ถ้าเลือกทรัมป์จะระงับสงครามโลกครั้งที่ 3 (1)

การหาเสียงด้วยความหวาดกลัวเป็นแนวทางที่ทรัมป์ใช้เสมอ เช่น พูดว่าจะเกิดสงครามกลางเมืองถ้าเขาไม่ชนะเลือกตั้ง หรือเกิดสงครามโลกถ้าพรรคเดโมแครทชนะเลือกตั้ง

            กรกฎาคม 2024 โดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่าถ้ากมลา แฮร์ริสชนะเลือกตั้ง จะเกิดสงครามใหญ่ในตะวันออกกลางและมีความเป็นไปได้มากว่าจะกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ดูจากความขัดแย้งในตะวันออกกลางตอนนี้ (รัฐบาลไบเดน) ที่ไม่ไกลจากสงครามโลก

            กลางเดือนสิงหาคม 2024 ทรัมป์กล่าวว่าหากตนเป็นชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย รอบหน้าโลกต้องไม่กังวลว่าอิหร่านจะก่อสงครามหรือไม่ “จะไม่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ไม่มีเหตุผลใดที่จะทำสงครามโลก” ยกตัวอย่างการปะทะระหว่างฝ่ายอิหร่านกับอิสราเอลที่ความจริงแล้วไม่จำต้องเกิด ฝ่ายอิหร่านไม่น่ากังวลเพราะตอนนี้ขาดเงินสนับสนุนฮามาส ฮิซบอลเลาะห์ ไม่มีงบอุดหนุนก่อเหตุร้ายแรง ดังที่รัฐบาลไบเดนพยายามพูดถึงภัยคุกคามจากอิหร่าน

            ทรัมป์จึงกล่าวหาแฮร์ริสอาจนำสู่สงครามโลก ส่วนนโยบายของตนคือให้ทุกฝ่ายในตะวันออกกลางยุติการสู้รบทันที บทความนี้นำเสนอเทคนิคและวิพากษ์การหาเสียงของทรัมป์เรื่องสงครามโลก สามารถอธิบายขยายความหลากหลาย

ทฤษฎีสมคบคิด:

            ทฤษฎีสมคบคิดหลายแนวระบุว่ากำลังจะเกิดสงครามโลกครั้งใหม่ในไม่ช้า บ้างตีความว่าเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 แล้ว บางทฤษฎีฟันธงว่าเป็นสงครามล้างโลก ล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ จาก 7.8 พันล้านคนเหลือหลักร้อยล้านหรือไม่กี่สิบล้านคน เป็นสงครามที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้กุมอำนาจลับ รัฐพันลึก (deep state) ตั้งใจให้เกิดเช่นนั้น เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการควบคุมมนุษย์

            ถ้าสังเกตสักเล็กน้อยจะพบว่า ทฤษฎีสมคบคิดที่มีหลากหลายแนวขัดแย้งกันเอง ไม่อาจพิสูจน์ว่าแบบไหนถูกต้อง พอจะสรุปได้ว่าโลกกำลังเข้าสู่สงครามใหญ่ หายนะกำลังคืบคลานเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ (ไม่ว่าจะใช้นิวเคลียร์หรือไม่ ใช้มากใช้น้อย)

            คำพูดของทรัมป์บ่งชี้ว่ารัฐบาลสหรัฐในอนาคตอาจก่อสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือมีส่วนในสงครามนี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นแนวทางที่หลายคนเอ่ยถึง บ้างฟันธงว่าท้ายที่สุดรัฐบาลหรือรัฐพันลึกสหรัฐจะก่อสงคราม สหรัฐอาจไม่เริ่มต้นที่ตัวเองแต่วางแผนให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงในที่ต่างๆ จนนำสู่สงครามล้างโลกในที่สุด รัฐบาลสหรัฐไม่ต้องรับผิดชอบหายนะโลกโดยตรง พยายามไม่ให้สงครามกระทบตัวเอง

ด้วยการสร้างความหวาดกลัว:

            เทคนิคหาเสียงด้วยการสร้างความกลัวเป็นแนวทางที่นักการเมืองใช้เรื่อยมา ย้อนเลือกตั้งปี 2016 ที่ทรัมป์ชนะได้เป็นประธานาธิบดีสมัยครั้งแรก ครั้งนั้นทรัมป์ใช้โรคกลัวอิสลาม (Islamophobia) ที่เป็นกระแสในตอนนั้นชี้ว่านโยบายของเขาสามารถจัดการปราบปรามผู้ก่อการร้ายเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ถ้าเลือกเขาประเทศจะปลอดภัย เป็นวิธีเดียวกับประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชตอบสนองเหตุการณ์ 9/11ชาวอเมริกันส่วนใหญ่คล้อยตามบุช จึงเกิดสงครามอัฟกานิสถาน ส่งกองทัพนับแสนเข้าตะวันออกกลางทำสงครามโค่นล้มระบอบซัดดัม ฮุสเซน  

