วิพากษ์กรอบเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (IPEF)
รัฐบาลไบเดนพูดถึงประโยชน์ของ IPEF แต่มีข้อสงสัยว่าชาติสมาชิกคู่เจรจาจะได้ประโยชน์ทางการค้าเศรษฐกิจแค่ไหน มีวาระซ่อนเร้นหรือไม่
ปลายเดือนพฤษภาคมประธานาธิบดีโจ
ไบเดนประกาศจัดตั้งกรอบเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific Economic
Framework หรือ IPEF) กล่าวว่า
"อนาคตทางเศรษฐกิจของศตวรรษที่ 21 จะถูกเขียนโดยภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก"
และ "เรากำลังเขียนกฎเกณฑ์ขึ้นมาใหม่"
ในเบื้องต้นประเทศที่เข้าร่วมได้แก่ สหรัฐ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้
นิวซีแลนด์ อินเดีย และ 7 ชาติอาเซียนคือ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย บรูไน อินโดนีเซีย
มาเลเซีย และเวียดนาม รวมทั้งหมด 13 ประเทศ มีผู้วิพากษ์วิจารณ์หลากหลาย บทความนี้นำเสนอมุมมองที่น่าสนใจ
ดังนี้
ประการแรก สามารถแก้ขาดดุลการค้าได้หรือไม่
สหรัฐยอมรับว่าการค้าเสรีดั้งเดิม
การให้แต่ละประเทศผลิตสินค้าที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เป็นเหตุผลสำคัญทำให้สหรัฐขาดดุลต่อเนื่องมหาศาล
คำถามคือการสร้างเครือข่ายการค้าการลงทุน IPEF จะแก้ปัญหานี้ได้หรือตราบใดที่ระบบการผลิตของตนยังสู้หลายประเทศไม่ได้
แทนที่จะปรับปรุงเพิ่มคุณภาพประสิทธิภาพกลับพยายามสร้างระบบที่เอื้อตนเองแต่เพิ่มต้นทุน
ลดคุณภาพชีวิตของโลกโดยรวม
ตั้งแต่สมัยรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์มาถึงโจ
ไบเดนในขณะนี้ (คนหนึ่งจากพรรครีพับลิกันกับอีกคนจากพรรคเดโมแครท) ต่างต่อต้านการค้าเสรีดั้งเดิมกับโลกาภิวัตน์ที่รุนแรง
(hyperglobalization) ทั้งๆ ที่รัฐบาลสหรัฐในอดีตล้วนมีส่วนผลักดันการค้าเสรีกับโลกาภิวัตน์
รวมทั้งสถาบันวิชาการของชาติตะวันตกที่พยายามให้ความรู้ว่าการค้าเสรีเป็นประโยชน์ถูกต้องตามหลักวิชาการ
อ้างหลักเศรษฐศาสตร์การแบ่งงานกันทำ
มุ่งประสิทธิภาพสูงสุดอันจะก่อประโยชน์สูงสุดตามมา ยอมที่จะให้บางภาคส่วนของแต่ละประเทศต้องปรับตัวและยอมรับความสูญเสียที่เกิดขึ้น
แต่บัดนี้รัฐบาลกับคลังสมองสหรัฐเปลี่ยนทิศจากหลักการเหล่านี้
มุ่งสู่ระเบียบโลกใหม่ในแบบที่สหรัฐได้ประโยชน์มากที่สุด การล้ม NAFTA (ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ
แคนาดา และเม็กซิโก) เป็นตัวอย่างที่ทำในสมัยทรัมป์ นำสู่ข้อตกลงสหรัฐ–เม็กซิโก–แคนาดาใหม่ (United
States–Mexico–Canada Agreement หรือ USMCA) ที่สหรัฐได้ประโยชน์มากจนพอใจ
น่าเห็นใจที่โรงงานหลายหมื่นแห่งต้องปิดตัว
แรงงานอเมริกันนับแสนนับล้านตกงาน (หรือเปลี่ยนงาน)
