ประชาธิปไตยโลกถดถอยไม่หยุด อำนาจนิยมเข้มแข็ง
ประชาธิปไตยในแต่ละประเทศมีขึ้นมีลง โดยรวมแล้วเสรีภาพโลกถดถอยต่อเนื่องเป็นปีที่ 17 ฝ่ายอำนาจนิยมเข้มแข็งขึ้น แต่ประเทศประชาธิปไตยที่เข้มแข็งขึ้นก็มี
เป็นประจำทุกปี Freedom House องค์กรภาคประชาชนนำเสนอรายงานสิทธิเสรีภาพของประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ฉบับล่าสุดคือ Freedom in the World 2023: Marking 50 Years in the
Struggle for Democracy สรุปว่าเสรีภาพโลกถดถอยต่อเนื่องเป็นปีที่
17 แล้วและฝ่ายอำนาจนิยมเข้มแข็งขึ้น มีสาระสำคัญดังนี้
สาเหตุหลักที่ทำให้เสรีประชาธิปไตยหดตัวได้แก่
เกิดสงคราม เกิดรัฐประหาร ผู้มีตำแหน่งอำนาจทำลายสถาบันการเมืองหรือเข้าควบคุม
ภาพรวมความผิดพลาดเรื่องเลวร้ายโดยรัฐบาลอำนาจนิยมทำให้เกิดแรงต้านจากพลังประชาธิปไตย
อย่างไรก็ตามฝ่ายอำนาจนิยมคงอยู่อย่างเข้มแข็ง ปัจจุบัน 84 จาก
195 ประเทศที่นับว่ามีเสรีภาพ
ปี 2022
ประเทศที่สิทธิเสรีภาพเพิ่มขึ้นกับประเทศที่สิทธิเสรีภาพลดลงมีจำนวนใกล้เคียงกันมาก
คือ 34 กับ 35 รัฐบาล มี 21
ประเทศทำลายวัฒนธรรมท้องถิ่น เคลื่อนย้ายกลุ่มชาติพันธุ์
ที่โดดเด่นได้แก่ ยูเครน เอธิโอเปียและเมียนมา
เลโซโท
โคลอมเบียและเคนยา
เป็นตัวอย่างประเทศที่ประชาธิปไตยก้าวหน้าเพราะมีเลือกตั้งที่โปร่งใส
แข่งขันกันเต็มที่ การคลายมาตรการโรคระบาดเป็นอีกเหตุผลที่ปลดปล่อยให้คนมีเสรีภาพมากขึ้นด้วย
ตัวอย่างที่เลวร้าย :
ยูเครนเป็นประเทศที่ถูกอำนาจนิยมรัสเซียเล่นงานด้วยข้ออ้างจอมปลอม
ข่าวสารที่รัฐควบคุม เป้าหมายคือล้มผู้นำยูเครนที่มาจากการเลือกตั้ง ทำลายประชาธิปไตยเสรีภาพยูเครน
คร่าชีวิตผู้คนนับหมื่นนับแสน บ้านเมืองพังพินาศ ประเทศอื่นๆ ที่สนับสนุนรัสเซีย
คือ เบลารุส เกาหลีเหนือ คิวบา จีน ยังทำธุรกรรมกับธนาคารรัสเซีย พวกนี้เป็นศัตรูฝ่ายประชาธิปไตย
บูร์กินาฟาโซเป็นตัวอย่างประเทศที่เสรีภาพหดหายไปมากหลังเกิดรัฐประหาร
เปรูก็เช่นกันหลังรัฐบาลยึดอำนาจตัวเอง ควบคุมพรรคการเมืองต่างๆ ส่วนเมียนมาตั้งแต่รัฐประหารเมื่อ
2021 กองทัพกระทำการโหดร้ายทั่วประเทศ กดขี่สังหารประชาชนหลายพันคน
ผลักดันบังคับคนนับล้านย้ายถิ่น
การรัฐประหารที่ล้มเหลวของตุรเคียเมื่อปี
2016 รัฐบาลของเรเจพ ทายยิพ แอร์โดกาน (Recep Tayyip
Erdogan) ใช้โอกาสนี้เป็นความชอบธรรมกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามอย่างต่อเนื่อง
ทำลายระบอบการถ่วงดุลเรื่อยมาเพื่อเตรียมการเลือกตั้งในปี 2023 เช่น ออกกฎหมายควบคุมการเลือกผู้พิพากษา
เหล่านี้เป็นตัวอย่างผลเสียผลพวงจากการรัฐประหาร
กรณีตัวอย่างใช้อำนาจล้นฟ้าขาดการถ่วงดุลภายใต้ระบบประชาธิปไตย
เช่น เมื่อตาลีบันได้อำนาจปกครองอัฟกานิสถานอีกครั้งเมื่อปี 2021 และบริหารด้วยแนวทางตน ผลคือระบบเศรษฐกิจล่มสลาย คนยากจน และหลายล้านคนอพยพหนีออกจากประเทศ กีดกันเด็กหญิงเรียนหนังสือ ประเทศอยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจและมนุษยชน
ชาติอำนาจนิยมมักพยายามปรับระบบโลกตั้งแต่ระดับ UN ทั้งเพื่อปกป้องตัวเอง
ทำให้ระบบไม่โปร่งใส จีนไม่ยอมรับการพิจารณาวิพากษ์นโยบายตนโดยคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
(United Nations Human Rights Council)
สี
จิ้นผิงกุมอำนาจตั้งแต่ปี 2012 และได้ดำรงตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่
