-an-agreement/

-----------------