ระเบียบโลกใหม่ในมุมมองของปูติน
ต้นเหตุเงินเฟ้อหลักมาจากการที่สหรัฐพิมพ์เงินออกมาใช้มหาศาล ระเบียบโลกใหม่ควรยึดหลักว่าประเทศใดสร้างผลผลิตได้มากแค่ไหนก็ควรจะพิมพ์เงินใช้มากแค่นั้น
ในงานประชุมเศรษฐกิจนานาชาติที่นครเซนต์ปีสเตอร์เบิร์ก (St.Petersburg International Economic Forum) หรือ SPIEF เมื่อกลางเดือนมิถุนายน 2022 ลาดีมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) ประธานาธิบดีรัสเซียได้แสดงสุนทรพจน์ถึงนโยบายจุดยืนของรัสเซียในหัวข้อ "New Opportunities in a New World" มีสาระสำคัญดังนี้
ประการแรก หมดยุคระเบียบโลกขั้วเดียว
แม้มีผู้พยายามรักษาระเบียบโลกเดิมแต่โลกเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอประวัติศาสตร์โลกเป็นหลักฐาน
เป็นเรื่องยากที่จะรวมความแตกต่างทางเศรษฐกิจการเมืองและอื่นๆ ให้อยู่ในระบบเดียว เป็นหลักคิดที่ผิดตั้งแต่ต้นและไม่มั่นคงยั่งยืน
แม้ระบบที่ว่ามีชาติมหาอำนาจและรายล้อมด้วยพันธมิตรใกล้ชิด
หลังสหรัฐเป็นฝ่ายชนะในสงครามเย็น
กลายเป็นประเทศทรงอิทธิพลเพียงหนึ่งเดียว แต่ไม่นานก็มีหลายประเทศที่พัฒนาเติบใหญ่
มีระบบเศรษฐกิจการเมืองของตนเอง
ประเทศเหล่านี้ย่อมมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะปกป้องอธิปไตยของตน แต่พวกชนชั้นนำตะวันตกคิดว่าพวกเขาควบคุมได้
คิดว่าระบบโลกที่ตะวันตกเป็นผู้ควบคุมจะคงอยู่ต่อไป พยายามควบคุมประเทศอื่นๆ
เหมือนควบคุมอาณานิคม ปฏิบัติต่อคนประเทศอื่นๆ เหมือนชนชั้นสอง และคิดว่าตนเองเป็นกลุ่มคนพิเศษ
(exceptional)
หลายประเทศตกเป็นเหยื่อของความคิดนี้ เช่น
ยูโกสลาเวีย ซีเรีย ลิเบียและอิรัก
หากประเทศใดที่ไม่ยอมสยบก็จะโดดเดี่ยวประเทศนั้น ต่อต้านศิลปวัฒนธรรมของพวกเขา
เหล่านี้เป็นแนวทางที่พวกตะวันตกกำลังกระทำต่อรัสเซีย
เป็นแนวคิด Russophobia (กระแสกลัวรัสเซีย)
เป็นที่มาของการคว่ำบาตรอย่างรุนแรง หวังทำลายระบบเศรษฐกิจ
ทำลายชีวิตความเป็นอยู่ของคนรัสเซีย แต่รัสเซียค่อยๆ แก้ไขสถานการณ์ให้กลับคืนสู่ปกติ
ตลาดการเงินระบบธนาคารกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง
ที่พวกเขาคาดว่าค่าเงินรัสเซียที่จะร่วงไปถึง 200 รูเบิลต่อดอลลาร์นั้นล้มเหลว
ระบบเศรษฐกิจรัสเซียยังคงเดินหน้าต่อไป
5 เดือนแรกของปีงบประมาณ รัฐบาลเกินดุล
1.5 ล้านล้านรูเบิล ฐานะการคลังแข็งแกร่ง คาดว่าปีงบประมาณนี้จะเกินดุลรวม 3.3
ล้านล้านรูเบิล ตอนนี้เร่งการผลิตภายในประเทศ ฟื้นฟูสถาบันการเงิน
ให้เงินกู้ระยะยาวแก่ผู้ประกอบการมากขึ้น
ประการที่ 2 แผนทำร้ายรัสเซียกลับทำร้ายตัวเองและคนทั้งโลก
การคว่ำบาตรเป็นดาบสองคมที่ทำร้ายผู้ออกมาตรการด้วย
ทำร้ายโครงสร้างเศรษฐกิจโลก ณ ตอนนี้นักการเมืองอียูต้องรับมือปัญหาเศรษฐกิจของตัวเอง
ดังที่เห็นกันอยู่แล้วว่าสภาพสังคมเศรษฐกิจของพวกเขาย่ำแย่ลง เช่นเดียวกับที่สหรัฐ
ราคาอาหาร ไฟฟ้าพุ่งพรวด คุณภาพชีวิตลดลง
บริษัทเอกชนสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน
มีผู้ประเมินว่าปีนี้ปีเดียวอียูจะสูญเสียเพราะการคว่ำบาตรรัสเซียถึง
400,000 ล้านดอลลาร์จากนโยบายรัฐบาลพวกเขาโดยแท้ ประชาชนกับบริษัทเอกชนต้องมาแบกรับภาระนี้
เงินเฟ้อที่สูงลิ่ว อเมริกาต้องเผชิญอัตราเงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 40 ปี
ผู้รับผลกระทบมากสุดคือผู้มีรายได้น้อย
ในระยะยาวอียูจะสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน
สูญเสียโอกาสในการเติบโตหลายปี ในหมู่ชาติอียูจะเหลื่อมล้ำกว่าเดิม
ผลประโยชน์ของประชาชนกับบริษัทเอกชนถูกลดทอนความสำคัญลงทุกที รัฐบาลใหม่จะใช้นโยบายประชานิยมยิ่งขึ้น
กลุ่มสุดโต่งหัวรุนแรงจะเติบใหญ่
ดังจะเห็นว่าพรรคการเมืองแบบเก่าไม่ได้รับความนิยม มีพรรคใหม่เกิดขึ้นแต่อยู่ได้ไม่นานเพราะไม่ต่างจากพรรคเดิมๆ
ที่มีอยู่
ความพยายามสร้างภาพทั้งหลายไม่อาจปกปิดความจริงที่ว่า
สหภาพยุโรปได้สูญเสียอธิปไตยทางการเมืองไปแล้ว ชนชั้นนำในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐได้หันไปสู่เจ้านายใหม่
ทำทุกสิ่งที่เจ้านายใหม่บอกให้ทำแม้ว่าสิ่งนั้นทำร้ายพี่น้องคนในชาติตัวเอง
กองทัพรัสเซียบุกยูเครนไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้
ถ้ามองให้รอบด้านการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดของกลุ่ม G7 การก่อหนี้
ประจวบกับโรคระบาดโควิด-19 การพิมพ์เงินกระตุ้นเศรษฐกิจมหาศาล เหล่านี้ต่างหากคือต้นเหตุเงินเฟ้อ
ความจริงคือ 2 ปีที่ผ่านปริมาณดอลลาร์เพิ่มขึ้นกว่า 38% หรือเท่ากับราว 5.9 ล้านล้านดอลลาร์ (ในเวลา 2
ปีสหรัฐพิมพ์เงินเพิ่มถึง 5.9 ล้านล้านดอลลาร์) มีเพียงไม่กี่ประเทศที่ขนาดจีดีพีจะโตเท่านี้
การพิมพ์เงินใช้มหาศาลคืออีกต้นเหตุเงินเฟ้อ
เงินก้อนมหาศาลที่ออกใหม่ส่วนใหญ่นำไปซื้อสินค้าบริการจากต่างประเทศ
สินค้าบริการของประเทศต่างๆ จึงแพงขึ้น สถิติปี 2019
สหรัฐนำเข้าสินค้าต่างประเทศ 250,000 ล้านดอลลาร์ ตอนนี้กลายเป็น 350,000
ล้านดอลลาร์ เติบโตถึง 40% แรงซื้อมหาศาลนี้แหละที่ทำให้สินค้าทั่วโลกขึ้นราคา
ครั้งหนึ่งที่สหรัฐเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหาร
บัดนี้ต้องเข้าใจใหม่แล้วว่าสหรัฐเป็นผู้นำเข้าอาหารรายใหญ่ อียูก็เช่นกันเป็นผู้นำเข้าสินค้าจากทั่วโลกจำนวนมาก
เป็นต้นเหตุเงินเฟ้อ
คำถามจึงอยู่ที่ทำไมต้องขายสินค้าให้กับดอลลาร์กับยูโรที่มูลค่ากำลังสูญหาย
ทางออกของเรื่องนี้คือต้องใช้ระบบเศรษฐกิจใหม่ที่แสดงมูลค่ากับสินทรัพย์ที่แท้จริง (real values and assets)
ผลอีกข้อจากการคว่ำบาตรพลังงานฟอสซิลรัสเซียคือปุ๋ยขาดแคลนเพราะผลิตจากน้ำมันก๊าซธรรมชาติ
เมื่อเกษตรกรใช้ปุ๋ยน้อย ผลผลิตจะลดลง ปริมาณผลิตผลทางการเกษตรโลกอาจไม่พอ
พร้อมกับราคาที่ขยับขึ้นสูง ปัญหาอดยากจะทวีความรุนแรงในหมู่ประเทศยากจน
