ปลดปล่อยปาเลสไตน์เชิดชูอิหร่าน
การปลดปล่อยปาเลสไตน์เป็นประเด็นที่สัมพันธ์กับศาสนา เชิดชูอิหร่าน เป็นเหตุผลว่าทำไมอิหร่านจึงแสดงบทบาทเข้มแข็งโดดเด่นไม่หยุด
นับจากปฏิรูปอิหร่านเมื่อ ค.ศ.1977-79
ต่อต้านไซออนิสต์คือหนึ่งในนโยบายหลัก มกราคม 2001 อยาตุลเลาะห์
โคไมนี (Ayatollah Khomeini) พูดชัดว่า
“การลบอิสราเอลออกจากแผนที่ในภูมิภาคเป็นพันธกิจของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน”
กุมภาพันธ์
2006 ประธานาธิบดีมาห์มุด อาห์มาดิเนจาด (Mahmoud Ahmadinejad) กล่าวว่า “ตราบใดที่ระบอบไซออนิสต์ยังอยู่ ระบอบดังกล่าวจะคุกคามผู้เชื่อผู้ศรัทธาศาสนาอิสลาม”
การปลดปล่อยปาเลสไตน์
(Free Palestine) คือหนึ่งในนโยบายสำคัญที่สัมพันธ์กับการต่อต้านไซออนิสต์
บทความนี้ตัดตอนประมวลภาพตั้งแต่เริ่มสงครามฮามาส-อิสราเอลเมื่อ 7 ตุลาคม 2023
หรือราว 7 เดือนดังนี้
ไม่กี่วันหลังอิสราเอลโจมตีกงสุลอิหร่านในซีเรีย ฮัสซัน นัสรุลเลาะห์ (Hassan
Nasrallah) ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนฟันธงว่าต้นเหตุเพราะไซออนิสต์กับอเมริกาต่อต้านอิหร่าน
ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรปฏิเสธไม่ได้ว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่านมีมาเนิ่นนาน
รัฐบาลอิสราเอลพยายามเป็นมิตรแต่ไม่สำเร็จ
ด้วยหลักคิดเป็นศัตรูที่อยู่ร่วมโลกไม่ได้
เชิดชูอิหร่าน:
ก่อนอื่นต้องยอมรับว่าหลายประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับอิสราเอล
อยากให้รัฐบาลเนทันยาฮูยุติการรบ หยุดเข่นฆ่าประชาชน
พวกรัฐอาหรับแสดงบทบาทแข็งขันไม่น้อย สันนิบาตอาหรับ (Arab League) กับองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) มีมติคว่ำบาตรห้ามขายอาวุธกับกระสุนแก่อิสราเอล
แม้ไม่ใช่การคว่ำบาตรน้ำมันกับอาหารตามที่อิหร่านเสนอ หลายครั้งพิสูจน์แล้วว่าแรงกดดันจากอาหรับได้ผลไม่น้อย
เพียงแต่ไม่สามารถหยุดกองทัพอิสราเอลเข้ากวาดล้างพวกฮามาส
เรื่องที่ช่วยให้อิหร่านโดดเด่นจริงๆ
คือการที่อิหร่านกับกองกำลังที่อิหร่านหนุน อันได้แก่ ฮิซบอลเลาะห์ ฮูตี
กองกำลังในอิรักกับซีเรียเปิดฉากรบกับอิสราเอล
บางส่วนปะทะกับกองกำลังสหรัฐกับพวกในตะวันออกกลาง ในทะเลแดง
การรบของกองกำลังที่อิหร่านหนุนหลัง
(รวมทั้งฮามาส) จึงเชิดชูบทบาทอิหร่านตั้งแต่เริ่มสงครามฮามาส-อิสราเอลในรอบนี้
ต่อมา
6 เดือนหลังสงครามตัวแทน (proxy war)
ในที่สุดอิหร่านปะทะโดยตรงกับอิสราเอล อิหม่ามคาเมเนอีชี้ว่าสถานกงสุลของประเทศใดเป็นอาณาเขตของประเทศนั้น
เมื่อถูกโจมตีเท่ากับประเทศถูกโจมตี อาลัยนายทหารอาวุโส 2 นาย