คนพวกนี้แหละที่ต่อต้านการค้าเสรี ต่อต้านโลกาภิวัตน์ที่บัดนี้พิสูจน์แล้วว่าอเมริกาเสียเปรียบบางประเทศ
เป็นแรงกดดันรัฐบาล
ตอนนี้ดูเหมือนว่ารัฐบาลไบเดนกำลังทำเช่นนี้กับอินโด-แปซิฟิก
หาก IPEF
ทำงานได้จริงและต่อเนื่องในระยะยาวจะกลายเป็นกลุ่มเศรษฐกิจที่สัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐ
ประการที่ 2 เรื่องของทวิภาคีกับความยั่งยืน
ลักษณะเด่นของ IPEF คือการวางกรอบเศรษฐกิจที่เน้นความยืดหยุ่น
อะไรเจรจาสำเร็จก่อนสามารถทำได้เลย ไม่ต้องรอเจรจาครบทุกด้าน
ไม่ต้องรอชาติสมาชิกอื่น ดังนั้น แท้จริงแล้ว IPEF
เหมือนกระบวนการเจรจาทวิภาคีระหว่างรัฐบาลสหรัฐกับชาติสมาชิกแต่ละประเทศ ตามกรอบแนวทางที่รัฐบาลวางไว้
แน่นอนว่าในภาพรวมจะมีการเชื่อมโยงภายในกลุ่มแต่จะเกิดตามหลัง
มาจึงจุดนี้มีคำถามหนึ่งที่พูดกันมากคือข้อตกลงต้องผ่านการรับรองจากรัฐสภาสหรัฐหรือไม่
ในเบื้องต้นยังไม่มีคำตอบชัดเจน หากต้องผ่านสภาครองเกรสจะต้องเพิ่มเวลาของกระบวนการรัฐสภา
ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือหากรัฐสภาไม่อนุมัติการเจรจาสูญเปล่าซึ่งมีความเป็นไปได้เพราะ
IPEF
เป็นแนวคิดของรัฐบาลไบเดนและพรรครีพับลิกันซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านอาจไม่เห็นชอบ
หรือมีเงื่อนไขข้อเรียกร้องเพิ่มเติม การผ่านครองเครสจึงเป็นเรื่องยากเสียเวลา
แม้ฝ่ายสนับสนุนให้รัฐสภารับรองชี้ว่าข้อตกลงแบบนี้คงทนมากกว่าเป็นประโยชน์มากกว่า
ประวัติศาสตร์ชี้ว่าเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นบ่อย
นั่นคือเป็นนโยบายรัฐบาลแต่รัฐสภาไม่เห็นชอบ
ข้อตกลงระหว่างประเทศที่รัฐบาลเห็นชอบแต่ถูกล้มในขั้นวุฒิสภา
ด้วยเหตุนี้รัฐบาลไบเดนอาจเน้นข้อตกลงที่ประธานาธิบดีตัดสินใจได้เลย
ข้อเสียคือข้อตกลงอาจไม่ยืนยาวเมื่อถึงรัฐบาลชุดต่อไป อาจถูกล้มหรือต้องเจรจาปรับเปลี่ยนข้อตกลงอีกครั้งจนกว่ารัฐบาลสหรัฐชุดใหม่จะพอใจ
เท่ากับว่าข้อตกลงอาจเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนเป็นที่พอใจของรัฐบาลสหรัฐแต่ละชุด
หรือไม่ IPEF อาจยุติที่รัฐบาลไบเดนนี้
ประการที่ 3 ชาติที่เข้าร่วมจะได้ประโยชน์หรือไม่
ก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19
เศรษฐกิจหลายประเทศอยู่ในสภาพไม่สู้ดีอยู่แล้ว โควิด-19
ทำให้ต้องล็อกดาวน์เศรษฐกิจชะลอตัวในหลายประเทศ จนล่าสุดคือสงครามยูเครน
เงินเฟ้อน้ำมันแพง ทั้งหมดเป็นปัจจัยลบ รัฐบาลทุกประเทศดิ้นรนหาทางออก
หากข้อเสนอของไบเดนเป็นประโยชน์ประเทศต่างๆ ย่อมต้องทำข้อตกลง เกิดผลรูปธรรมอย่างรวดเร็ว
มีคำถามว่าถ้ารัฐบาลไบเดนบอกว่า IPEF สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจแก่สหรัฐ