เรื่องที่ควรทำในตอนนี้คือเพิ่มอาหารในตลาดโลกให้คนส่วนใหญ่มีอาหารอย่างเพียงพอโดยเฉพาะที่แอฟริกากับตะวันออกกลาง
รัสเซียพร้อมที่จะขายอาหารกับปุ๋ยเพิ่มเติม เช่น ส่งออกเมล็ดธัญพืชเพิ่ม 50
ล้านตัน ยินดีให้ยูเครนส่งออกสินค้าเกษตรเช่นกัน
เรื่องที่พวกเขาควรทำก่อนคือกำจัดทุ่นระเบิดที่พวกเขาวางไว้
หรือจะส่งออกทางบกก็ได้เช่นกันไมว่าจะผ่านเบลารุส โปแลนด์หรือโรมาเนีย
มีให้เลือกหลายเส้นทาง คำถามอยู่ที่ว่าทำไมรัฐบาลยูเครนไม่ดำเนินการเสียที
เป็นเพราะต้องรอคำสั่งจากต่างแดนใช่หรือไม่
ประการที่ 3
ระบบโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่าโลกกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงทั้งด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ระบบเศรษฐกิจการเงิน สถาบันระหว่างประเทศหลายแห่งกำลังจะพัง
ชาติตะวันตกทำลายข้อตกลงเดิมที่มีอยู่ โลกจึงกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงอันตราย
ชาติตะวันตกดำเนินนโยบายต่อต้านรัสเซีย มีส่วนในปฏิบัติการทางทหารในยูเครน
ให้อาวุธกับคำแนะนำ แต่เรื่องราวอันเนื่องจากยูเครนเป็นสถานการณ์ระยะสั้น
ที่รัสเซียให้ความสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบในระยะยาว รัสเซียจะเผชิญหน้าความท้าทายเหล่านี้
กำลังสร้างระเบียบโลกใหม่แบบหลายขั้ว ระบบโลกที่ชาติตะวันตกครอบงำจะจบสิ้นในที่สุด
ประการที่ 4 หลักคิดของรัสเซีย
1) ยึดหลักเปิดกว้าง (openness)
เคารพอธิปไตย มองแต่ละประเทศด้วยความเท่าเทียม
ร่วมกันพัฒนาโลก รัสเซียในยุคนี้จะไม่โดดเดียวตัวเองหรือพึ่งพาตัวเองเท่านั้น (autarky)
เปิดกว้างความสัมพันธ์กับทุกประเทศ ร่วมมือกับเอกชนไม่เว้นบริษัทตะวันตก
2) เอกชนประกอบการโดยเสรี
รัสเซียเห็นว่าจำต้องสร้างระบบชำระเงินใหม่ที่มีเสถียรภาพ
เปิดกว้างให้บริษัททั่วโลกติดต่อกัน เชื่อมต่อคมนาคมทั้งทางบกเรือและอากาศ
ร่วมมือกับนานาชาติในทุกด้าน คลายกฎระเบียบต่อบริษัท สร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อผู้ประกอบการ
3) นโยบายมหภาคที่สมดุล
เป้าหมายคือเศรษฐกิจที่เติบโตอีกนานเท่านาน
ลดอัตราเงินเฟ้อที่เป็นภาระแก่นักธุรกิจ ประชาชน ในระยะยาวรัสเซียจะจำกัดเงินเฟ้อให้อยู่ที่
4% ควรยึดหลักว่าประเทศใดสร้างผลผลิตได้มากแค่ไหนก็ควรจะพิมพ์เงินใช้มากแค่นั้น
(มีรายจ่ายเท่าผลผลิต)
4) สังคมยุติธรรม
ประเทศที่พัฒนาคือประเทศที่สังคมยุติธรรม
ขจัดความเหลื่อมล้ำ ไม่ปล่อยให้การพัฒนาเศรษฐกิจเป็นต้นเหตุขยายความเหลื่อมล้ำ
รัสเซียจำต้องแก้ไขเรื่องนี้อีกมาก ปรับปรุงบ้านเรือนอาศัยและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
สร้างคุณภาพชีวิตชนบทให้เทียบเท่ากับเมือง
Russia Presidential Executive
Office. (2022, June 17). St Petersburg International Economic Forum Plenary
session. Retrieved from http://en.kremlin.ru/events/president/news/68669