(สังกัด Quds Force) พร้อมกับเจ้าหน้าที่ทั้งหมดรวม 13 คนที่เสียชีวิต ประกาศว่า “ระบอบชั่วช้า (evil regime) ทำพลาดแล้วและต้องได้รับโทษ” พร้อมกับประณามรัฐบาลตะวันตกที่สนับสนุนอิสราเอลสังหารชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา
ผู้บริสุทธิ์มากมายเสียชีวิต
เป็นอีกครั้งที่รัฐบาลตะวันตกแสดงความชั่วร้ายของพวกเขา
อิสราเอลใช้วิธีสกัดกั้นน้ำ อาหาร ไฟฟ้า สร้างความทุกข์ยากแก่คนกาซา
แต่การรบโดยตรงเป็นเพียงการปะทะเล็กน้อย
อิหร่านแสดงตัวตั้งแต่ต้นว่าไม่ต้องการสงคราม ผู้เชี่ยวชาญตีความว่าเป็นการปะทะเชิงสัญลักษณ์
แต่ต้องบันทึกว่า 2 ประเทศนี้ได้รบกันโดยตรงแล้ว
ที่น่าคิดคือเมื่อได้รบกันครั้งหนึ่งย่อมควรคิดว่าอาจมีครั้งต่อไปและรุนแรงขึ้น
ข้อนี้เป็นอีกประเด็นที่ผู้เชี่ยวชาญกับนักการศาสนาให้ความสำคัญ
รัฐบาลอิสราเอลมักเอ่ยถึงนิวเคลียร์อิหร่าน ชี้ว่าอิหร่านจะใช้นิวเคลียร์กับตน
ไม่ว่าอิหร่านมีอาวุธทำลายล้างนี้แล้วหรือยัง (บางคนคิดว่ามี บางคนคิดว่ายังไม่มี
บางคนคิดว่าไม่ต้องการเพราะผิดหลักศาสนา) ที่แน่นอนคือนานาชาติยอมรับว่าอิสราเอลมีนิวเคลียร์
80-90 หัวรบและพัฒนาต่อเนื่อง
จึงกังวลว่าสักวันหนึ่งคงได้รบกันด้วยนิวเคลียร์
นายกฯ เนทันยาฮูพูดซ้ำหลายรอบว่าจะไม่ยอมให้ประเทศที่ประกาศซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะลบอิสราเอลออกจากแผนที่มีอาวุธนิวเคลียร์
อิสราเอลมีทางเลือกเดียวคือต้องป้องกันตนเองและพร้อมดำเนินการด้วยตนเอง น่าคิดว่าอิสราเอลจะชิงลงมือโจมตีอิหร่านด้วยนิวเคลียร์หรือไม่
หลักคิดคือก่อนที่อิหร่านจะลงมือลบอิสราเอลออกจากแผนที่โลก อิสราเอลขอชิงลงมือก่อน
ถ้าย้อนหลังตั้งแต่สถาปนารัฐอิสราเอลสมัยใหม่
ในตอนนั้นบรรดารัฐอาหรับ ชาติมุสลิมต่างพากันต่อต้านแข็งขัน อียิปต์
รัฐอาหรับทำสงครามใหญ่กับอิสราเอลหลายรอบ
แต่ระยะหลังจุดยืนรัฐบาลประเทศเหล่านี้ทยอยเปลี่ยนไป ลดแรงต่อต้านอิสราเอล
ซ้ำร้ายกว่านั้นคือญาติดีกับอิสราเอลอย่างเป็นทางการ
ตัวอย่างที่โดดเด่นและเกิดขึ้นไม่นานนี้คือ Abraham Accords สิงหาคม 2020 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กับอิสราเอลประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระดับปกติ
แถลงการณ์ร่วมระบุว่าเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์
ก้าวย่างสำคัญของสันติภาพตะวันออกกลาง เดือนถัดมา 11 กันยายน
บาห์เรนประกาศสถาปนาการทูตกับอิสราเอลเช่นกัน
เนื้อหาตอนหนึ่งใน Abraham Accord ระบุชัดว่าทั้งอาหรับกับยิวต่างเป็นลูกหลานของอับราฮัม
(Abraham) ภูมิภาคตะวันออกกลางประกอบด้วยมุสลิม ยิว
พวกนับถือคริสต์และศาสนาความเชื่ออื่นๆ แม้แตกต่างแต่ปรารถนาอยู่ร่วมกัน (spirit
of coexistence) ด้วยความเข้าใจและเคารพซึ่งกันและกัน
ซ้ำร้ายเมื่อไม่นานนี้มีกระแสข่าวรัฐบาลซาอุฯ