ทำไมไม่รวมจีนเข้ามาซึ่งน่าจะสร้างประโยชน์ได้มหาศาล (การขาดดุลจีนเป็นปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลสหรัฐพูดมาตลอด)
เป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ ทั้งๆ ที่แอนโทนี บลิงเคน (Antony Blinken) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเพิ่งย้ำว่ารัฐบาลสหรัฐจะสัมพันธ์กับจีนอย่างสร้างสรรค์ในทุกเรื่องที่ทำได้
ไม่มีเหตุใดที่ 2 ชาติมหาอำนาจจะอยู่ร่วมกันโดยสันติไม่ได้ น่าสงสัยว่า IPEF ไม่สร้างสรรค์หรืออย่างไร
รัฐบาลทุกประเทศย่อมทำเพื่อประโยชน์ประเทศของตน
แต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาด้วยว่าแผนหรือสิ่งที่ทำมีคุณประโยชน์ต่อประเทศอื่นที่เข้าร่วมด้วยหรือไม่
แย่กว่านั้นคือเป็นแผนบ่อนทำลายประเทศอื่นหรือไม่
เจตนาที่มุ่งหวังคืออะไร เหล่านี้เป็นคำถามที่ประเทศอื่นๆ จะตั้งคำถามอยู่เสมอ การเป็นหุ้นส่วน
การเป็นพันธมิตรหมายถึงอย่างไรกันแน่
เป็นแนวทางที่หวังสร้างประโยชน์ให้กันและกันมากที่สุด
หรือเป็นกลไกเพื่อควบคุมประเทศอื่นให้สหรัฐคงความเป็นเจ้าต่อไป
จะเป็นอีกหลักฐานที่บ่งชี้ความต้องการที่แท้จริงของรัฐบาลอเมริกัน
Seun Sam
จาก Royal Academy of Cambodia ชี้ประเด็นว่ารัฐบาลสหรัฐประกาศว่าสนับสนุน
‘หลักอาเซียนเป็นศูนย์กลาง’ แต่
IPEF สนับสนุนชาติอาเซียนบางประเทศ ทิ้งบางประเทศ ได้แก่ กัมพูชา
สปป.ลาวและเมียนมา จึงตั้งคำถามว่าต้องการบ่อนทำลายเอกภาพอาเซียนหรือไม่ ที่ผ่านมาการจัดตั้ง
AUKUS กับ Quad ที่สัมพันธ์กับภูมิภาคโดยตรงแต่กลับไม่มีชาติอาเซียนในนั้นเลย
วิเคราะห์ : ถ้ายึดว่า IPEF
มีมาตรฐานสูงและเห็นว่าบางประเทศไม่อาจปฏิบัติตาม แนวคิดของ Seun
Sam อาจไม่ถูกต้อง แต่การกีดกันไม่ให้จีนเข้าร่วมตอกย้ำการแบ่งขั้วชัดเจน
ท้ายที่สุดแล้วถูกวิพากษ์ว่าการเจรจาทำให้ชาติสมาชิกอื่นได้ประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่
โดยเฉพาะชาติอาเซียนทั้ง 7 ประเทศที่เข้าร่วม (ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย บรูไน
อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม)
ประการที่ 4 อีกหลักฐานการถดถอยของสหรัฐหรือไม่
หลายปีที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐทุกชุดไม่ว่ามาจากพรรครีพับลิกันหรือเดโมแครทต่างดำเนินนโยบายปิดล้อมจีน
กีดกันเศรษฐกิจจีน เกิดแผนมากมาย เช่น TPP ในสมัยรัฐบาลโอบามา ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในสมัยทรัมป์ แต่แผนใหญ่ๆ
ที่ว่าล้วนล้มเหลว รัฐบาลสหรัฐไม่สามารถหยุดการก้าวขึ้นมาของจีน ทำได้เฉพาะประเด็น
เช่น กีดกันบริษัทโทรคมนาคม เทคโนโลยีสื่อสาร 5G
กีดกันนักศึกษาจีนไม่ให้ศึกษาต่อสหรัฐในบางสาขาวิชา ล่าสุดสหรัฐยังคงขาดดุลการค้าจีนเพิ่มขึ้นทำลายสถิติต่อเนื่องแม้รัฐบาลทรัมป์จะตั้งกำแพงภาษีสินค้าจีน
