ประชาธิปไตยโลกถดถอย อเมริกาขยับสู่อำนาจนิยม
ปัญหาใหญ่คือนับวันคนไม่ศรัทธาหลักประชาธิปไตย ไม่เชื่อถือระบอบการปกครองประชาธิปไตย แน่นอนว่าไม่เชื่อถือพรรคการเมือง นักการเมือง สถาบันต่างๆ ภายใต้ระบอบนี้
ปลายเดือนพฤศจิกายน 2022 สถาบันระหว่างประเทศเพื่อความช่วยเหลือด้านประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง
(International Institute for Democracy and Electoral Assistance หรือ International IDEA) ในสวีเดนเผยแพร่งานวิจัยสถานการณ์ประชาธิปไตยดังเช่นทุกปี
ล่าสุดเป็นรายงานชื่อว่า “Global State of Democracy 2022: Forging Social
Contracts in a Time of Discontent” มีสาระสำคัญดังนี้
International
IDEA แบ่งการปกครองเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ ระบอบประชาธิปไตย
อำนาจนิยมและแบบลูกผสม (hybrid) 2 แบบหลังไม่เป็นประชาธิปไตย
ระบอบที่นับว่าเป็นประชาธิปไตย
การเลือกตั้งต้องสะท้อนความต้องการของประชาชน ฝ่ายค้านต้องมีโอกาสชนะ
ทุกเพศทุกกลุ่มได้สิทธิเลือกตั้งเท่าเทียม ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างมีพลัง สามารถตรวจสอบรัฐบาล
ศาลเที่ยงธรรม สื่อมีอิสระ ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพพื้นฐาน มีประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่น
ระบอบลูกผสม
(hybrid) สังคมการเมืองเปิดกว้างมากกว่าระบอบอำนาจนิยม
มีการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยแต่ผลการเลือกตั้งไม่สะท้อนความต้องการของประชาชนจริงๆ
ภาคประชาสังคมทำงานได้ สื่อมวลชนมีเสรีภาพแต่ยังไม่เปิดกว้างพอ
International
IDEA ยังชี้ว่า ลำพังมีรัฐบาลประชาธิปไตยไม่พอ
ต้องเป็นรัฐบาลที่บริหารประเทศได้ดีมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของประชาชน
เพราะที่สุดแล้วประชาชนไม่ได้ต้องการเพียงรัฐบาลที่เขาเลือกมาแต่ต้องการตัวแทนบริหารประเทศที่นำความอยู่ดีมีสุขมาให้
เทียบปี 2016 กับ 2021 พบว่าจำนวนประเทศที่ขยับเข้าหาระบอบอำนาจนิยม
(authoritarianism) เพิ่มขึ้นมากกว่าประเทศที่ขยับเข้าหาประชาธิปไตยกว่าเท่าตัว
ระดับความเป็นประชาธิปไตยตกต่ำลงทุกที ตัวอย่างประเทศที่ประชาธิปไตยถดถอยอย่างแรง (severely
backsliding) คือ บราซิล เอล ซัลวาดอร์
ฮังการี และโปแลนด์ ประเทศที่ถดถอยพอสมควร (moderately backsliding) ได้แก่ อินเดีย มอริเชียส และสหรัฐ ที่น่าเป็นห่วงคือผู้นำประเทศที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้ทำลายสถาบันการเมือง
ความเป็นประชาธิปไตยจึงถดถอย ส่วนประเทศประชาธิปไตยอื่นๆ
ที่เหลือก็ไม่ได้พัฒนาให้ดีขึ้นแต่อย่างไร การปกครองด้วยระบอบนี้ต่อเนื่องยาวนานไม่เป็นเหตุยกระดับประชาธิปไตยให้สูงขึ้นแต่อย่างไร
ฝั่งกลุ่มประเทศอำนาจนิยมก้าวสู่เผด็จการมากขึ้น
พบว่าเกือบครึ่ง (49.3%) เป็นเช่นนั้น ตัวอย่างที่เด่นชัด
ได้แก่ อัฟกานิสถาน เบลารุส กัมพูชาและคอโมโรส
พิจารณาในแต่ละภูมิภาค :
ข้อมูลปี 2021 ประชากรแอฟริกากับเอเชียตะวันตกเพียง 11%
เท่านั้นที่อยู่ในระบอบประชาธิปไตย 14% อยู่ในระบอบลูกผสม
ที่เหลือ 75% เป็นอำนาจนิยม แอฟริกายังเป็นแถบที่อ่อนไหวไม่มั่นคง
บางประเทศมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เช่น แกมเบีย ไนเจอร์และแซมเบีย ทั้งนี้มาจากประชาชนตกลงร่วมกันที่จะอยู่แบบประชาธิปไตย
อิสราเอลคือประเทศที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากสุดในแถบนี้
แถบอาหรับยังมีปัญหาคนรุ่นใหม่ไม่พอใจรัฐบาล ประเทศที่ขายน้ำมันได้มากและแจกจ่ายสวัสดิการยังอยู่ได้ท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้ปฏิรูป
กระจายผลประโยชน์ให้เป็นธรรมยิ่งขึ้น
ประเทศแถบแอฟริกากับเอเชียตะวันตกมีลักษณะคล้ายตรงที่เกิดระบอบกระจายผลประโยชน์ที่ผู้ปกครองเป็นศูนย์กลาง
พวกที่ใกล้ชิดผู้ปกครองจะได้ผลประโยชน์มากสุด เป็นระบอบอุปถัมภ์ที่มีอิทธิพลเหนือประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยในแถบเอเชียกับแปซิฟิกเสื่อมถอย
อำนาจนิยมเข้มแข็งขึ้น ประชากร 54% อยู่ในระบอบประชาธิปไตย
(ผลจากจีนที่อยู่กลุ่มนี้) ที่น่าตกใจคือ 85% ของกลุ่มประชาธิปไตยนี้กำลังอ่อนแอลง
กระทั่งประเทศอย่างออสเตรเลีย ญี่ปุ่นและไต้หวันก็เป็นเช่นนั้น เสรีภาพสื่อหดหาย
ชาติพันธุ์นิยมแรงขึ้น กองทัพแทรกแซงการเมือง เป็นการเมืองแบบอุปถัมภ์
ผู้บริหารประเทศทำเพื่อประโยชน์ตนเอง
สังคมไม่ไว้ใจการเมือง เรียกร้องให้ตรวจสอบและแก้ไขปรับปรุง
สภาพเช่นนี้ปรากฎชัดที่คาซัคสถาน ศรีลังกาและไทย
ผลจากโรคระบาดโควิด-19 สงครามยูเครนซ้ำเติมประเทศในแถบเอเชียกลางกับเอเชียใต้
เป็นโอกาสให้กับทั้งประชาธิปไตยกับอำนาจนิยม (เป็นไปได้ 2 ทาง)
การปรากฏตัวของชาติพันธุ์นิยมในอินเดียทำให้เกิดการปะทะระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ภายในประเทศ
รวมความแล้วบางประเทศในกลุ่มนี้ยังสุ่มเสี่ยงเกิดความวุ่นวายทางการเมืองครั้งใหญ่
ส่วนประเทศที่ไปได้ดีคือเกาหลีใต้เป็นแบบอย่างประชาธิปไตยสูงขึ้น
ประชาธิปไตยในแถบหมู่เกาะแปซิฟิก (Oceania) ยังเข้มแข็งอยู่
อาจลดลงบ้างเล็กน้อย
ประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองหลักของยุโรป
แต่ 17 ประเทศหรือ 43% อ่อนแอลงใน 5 ปีที่ผ่านมา
เกือบครึ่งของ 17 ประเทศนี้เดิมมีความเป็นประชาธิปไตยสูงมาก ปัญหาหลักคือคนไม่เชื่อถือหลักประชาธิปไตยดังเช่นอดีตและไม่เชื่อถือสถาบันทางการเมือง
ประเด็นที่สังคมถกกันมากคือประชาธิปไตยไม่สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้มากกว่าที่เป็นอยู่
อีกทั้งเห็นผลแง่ลบที่ซ้ำเติมจากโรคระบาดโควิด-19 ค่าครองชีพที่ถีบตัวสูงลิ่ว
กองทัพรัสเซียบุกยูเครนส่งผลสั่นสะเทือนทั่วยุโรป ทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่ง
เศรษฐกิจหดตัวหรือไม่โต พรรคการเมืองขวาจัดก้าวขึ้นมาเป็นที่นิยม สังคมกังวลพลังงานขาดแคลน
ทั้งหมดนี้กระทบต่อประชาธิปไตย ชาติยุโรปที่ชี้ว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับเผด็จการกำลังโดนทดสอบอย่างหนัก
เกิดกระแสที่รัฐบาลต้องปกป้องประชาธิปไตยในประเทศ
(ลดความช่วยเหลือหรือไม่ยุ่งเกี่ยวกับยูเครน) ต้องต่อสู้ด้านข้อมูลข่าวสาร
ต้องให้ประชาชนศรัทธาหลักปกครองนี้
รัสเซีย เบลารุสและอาเซอร์ไบจันจัดอยู่ในกลุ่มรัฐอำนาจนิยม