จะญาติดีกับอิสราเอลอย่างเป็นทางการด้วย มิถุนายน 2023 Antony Blinken รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศกล่าวว่าสหรัฐหวังช่วยให้อิสราเอลมีความสัมพันธ์ระดับปกติกับซาอุฯ
หวังว่าซาอุฯ
จะเข้าร่วม Abraham Accords
อันจะส่งเสริมให้ภูมิภาคมั่นคงยิ่งขึ้น
ล่าสุดไม่กี่วันก่อนข่าวปรับสัมพันธ์ซาอุฯ-อิสราเอลมาอีกครั้ง
เชื่อมโยงกับฮามาส การปลดปล่อยปาเลสไตน์
ไม่แปลกที่อยาตุลเลาะห์
ซัยยิด อาลี คาเมเนอี (Ayatollah Seyyed Ali Khamenei) ผู้นำสูงสุดอิหร่านใช้โอกาสนี้กล่าวโทษชาติมุสลิมบางประเทศว่าน่าผิดหวังที่ชาติอิสลามบางประเทศช่วยอิสราเอล
“ทรยศต่อชนชาติอิสลาม (Islamic Ummah) ทรยศตัวเอง
เอื้อให้ไซออนิสต์เข้มแข็งขึ้น” ที่ควรทำคือตัดขาดความสัมพันธ์เศรษฐกิจการเมืองกับไซออนิสต์
แต่ที่เราเห็นตอนนี้คือชาติอิสลามบางประเทศระงับความสัมพันธ์กับอิสราเอลชั่วคราวเท่านั้น
ในขณะที่พวกไม่ใช่มุสลิมในหลายประเทศทั้งสหรัฐ ยุโรป
แอฟริกาออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนปาเลสไตน์มากมายอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน
จากที่นำเสนอเป็นหลักฐานชี้ว่าในบรรดาชาติอิสลามที่ต่อต้านอิสราเอลอย่างแข็งขันต่อเนื่อง
บัดนี้เหลือแต่ประเทศอิหร่านเท่านั้น อาจตีความเชิงศาสนาว่าคือนิกายชีอะห์ อิหร่านจึงโดดเด่นในเวทีนานาชาติด้วยเรื่องนี้
โดยเฉพาะในกลุ่มมุสลิม อย่างไรก็ตามควรเข้าใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลักศาสนาที่มุสลิมบางคนบางกลุ่มเห็นต่างจากชีอะห์
ในมุมมองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต้องตระหนักว่า การญาติดีกับอิสราเอลเป็นการตัดสินใจของรัฐบาล
ประชาชนบางส่วนอาจไม่เห็นและอาจสนับสนุนอิหร่านแม้ต่างนิกาย (สนับสนุนเฉพาะประเด็นปลดปล่อยปาเลสไตน์)
หลังสถานการณ์ปะทะอิสราเอลคลี่คลาย อิหม่ามคาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่านกล่าวว่า นานาชาติได้เห็นเจตนาอันแน่วแน่ของประเทศอิหร่าน
กองทัพอิหร่านจะพัฒนาต่อไป ขอให้ชาวอิหร่านทุกคนตระหนักศักยภาพกับทักษะของแต่ละคน เข้าใจคำสอนและยึดมั่นศรัทธาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
ในฝั่งของอิหร่านตอกย้ำว่าเรื่องราวทั้งหมดสัมพันธ์กับศาสนาโดยตรง
นับจากปฏิวัติอิหร่าน
บทบาทอิหร่านในฐานะรัฐอิสลามชีอะห์โดดเด่นในเวทีโลก และยิ่งโดดเด่นในโลกมุสลิม
ส่วนหนึ่งมาจากตัวผู้นำอยาตุลเลาะห์ โคไมนี (Ayatollah Khomeini) การปฏิวัติเปลี่ยนการปกครองจากระบอบกษัตริย์มาเป็นระบอบศาสนา หรือที่เรียกว่าปฏิวัติอิสลาม
ผู้นำสูงสุด (Supreme Leader) คือผู้นำสูงสุดทั้งด้านศาสนากับการเมือง
มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญบางเรื่อง
