โลกกำลังตกอยู่ในอันตรายทุกประเทศต้องร่วมมือ
โลกกำลังเจอปัญหาใหญ่ นับวันยิ่งแบ่งแยก ความไม่เท่าเทียมขยายกว้าง ต้องปรับเปลี่ยนระบบการเงินโลกที่สร้างโดยประเทศร่ำรวย ต้นเหตุความไม่เท่าเทียม
นายอันโตนิโอ
กูเตอร์เรส (António Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติแสดงสุนทรพจน์ในงานประชุมสมัชชาสหประชาชาติประจำปี
2022 มีสาระสำคัญดังนี้
เลขาธิการสหประชาชาติขึ้นต้นด้วยการกล่าวสรุปว่า
“โลกกำลังเจอปัญหาใหญ่ นับวันยิ่งแบ่งแยก ความไม่เท่าเทียมขยายกว้าง ความท้าทายแผ่ขยายออกไป”
แต่เมื่อนานาชาติมาประชุมร่วมกันภาพแห่งความหวังและคำมั่นสัญญาก็ปรากฏในใจ เปรียบเหมือนเรือลำใหญ่ที่จำต้องร่วมมือกันจึงจะสำเร็จ
เหมือนที่บรรทุกข้าวสาลียูเครนไปส่งแก่ผู้อดอยากหลายล้านคนที่แอฟริกาตะวันออกเฉียงเหนือ
(Horn of Africa) เรือต้องแล่นผ่านพื้นที่สู้รบ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องช่วยกันนำเรือออกจากพื้นที่ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำอาหารกับปุ๋ยออกจากยูเครนและรัสเซียต่อไป
บรรเทาทุกข์คนจำนวนมาก ลดแรงกดดันต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เรื่องนี้ไม่ใช่การอัศจรรย์แต่มาจากการทูตหลายระดับ
ที่สำคัญคือไม่ใช่ได้แค่อาหารแต่เป็น “ความหวัง” (Hope)
เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวว่า
“เราต้องการความหวัง ต้องการมากขึ้น ต้องลงมือทำ” เพื่อคลายวิกฤตอาหารโลก ขอย้ำเตือนให้ทราบว่าตอนนี้ตลาดปุ๋ยกำลังมีปัญหา
ปีนี้โลกมีอาหารเพียงพอ ปัญหาอยู่ที่การกระจายสินค้า แต่หากตลาดปุ๋ยไม่เสถียรปีหน้าจะมีปัญหาอุปทานอาหารแน่นอน
มีรายงานหลายชิ้นจากแอฟริกาตะวันตกและที่อื่นว่าการเพาะปลูกลดลงเพราะปุ๋ยแพงและหายาก
ตอนนี้ยังต้องขจัดอุปสรรคที่ขวางการส่งออกปุ๋ย ธัญพืชและแอมโมเนียรัสเซีย [ใช้ผลิตปุ๋ย – ผู้เขียนบทความ]
สิ่งเหล่านี้ไม่อยู่ในรายการ [ที่รัฐบาลสหรัฐกับพวก] คว่ำบาตร แต่ที่ส่งออกมีปัญหาเพราะผลที่เกิดโดยอ้อม
อีกประเด็นสำคัญคือก๊าซแพงสัมพันธ์กับการผลิตปุ๋ยไนโตรเจน
[สามารถนำก๊าซธรรมชาติไปผลิตปุ๋ยเคมี]
สินค้าเหล่านี้ไม่อยู่ในรายการคว่ำบาตรเช่นกัน ถ้าไม่ลงมือแก้ไขตอนนี้โลกจะขาดแคลนปุ๋ยในที่สุดอาหารจะไม่พอ
เราต้องไม่อยู่กับภาพลวงตา ค่าครองชีพกำลังเข้าสู่วิกฤต (cost-of-living
crisis) ความไว้เนื้อเชื่อใจป่นปี้ ความไม่เท่าเทียมแผ่กว้าง ดาวเคราะห์โลกกำลังไหม้
ประชาชนทุกข์ยาก กฎบัตรสหประชาชาติและแนวคิดที่เกี่ยวข้องตกอยู่ในอันตราย
หน้าที่ของเราคือต้องลงมือแก้แต่ติดเงื่อนปมที่แก้ไม่ได้จากระบบ
ประชาคมโลกยังไม่พร้อมหรือไม่ยินดีจัดการปัญหาใหญ่
วิกฤตเหล่านี้คุกคามอนาคตมนุษยชาติและทุกชีวิตบนโลกนี้
การสู้รบในยูเครน ความขัดแย้งในหลายพื้นที่ทั่วโลก ภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศ (climate
emergency) การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ สถานการณ์การเงินที่เลวร้ายในหมู่ประเทศกำลังพัฒนา
เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals)
ที่ไม่แน่ใจว่าจะสำเร็จ เทคโนโลยีหรือความก้าวหน้าบางอย่างที่มีโอกาสเป็นอันตราย
เช่น Neurotechnology Cryptocurrencies
สื่อโซเชียลมีเดียบางแพลตฟอร์มที่ทำกำไรจากความก้าวร้าวรุนแรง
นำความเสียหายแก่สังคม เป็นแหล่งแห่งความจงเกลียดจงชัง Hate speech ปล่อยข้อมูลบิดเบือน มุ่งเอาประโยชน์จากผู้หญิงและคนบางกลุ่ม
เรื่องทำนองนี้กำลังขยายตัว
ข้อมูลส่วนตัวของเราถูกนำไปขาย
มี spyware ที่แอบสอดส่องพวกเราจำนวนมากและคุมไม่ได้
ความเป็นส่วนตัวจึงไม่เหลือ ปัญญาประดิษฐ์ลดทอนความซื่อสัตย์ของระบบข้อมูล
ลดทอนความน่าเชื่อถือของสื่อและบั่นทอนประชาธิปไตย Quantum computing อาจทำลายความมั่นคงทางไซเบอร์และทำลายอีกหลายระบบ ณ ตอนนี้โลกยังไม่มีระบบที่จะจัดการกับสิ่งเหล่านี้เลย
โลกกำลังถูกแบ่งแยกทางภูมิศาสตร์การเมือง บั่นทอนคณะมนตรีความมั่นคง
บั่นทอนกฎหมายระหว่างประเทศและความร่วมมือนานาชาติ เราจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้
ไม่มีใครหรือกลุ่มใดสามารถตัดสินชี้ขาด ปัญหาท้าทายเรื่องใหญ่ๆ
ต้องร่วมกันแก้ไขด้วยความเต็มใจ ทุกประเทศจำต้องร่วมมือกัน
ด้านแรกที่ต้องร่วมมือคือให้อยู่อย่างสันติ การรบที่ยูเครนทำให้หลายล้านคนต้องอพยพออกจากประเทศ
นับพันล้านคนทั่วโลกได้รับผลกระทบจากสมรภูมินี้ เราเห็นอันตรายของการแบ่งแยกระหว่างกลุ่มชาติตะวันตกกับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา
จำต้องรักษาสันติภาพตามกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ
เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวว่าแท้จริงแล้ววิกฤตมนุษยชาติรุนแรงและขยายตัวแต่มักไม่เป็นที่สนใจ
ปีนี้เงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโลก (Global Humanitarian Appeal) ขาดถึง 32,000 ล้านดอลลาร์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ บางประเทศเกิดเหตุวุ่นวายหนัก
เศรษฐกิจอัฟกานิสถานเสื่อมทราม คนแอฟกันกว่าครึ่งแทบไม่มีจะกิน
สิทธิสตรีกับเด็กหญิงถูกเหยียบย่ำ กองกำลังติดอาวุธแถบตะวันออกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกกำลังทำร้ายประชาชน
กลุ่มแก๊งค์ที่เฮติ (Haiti) ทำลายเมืองทุกพื้นที่ ลิเบียกับอิรักยังไม่สงบ
ความขัดแย้งอิสราเอลกับปาเลสไตน์ดำเนินต่อไป สิทธิมนุษยชนและสภาพสังคมเมียนมาเลวร้ายลง
ฯลฯ อย่างไรก็ตามสถานการณ์บางประเทศดีขึ้น เช่น เยเมน โคลอมเบีย
ต้องสร้างกลไกพูดคุยเพื่อรักษาเยียวยาการแบ่งแยก ใช้การทูตทุกช่องทางเพื่อแก้ข้อพิพาทด้วยสันติ
ส่งเสริมบทบาทผู้นำสตรี เน้นการป้องกันมากกว่าแก้ปลายเหตุ
ในขณะนี้อุตสาหกรรมพลังงานฟอสซิลยังได้รับเงินอุดหนุนปีละหลายแสนล้านดอลลาร์
จำต้องเข้าแทรกแซงหากโลกยังชอบใช้พลังงานฟอสซิล ต้องให้บริษัทเชื้อเพลิงพวกนี้รับผิดชอบ
รวมทั้งธนาคาร private equity ผู้จัดการหลักทรัพย์
สถาบันการเงินอื่นๆ ที่ยังคงลงทุนและสร้างมลภาวะ ต้องแก้ความเข้าใจผิด ข้อมูลผิดๆ