เบลารุสเป็นเผด็จการมากขึ้น เซอร์เบียกับตุรกีจัดอยู่ในกลุ่มลูกผสมและเป็นอำนาจนิยมมากขึ้นโดยเฉพาะการเลือกตั้งที่ไม่โปร่งใส
ด้านมอลโดวาเป็นตัวอย่างประชาธิปไตยเฟื่องฟูทั้งตำแหน่งประธานาธิบดีและผู้แทนส่วนใหญ่ในรัฐสภา
อยู่ในกลุ่ม 1 ใน 4 ของโลกที่ประชาธิปไตยเข้มแข็ง
โดยรวมแล้วประชาธิปไตยยุโรปอ่อนแอลง
ผู้คนสงสัยว่าระบอบนี้ให้ความยุติธรรมเท่าเทียมหรือไม่
ค่าครองชีพที่ถีบตัวสูงนับวันจะเป็นปัญหา ปัญหาว่างงาน สภาพการจ้างงาน คุณภาพชีวิตที่แย่ลง
การบริการของรัฐไม่ดีขึ้น ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจถ่างกว้าง ปัญหาคนต่างด้าวอพยพ
ปัญหาคนสูงวัย เหล่านี้นำสู่คำถามว่าระบอบประชาธิปไตยรับมือไหวหรือไม่
น่าตกใจอย่างยิ่งเมื่อพบว่าคนยุโรป 3 ใน 4 ไม่เชื่อถือพรรคการเมือง ข้อดีอย่างหนึ่งคือประชาชนบางส่วนเห็นปัญหาแล้วตื่นตัวพยายามมีส่วนร่วมทางการเมือง
พยายามรวมกลุ่มภาคประสังคมถึงขนาดจัดตั้งกลุ่มข้ามประเทศ
ประชาธิปไตยสหรัฐถดถอยหนักในสมัยประธานาธิบดีทรัมป์ การเมืองแบ่งขั้วสังคมแตกแยก
เกิดกระแสไม่ยอมรับเสียงข้างมาก สิทธิเสรีภาพหดหาย
สังคมเต็มด้วยข่าวปลอมการบิดเบือนข้อมูล เล่นงานศาล ผู้คนไม่พอใจสภาพความเป็นอยู่
ความไม่เท่าเทียม ชีวิตทรัพย์สินไม่ปลอดภัย มีการทุจริตคอร์รัปชัน
ประชาชนเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง นโยบายประชานิยมกำลังทำลายประชาธิปไตย
อันที่จริงแล้วประชาธิปไตยเคยเฟื่องฟูในทวีปอเมริกา
รุ่งเรืองมากสุดในช่วงปี 2006-7 แต่บัดนี้ประเทศนิคารากัวกับเวเนซูเอลาเป็นอำนาจนิยม
ปี 2021 เพิ่มไฮติอีกประเทศ ส่วนประเทศที่ถดถอยหนักได้แก่
บราซิล เอลซาวาดอร์และสหรัฐ
โดยรวมแล้ว
ประชาชนไม่คิดว่านักการเมืองฟังเสียงของพวกเขา เกิดคำถามว่าระบอบประชาธิปไตยยังทำงานอยู่หรือไม่
เป็นเครื่องเกื้อกูลหรือเป็นอุปสรรคกันแน่ กลุ่มภาคประชาสังคมทำงานอย่างหนักหวังให้พรรคการเมืองตอบสนอง
เรื่องนี้มีผลต่อการเมืองในอนาคต
ข้อเสนอแนะ :
2 เรื่องแรกที่ International IDEA เอ่ยถึงคือลดการคอร์รัปชันกับทำให้ประชาชนเชื่อถือ
การปกครองแบบประชาธิปไตยเป็นสัญญาประชาคม
(Social contract) ตั้งอยู่บนความเชื่อถือไว้ใจ
ต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ เป็นเหตุผลที่ประชาชนจะยอมรับการปกครองนี้ กฎหมายต้องประกันเสรีภาพการแสดงออกและปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
ภาคประชาสังคมจะต้องสามารถเข้าตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานรัฐ
ต้องมองว่าหน่วยงานรัฐกับภาคประชาสังคมเป็นหุ้นส่วนใกล้ชิด
(ไม่ใช่จบเลือกตั้งแล้วรัฐบาลตั้งหน้าตั้งตาทำตามนโยบายเท่านั้น)
เปิดโอกาสให้คนหนุ่มสาวมีส่วนร่วมโดยตรง
เหล่านี้เป็นตัวอย่างข้อเสนอและบางประเทศทำแล้วได้ผลดี
-----------------------------
International Institute for Democracy and Electoral
Assistance. (2022, November 30). Global State of Democracy 2022: Forging Social
Contracts in a Time of Discontent. Retrieved from https://www.idea.int/democracytracker/sites/default/files/2022-11/the-global-state-of-democracy-2022.pdf