            การหาเสียงด้วยความหวาดกลัวเป็นแนวทางที่ทรัมป์ใช้เสมอ เช่น พูดว่าจะเกิดสงครามกลางเมืองถ้าเขาไม่ชนะเลือกตั้ง ถ้าพรรคเดโมแครทชนะ (พรรคประชาธิปัตย์ชนะ) อเมริกาจะกลายเป็นสังคมนิยม (คอมมิวนิสต์) ตีตราว่าพวกเดโมแครท (ฝ่ายประชาธิปไตย) นิยมชมชอบแนวทางสังคมนิยม กมลา แฮร์ริส เป็นพวกซ้ายจัดหัวรุนแรง ("most radical left person") สมาชิกรีพับลิกันอีกหลายคนพยายามพูดเช่นนั้นเหมือนกัน

            เป็นความจริงที่ว่าสมาชิกพรรคนี้มีกลุ่มที่ยึดแนวทางสังคมนิยมประชาธิปไตย เช่น กลุ่มของเบอร์นี แซนเดอร์ส (Bernie Sanders) วุฒิสมาชิกรัฐเวอร์มอนต์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครทเมื่อปี 2020 นำเสนอแนวคิด “สังคมนิยมประชาธิปไตย” (Democratic Socialism)

            พวกต่อต้านวุฒิสมาชิกแซนเดอร์สจะโจมตีว่าแนวทางที่พูดคือการโฆษณาชวนเชื่อของพวกสังคมนิยม ไม่ต่างจากนักสังคมนิยมอื่นๆ อย่างคาร์ล มาร์กซ์ (Karl Marx) วลาดีมีร์ เลนิน (Vladimir Lenin) ใช้แนวทางเดิมที่ใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น สร้างกลุ่มคณาธิปไตยผู้ควบคุมกิจกรรมแทบทุกด้านของสังคม

            มีข้อมูลว่าปัจจุบันหนุ่มสาวอเมริกันมองแง่บวกต่อสังคมนิยมมากขึ้น แต่ผู้ที่คิดจะลงคะแนนให้ผู้สมัครที่เป็นนักสังคมนิยมยังไม่มากเท่าไหร่ คนรุ่นใหม่ต่อต้านชนชั้นปกครองของฝ่ายทุนนิยม แต่ไม่อยากถูกควบคุมด้วยรัฐอย่างเข้มข้นเช่นกัน ดังนั้นไม่น่าจะสรุปว่าอเมริกากำลังก้าวสู่สังคมนิยม

สงครามล้างโลก:

            เลือกตั้งครั้งนี้ทรัมป์ใช้เทคนิคเก่า ยกประเด็นสงครามล้างโลกอีกครั้ง เปลี่ยนแค่บริบทเท่านั้น ปี 2016 ทรัมป์ใช้ประเด็น โรคกลัวรัสเซีย” (Russophobia) ชี้ว่าฮิลลารี คลินตัน (คู่แข่งจากเดโมแครท) จะนำประเทศเข้าทำสงครามอย่างไม่จบสิ้น “ใช้กำลังทหารเปลี่ยนโลก เราจะเห็นสงครามในหลายภูมิภาคและอาจรวมถึงสงครามนิวเคลียร์กับรัสเซียหรือจีน หรือทั้งคู่”

            ในอีกวาระกล่าวว่านโยบายของฮิลลารีจะ “นำสู่สงครามโลกครั้งที่ 3” อาจปะทะกับรัสเซีย ฮิลลารีไม่สามารถเจรจากับประธานาธิบดีปูติน เนื่องจากวิพากษ์ปูตินแง่ลบตลอด “เรื่องจะลงเอยด้วยสงครามโลกครั้งที่ 3 ... ถ้าพวกคุณฟังฮิลลารี คลินตัน”

            ถ้าคิดอย่างมีเหตุผลควรตั้งคำถามว่าทั้งคลินตันกับปูตินและประชาคมโลกต้องการสงครามล้างโลกหรือไม่ แต่เนื่องจากสังคมอเมริกันอ่อนไหวเรื่องนี้มาก ทรัมป์จึงยกเรื่องนี้ พูดให้รุนแรงเข้าไว้เพื่อให้คนอเมริกันหวาดกลัว คิดว่าจะเกิดสงครามล้างโลก เข้าคูหากาทรัมป์เพื่อเลี่ยงสงคราม

คิดอย่างมีเหตุมีผล:

            ถ้าพูดถึงความขัดแย้งในตะวันออกกลาง สิ่งที่อิสราเอลต้องการคือขยายดินแดน เป็นนโยบายหลักที่ใช้มาตั้งแต่ก่อตั้งรัฐอิสราเอลสมัยใหม่ ทุกวันนี้ยังพยายามกินดินแดนปาเลสไตน์ทีละน้อยและให้คนของตนเข้าไปตั้งถิ่นฐานที่นั่น อิสราเอลจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เป็นไพ่สุดท้ายเพื่อป้องกันตนเอง ไม่ต่างจากประเทศอื่นๆ ที่มีอาวุธนี้ ดังนั้นรัฐบาลอิสราเอลต้องการให้คนของตนมีชีวิตอยู่รอด ไม่ใช่สงครามล้างโลก