เหมือนอุตสาหกรรมยาสูบในหลายทศวรรษก่อนที่ทำให้สังคมรับข้อมูลไม่ตรงความจริง คนสร้างมลภาวะต้องจ่ายเงินแก้ไขมลภาวะ
เริ่มจากบริษัทกิจการน้ำมันเชื้อเพลิง เงินที่ได้แบ่งเป็น 2 ส่วน กระจายให้กับผู้รับผลกระทบกับคนที่อดอยากยากจนเพราะราคาอาหารกับพลังงานที่ถีบตัวสูง
รัฐบาลทั่วโลกจำต้องยกระดับเป้าหมายแก้ภาวะโลกร้อนให้สูงกว่าที่เป็นอยู่
ลงทุนเพื่อการแก้ปัญหามุ่งสู่เศรษฐกิจที่เติบโตยั่งยืน ต้องทำ 3 ข้อ 1) ส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) อันจะเพิ่มการจ้างงาน
3 เท่า ต้นทุนปัจจุบันถูกกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิล ส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน
ราคาไม่ปรวนแปร ประเทศพัฒนาแล้วช่วยประเทศกำลังพัฒนาให้หันมาใช้พลังงานหมุนเวียน
2) ช่วยเหลือประเทศต่างๆ ปรับตัวเพื่อเผชิญปัญหาการเปลี่ยนภูมิอากาศ
ลงทุนพัฒนาประเทศจนถึงให้การอพยพเคลื่อนย้ายถิ่นเป็นระบบระเบียบ 3) รายงานความสูญเสียจากภัยธรรมชาติ
วิกฤตสภาพภูมิอากาศกำลังซ้ำเติมอากาศแปรปรวน
94 ประเทศครอบคลุมประชากร 1,600 ล้านคนต้องเผชิญมหันตภัย คือ เผชิญภัยจากเศรษฐกิจสังคมอันเนื่องจากโรคระบาด
อาหารกับพลังงานแพงลิบลิ่ว ทั้งๆ ที่ติดหนี้สินมากอยู่แล้ว เงินเฟ้อรุนแรง ไม่อาจเข้าถึงแหล่งทุน
[ก่อนหน้าโรคระบาดโควิด-19 เศรษฐกิจหลายประเทศอ่อนแออยู่แล้ว
โรคระบาดและปัญหาเงินเฟ้อในขณะนี้ซ้ำเติมให้สถานการณ์เลวร้ายกว่าเดิม] หลายประเทศถึงขั้นสังคมวุ่นวาย เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนส่อแววล้มเหลว
แผนช่วยเหลือคนยากไร้คนหิวโหยและช่วยเหลือการศึกษากำลังจะพัง
คนยากจนเพิ่มมากขึ้น คนหิวโหยอดยากเพิ่มมากขึ้น ดูแลรักษาสุขภาพน้อยลง
การศึกษาลดลง ความไม่เท่าเทียมทางเพศขยายตัวเพราะยากความจน
โดยรวมแล้วประเทศกำลังพัฒนากำลังโดนเล่นงานทุกด้าน ในตอนนี้กลุ่มประเทศ G-20 ต้องเร่งสนับสนุน “การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ภาคสถาบันการเงินต้องให้ความช่วยเหลือ ลดข้อกำจัดการกู้ยืม
ที่ผ่านมาหลายประเทศไม่สามารถกู้ยืมเพราะเหตุนี้ ต้องปรับโครงสร้างหนี้ (debt
relief) ที่หลายคนไม่เพียงจมน้ำแต่จมอยู่ในหนี้สินด้วย
ต้องเพิ่มสภาพคล่อง รัฐบาลทุกประเทศเร่งส่งเสริมกองทุนภูมิอากาศสีเขียว (Green
Climate Fund)
ท้ายที่สุด ต้องปรับเปลี่ยนระบบการเงินโลกที่สร้างโดยประเทศที่ร่ำรวยและเป็นผู้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากระบบการเงินโลก
ต้นเหตุความไม่เท่าเทียม นับวันประเทศพัฒนากับกำลังพัฒนาจะแตกต่างมากขึ้น ไม่ไว้วางใจต่อกัน
ไม่อยากร่วมมือกัน จำต้องแสวงหาทางออกร่วมกัน บนพื้นฐานความปรารถนาดี
ร่วมมือกันภายใต้สหประชาชาติ
Untied Nations. (2022, September 20). THE SECRETARY-GENERAL--
ADDRESS TO THE GENERAL ASSEMBLY. Retrieved from https://gadebate.un.org/sites/default/files/gastatements/77/unsg_en.pdf