ฝ่ายบริหารต้องดำเนินนโยบายที่สอดคล้องหรือไม่ขัดแย้งกับความเห็นของผู้นำสูงสุด
การปลดปล่อยปาเลสไตน์เป็นประเด็นที่สัมพันธ์กับศาสนา เป็นเรื่องที่ดำเนินต่อเนื่องมาอย่างยาวนานและพิสูจน์แล้วว่าเชิดชูอิหร่านหรือการปฏิวัติอิสลาม เป็นเหตุผลว่าทำไมอิหร่านจึงแสดงบทบาทเข้มแข็งโดดเด่นไม่หยุด
5 พฤษภาคม 2024
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 28 ฉบับที่ 10033 วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2567)
-------------------
บรรณานุกรม :
1. Abraham
Accord signing: top quotes from the signing ceremony. (2020,
September 16). The Jerusalem Post. Retrieved from https://www.jpost.com/middle-east/two-states-settlements-not-part-of-israel-deals-with-uae-bahrain-642424
2. Alexander, Yonah., & Hoenig, Milton.
(2008). The New Iranian Leadership: Ahmadinejad, Terrorism, Nuclear
Ambition, and the Middle East. USA: Greenwood Publishing Group.
3. Blinken takes aim at Israeli settlements; says US will
press ahead with Israel-Saudi normalization. (2023, June 5). AP. Retrieved
from
https://apnews.com/article/us-israel-palestinians-saudi-arabia-ccc8da5992301d9a95a4be29f1860808
4. Israel and the Kingdom of Bahrain to establish
'full diplomatic relations,' Trump says. (2020, September
11). CNN. Retrieved from
https://edition.cnn.com/2020/09/11/politics/israel-bahrain-trump/index.html
5. “Israel will be punished”. (2024, April
10). Tehran Times. Retrieved from
https://www.tehrantimes.com/news/496954/Israel-will-be-punished
6. Nasrallah: Iran response to consulate attack
“inevitable”. (2024, April 7). Tehran Times. Retrieved from https://www.tehrantimes.com/news/496824/Nasrallah-Iran-response-to-consulate-attack-inevitable
7. Naji, Kasra. (2008). Ahmadinejad: The
Secret History of Iran's Radical Leader. CA: University of California
Press.
8. Operation 'True
Promise' manifested willpower of Iranian people in international arena. (2024,
April 21). Tehran Times. Retrieved from
https://www.tehrantimes.com/news/497458/Operation-True-Promise-manifested-willpower-of-Iranian-people
9. What President Ahmadinejad Actually Said About
Israel and Iran's Nuclear Program. (2012, September 27). Information Clearing
House. Retrieved from http://www.informationclearinghouse.info/article12758.htm
-----------------