            ในฝั่งอิหร่าน ตั้งแต่เริ่มสงครามฮามาส-อิสราเอลเมื่อตุลาคม 2023 อิหร่านกับกองกำลังที่อิหร่านหนุนหลัง (เช่น ฮามาส ฮิซบอลเลาะห์ ฮูตี) เป็นพวกที่ทำสงครามหรือปะทะอิสราเอลด้วยอาวุธ รัฐบาลอิหร่านพยายามวางตัวว่าไม่อยู่เบื้องหลังกองกำลังเหล่านี้ เป็นการตีตัวออกห่างจากสงคราม

            เมษายน 2024 เปิดประวัติศาสตร์การปะทะโดยตรงระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล แต่ครั้งนั้นเป็นการปะทะจำกัดขอบเขต อิหร่านโจมตีเพียงชุดเดียวแล้วประกาศว่าจะไม่ยิงอีกเว้นแต่อิสราเอลโต้กลับ สุดท้ายเป็นเพียงการปะทะพอหอมปากหอมคอ การปะทะรอบเมษาชี้ให้เห็นว่าทั้งอิสราเอลกับอิหร่านต่างไตร่ตรองรอบคอบ รู้ว่ากำลังทำอะไร ไม่ปล่อยตามอารมณ์หรือเหตุผลส่วนตัวของใครบางคน สงครามใหญ่หรือสงครามนิวเคลียร์ล้างโลกจึงไม่เกิดขึ้นง่ายๆ

            ในสถานการณ์ล่าสุดรัฐบาลอิหร่านประกาศลงโทษอิสราเอลอีกครั้ง เพื่อล้างแค้นให้อิสมาอิล ฮานิเยห์ (Ismail Haniyeh) หัวหน้าฝ่ายการเมืองฮามาส สังเกตว่าแม้จะใช้ถ้อยคำขึงขังแต่เป็นการตอบโต้เพื่อตัวบุคคลเท่านั้น (ล้างแค้นให้ฮานิเยห์) ทุกวันนี้อิหร่านทำสงครามตัวแทนกับอิสราเอลอยู่แล้ว อาวุธจำนวนมากที่ฮามาส ฮิซบอลเลาะห์ใช้มาจากอิหร่าน (หรือจากการสนับสนุนของอิหร่าน) กองกำลังเหล่านี้ยิงจรวดขีปนาวุธน้อยใหญ่ใสอิสราเอลนับหมื่นลูกแล้ว ฮานิเยห์เป็นส่วนหนึ่งของสงคราม จึงคาดการณ์ว่าหากอิหร่านโจมตีอิสราเอลอีกครั้งจะเป็นสงครามจำกัดขอบเขตเช่นเคย

            ข้อผิดพลาดร้ายแรงสุดของทรัมป์คือชี้ว่าฝ่ายเดโมแครทหวังนำสู่สงครามใหญ่ แม้รัฐบาลไบเดนประกาศยืนเคียงข้างอิสราเอล สนับสนุนทางการเมืองระหว่างประเทศ ส่งอาวุธให้อิสราเอลมากมาย (อาวุธหลักที่อิสราเอลถล่มกาซาจำนวนมาก MADE IN USA) แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐบาลไบเดนแสดงท่าทีขอให้เจรจาหยุดยิงเช่นกัน ส่วนจะจริงใจหรือไม่ขึ้นกับการตีความ ข้อมูลที่ใช้ แต่ทรัมป์เลือกที่จะข้ามส่วนนี้ พยายามย้ำว่าจะเกิดสงครามใหญ่ในตะวันออกกลางและอาจกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ถ้าเดโมแครทชนะเลือกตั้ง

1 กันยายน 2024
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 28 ฉบับที่ 10152 วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2567)

-----------------

บรรณานุกรม :1. Donald Trump's anti-Muslim remarks find many supporters. (2015, December 10). Pravda. Retrieved from http://www.pravdareport.com/news/world/10-12-2015/132831-donald_trump_muslims-0/

2. Harris win will lead to WWIII – Trump. (2024, July 27). RT. Retrieved from https://www.rt.com/news/601738-trump-kamala-harris-ww3/

3. Trump returns to X, pledging better US-Iran relations if elected. (2024, August 14). RT. Retrieved from https://www.rudaw.net/english/world/13082024

4. Trump says Clinton policy on Syria would lead to World War Three. (2016, October 26). CNBC/Reuters. Retrieved from http://www.cnbc.com/2016/10/25/trump-says-clinton-policy-on-syria-would-lead-to-world-war-three.html

5. Trump says if Kamala wins, World War III is virtually guaranteed. (2020, August 22). New Straits Times. Retrieved from https://www.nst.com.my/world/world/2024/08/1094950/trump-says-if-kamala-wins-world-war-iii-virtually-guaranteed

6. With Hillary as President 'We are Looking at Nuclear War With Russia or China'. (2016, September 16). Sputnik. Retrieved from https://sputniknews.com/politics/20160916/1045362244/clinton-president-russia-war.html

-----------------