3 แล้วอ้างว่าระบอบการเมืองจีนเหนือกว่าประชาธิปไตย (จีนระบุว่าตนเป็นประชาธิปไตยโดยประชาชน ไม่ใช่การเมืองของนายทุน) ความจริงแล้วใช้การกดขี่ควบคุม ตรวจตราทุกคนด้วยสารพัดวิธี เป็นคำถามว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่แม้จะใช้เพื่อควบคุมโควิด-19
โอกาสหันสู่โลกแห่งเสรี :
เสรีภาพโลกถดถอยต่อเนื่องเป็นปีที่ 17 แล้ว ประชาธิปไตยถดถอยใน
35 ประเทศ 44 ประเทศดีขึ้น โดย 8 ประเทศดีขึ้นจากคลายมาตรการโควิด-19 ที่ไม่เหมาะสม
ประชาธิปไตยแอฟริกาหลายประเทศดีขึ้นจากการเลือกตั้งที่ดีแข่งขันจริง
นักการเมืองกับประชาชนเห็นความสำคัญของประชาธิปไตย เช่นเลโซโทกับโคลอมเบีย รัฐบาลใหม่ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ
แม้ยังมีปัญหาการใช้ความรุนแรงต่อนักการเมือง
เลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐ 2022 ผ่านไปด้วยดี แม้พวกรีพับลิกันบางส่วนยังไม่ยอมรับว่าไบเดนชนะ
คิดว่าทรัมป์โดนโกงอย่างเป็นระบบ เลือกตั้งประธานาธิบดีเคนยาออกมาโปร่งใสที่สุด
เหล่าชาติประชาธิปไตยยืนหยัดสิทธิมนุษยชนประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเมียนมา
รัสเซีย อิหร่านที่กดสิทธิมนุษยชนสตรี ใช้กำลังต่อผู้ประท้วง
ข้อคิดข้อแนะนำจากประสบการณ์ 50 ปี :
เสรีภาพการแสดงออกเป็นตัวชี้วัดพื้นฐานของประชาธิปไตย
โดยรวมแล้วลดลงต่อเนื่อง ปิดกั้นสื่อ
กีดกันเสรีภาพการแสดงออก ผูกขาดสื่อมวลชน นักข่าวถูกคุกคามจับกุม
บางรายถูกฆ่า ภาคประชาสังคมต้องแสดงความเห็นต่างได้ เสียงคนกลุ่มน้อยต้องได้รับฟัง
สังคมพูดคุยวิพากษ์ประเด็นอ่อนไหว
แต่บางประเทศอย่างจีนตรวจตราดักฟังอย่างกว้างขวาง ทั้งต่อนักการเมือง ขัดเสรีภาพการแสดงออกส่วนบุคคล
รัฐให้ข้อมูลไม่ตรงความจริง
ประสบการณ์
50 ปีมีข่าวดีหลายประเทศที่เดิมเป็นอำนาจนิยมตอนนี้มีการเลือกตั้งตามหลักประชาธิปไตยแล้ว เช่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ แอฟริกาใต้ หลายประเทศที่แยกตัวออกจากโซเวียตรัสเซียตอนนี้เป็นประชาธิปไตย
บางประเทศเป็นสมาชิกอียู
ด้านข่าวร้าย ภาพรวมโลกเสรีภาพลดลง 2 ทศวรรษแล้ว บางประเทศถดถอย
เช่น อินเดีย หลายประเทศที่แยกตัวออกจากโซเวียตรัสเซียเป็นอำนาจนิยมอีกครั้ง
อาหรับสปริงส์ที่เริ่มเมื่อ
2011 ยกกระแสประชาธิปไตยทั้งภูมิภาค ฝ่ายอำนาจรัฐตอบโต้ด้วยการกระชับอำนาจให้แน่นขึ้นอีก
ปรามปรามรุนแรงในหลายพื้นที่
ชาติประชาธิปไตยต้องร่วมมือกัน
ยึดมั่นหลักสิทธิมนุษยชนเพื่อเอาชนะฝ่ายต่อต้าน รวมถึงสนับสนุนนักเคลื่อนไหวประชาธิปไตยต่างแดน
สนับสนุนทางการทูต พวกอำนาจนิยมจะต้องไม่เป็นสุขไม่มั่นคง
บูร์กินาฟาโซที่ประชาชนโหยหาเสรีภาพ
แม้เกิดรัฐประหารหลายรอบ ยังคงเรียกร้องเสรีภาพ ความต้องการเสรีภาพจึงมีอยู่ตลอดเวลา
แรงยืนหยัดเช่นนี้ทำให้ประชาธิปไตยก้าวหน้า การเลือกตั้งโปร่งใสมากขึ้น
การเมืองเข้มแข็ง ทุกครั้งที่ได้รัฐบาลดีประชาธิปไตยจะเข้มแข็งขึ้น
Freedom in
the World 2023 เห็นว่าในช่วงนี้ฝ่ายประชาธิปไตยต้องร่วมกันให้ยูเครนชนะสงคราม
มองว่าเป็นเรื่องระดับโลก เกี่ยวข้องกับประชาธิปไตยโดยตรงสนับสนุนยูเครนตอนนี้และอนาคต
ร่วมต้านพวกอำนาจนิยมเท่าที่จะเป็นไปได้ กลุ่มฝ่ายประชาธิปไตยต้องร่วมมือกัน
ประสานกัน เห็นคุณค่าความสำคัญของประชาธิปไตยและปกป้องอย่างเต็มที่
ข้อวิพากษ์ :
-------------------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง :
Freedom House. (2023, March). Freedom in the World 2023: Marking 50 Years in the Struggle for
Democracy. Retrieved from https://freedomhouse.org/sites/default/files/2023-03/FIW_2023_50Years_DigitalPDF.pdf