20-30% แล้วก็ตาม และคาดว่าจะขาดดุลเช่นนี้อีกหลายปี
จึงน่าติดตามว่า IPEF
ซึ่งเป็นนโยบายหลักของไบเดนเพื่อต้านเศรษฐกิจจีนจะได้ผลหรือไม่
หรือจะเป็นเหมือนรัฐบาลชุดก่อนๆ ที่ล้มเหลวหรือไม่ค่อยได้ผล
และต้องไม่ลืมว่า IPEF คือส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่ใหญ่กว่า
เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของรัฐบาลสหรัฐ
ดังนั้นต้องเข้าใจว่าทั้งหมดคือการจัดระบบระเบียบทุกด้านทุกมิติ
(ไม่ว่าจะการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคมของภูมิภาค ฯลฯ) โดยรัฐบาลสหรัฐนั่นเอง
ถ้าไม่คิดเรื่องการเมืองระหว่างประเทศและมองเฉพาะกรอบเศรษฐกิจโลกที่ยามนี้อ่อนไหว
มีทีท่าอาจย่ำแย่กว่าที่เป็นอยู่ ควรถามรัฐบาลไลเดนว่า IPEF
จะช่วยชาติสมาชิกคู่เจรจาอย่างไร ช่วยให้เศรษฐกิจโต
ประชาชนของเขาอยู่ดีมีสุขมากขึ้นหรือไม่
บรรณานุกรม :
1. Biden to peddle new
economic framework in Asia as ‘geopolitical tool’ to counter China. (2022, May
19). Global Times. Retrieved from
https://www.globaltimes.cn/page/202205/1266105.shtml?id=11
2. Biden’s ‘don’t shoot the
piano player’ approach to trade. (2022, June 4). Asia Times. Retrieved
from
https://asiatimes.com/2022/06/bidens-dont-shoot-the-piano-player-approach-to-trade/
3. Goodman, Matthew P.,
Reinsch, William. (2022, Jan). Filling In the Indo-Pacific Economic Framework.
Retrieved from https://www.jstor.org/stable/pdf/resrep39408.pdf
4. IPEF will be a hard sell in
the Indo-Pacific. (2022, May 25). Asia Times. Retrieved from
https://asiatimes.com/2022/05/ipef-will-be-a-hard-sell-in-the-indo-pacific/
5. Japan shores up U.S. vision
for IPEF economic bloc in Asia. (2022, May 24). The Asahi Shimbun.
Retrieved from https://www.asahi.com/ajw/articles/14628711
6. U.S. Department of State.
(2022, May 26). The Administration’s Approach to the People’s Republic of
China. Retrieved from https://www.state.gov/the-administrations-approach-to-the-peoples-republic-of-china/
7. U.S.-led IPEF threatens
ASEAN centrality, unity: Cambodian academic. (2022, May 30). Xinhua.
Retrieved from https://english.news.cn/20220530/85de1cefe2a547adbe5aa50a9d78fe37/c.html
8. Why ASEAN is giving Biden’s
IPEF a chance. (2022, May 30). Asia Times. Retrieved from
https://asiatimes.com/2022/05/why-asean-is-giving-bidens-ipef-a-chance/
-----------------------