เรื่อง Nord Stream 2 ที่มากกว่าท่อส่งก๊าซ
Nord Stream 2 คืออีกครั้งที่เยอรมันพยายามเป็นอิสระและรัฐบาลสหรัฐขัดขวาง ยูเครนเป็นตัวละครล่าสุดที่ถูกดึงเข้ามาใช้ สถานการณ์ยิ่งยืดเยื้อเท่ากับโลกต้องซื้อใช้พลังงานแพงนานขึ้น
ท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2 เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัท Gazprom ของรัสเซียกับบริษัทเยอรมันและอีกหลายประเทศ สร้างท่อส่งจากรัสเซียลอดทะเลบอลติกขึ้นฝั่งที่เมือง Greifswald เยอรมนี รวมระยะทาง 1,200 กิโลเมตร สามารถส่งก๊าซจากรัสเซียสู่เยอรมนีปีละ 55,000 ล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อรวมกับ Nord Stream (อันเดิม) จะส่งก๊าซได้ถึง 110,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ทำให้เยอรมนีกลายเป็นศูนย์พลังงานแห่งหนึ่งของยุโรปตะวันตก
ยุโรปเป็นผู้นำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) รายใหญ่ที่สุดของโลก นิยมใช้ก๊าซธรรมชาติชนิดนี้ทั้งในครัวเรือน สถานประกอบ (ส่วนใหญ่ใช้กับเครื่องทำความร้อน LNG คล้าย NGV แต่ NGV ใช้กับยานพาหนะและอยู่ในรูปก๊าซ) ใช้เป็นพลังงานผลิตกระแสไฟฟ้า มักกระจายส่งถึงบ้านและที่ต่างๆ ด้วยระบบท่อ เหตุที่นิยมเนื่องจากราคาถูก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปลอดภัย (เป็นก๊าซมีเทนที่เบากว่าอากาศหากรั่วจะกระจายหายไปในอากาศทันที โอกาสระเบิดน้อย) ด้วยข้อดีเหล่านี้คาดว่าจะใช้เพิ่มขึ้นอีก LNG จึงเป็นแหล่งพลังงานอีกชนิดที่หลายประเทศสนใจทั้งในแง่ผู้ส่งออกกับผู้นำเข้า
ท่อก๊าซที่ออกจากประเทศผู้ผลิตเช่นรัสเซีย
บางครั้งส่งผ่านหลายประเทศ บางท่อของเยอรมันผ่านโปแลนด์ ยูเครนก่อน
ประเทศเหล่านี้ซื้อใช้ก๊าซจากท่อเดียวกัน และหมายความว่า 2 ประเทศนี้สามารถปิดท่อก๊าซไม่ให้เข้าเยอรมัน
คำถามที่พูดกันเสมอคือหากรัสเซียปิดท่อก๊าซคนเยอรมันหลายสิบล้านคนที่ใช้ก๊าซจากรัสเซียจะเป็นอย่างไร
ในอดีตอาจตอบว่าเยอรมันนำเข้าจากหลายประเทศ แต่ปัจจุบันเยอรมันนำเข้าจากรัสเซียมากกว่าครึ่งและทำท่าจะเพิ่มขึ้นอีก
คำถามนี้จึงมีน้ำหนักมากกว่าเดิม
ข้อโต้แย้งในมุมกลับคือเพราะเยอรมัน
(กับยุโรป) เป็นลูกค้ารายใหญ่ รัสเซียจึงไม่ผลีผลามทำอะไรที่ทำให้ยุโรปรู้สึกไม่ปลอดภัย
เช่น ส่งกองทัพบุกยูเครนหรือคิดทำสงครามใหญ่ การอยู่ร่วมอย่างสงบทำมาค้าขายระหว่างกันน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า
ในอีกแง่หนึ่ง
Nord Stream 2 เป็นท่อเชื่อมรัสเซียกับเยอรมันโดยตรง ต่างจากบางท่อที่ต้องผ่านประเทศอื่น
การไหลของก๊าซไร้การสกัดกั้นจากประเทศที่ 3 ถ้ามองจากความมั่นคงของเยอรมันการต่อตรงย่อมดีกว่าแบบที่ต้องผ่านประเทศที่
3 แต่รัฐบาลสหรัฐกลับมองว่าการต่อตรงแบบนี้ส่งสัญญาณว่าเยอรมันเป็นมิตรกับรัสเซีย
เป็นอีกเหตุที่รัฐบาลสหรัฐพยายามขัดขวาง
โครงการท่อส่งก๊าซ
Nord Stream 2 ถือว่าทำเสร็จแล้วแต่ยังไม่เปิดใช้บริการ
เพราะรัฐบาลไบเดนนำเรื่องนี้เข้าไปพัวพันกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน ใช้กลยุทธ์นำ
Nord Stream 2 เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ฝ่ายเยอรมันต้องจำยอมเพราะเป็นข้อตกลงที่ทำไว้ในสมัยรัฐบาลแมร์เคิล
ข้อตกลงนี้มีทั้งข้อดีกับข้อเสีย ข้อดีคือช่วยห้ามสหรัฐคว่ำบาตรตามใจชอบ
(พรรครีพับลิกันต้องการคว่ำบาตรไม่ว่าจะมีประเด็นยูเครนหรือไม่)
ข้อเสียคือรัฐบาลสหรัฐใช้ข้อตกลงนี้เป็นเงื่อนไขผูกมัด
เหตุตึงเครียดรอบนี้เป็นจังหวะเดียวกับเยอรมันได้รัฐบาลใหม่ที่มาจากอีกขั้ว
เป็นบททดสอบสำคัญต่อโอลาฟ โชลซ์ (Olaf Scholz) นายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนปัจจุบัน
สหรัฐอาจมองว่ารัฐบาลชุดใหม่น่าจะมีท่าทีต่างจากเดิม อาจโอนอ่อนแก่ตนมากขึ้น
เป้าหมายและไม้ตายสหรัฐ :
ตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ไบเดนย้ำหลายรอบจะคว่ำบาตรท่อก๊าซ
Nord Stream 2 ถ้ารัสเซียบุกยูเครน เทคนิคเงื่อนปมที่สร้างไว้คือ
ยกประเด็นจะรับยูเครนเป็นสมาชิกนาโตที่รัสเซียยอมไม่ได้ ใครๆ ก็รู้ว่านี่คือเส้นต้องห้ามที่รัสเซียประกาศหลายสิบปีแล้ว
เมื่อรัสเซียเตรียมกองทัพเพื่อสกัดไม่ให้ประกาศการเป็นสมาชิก รัฐบาลสหรัฐจึงสวนกลับบอกว่าจะคว่ำบาตร
Nord Stream 2 หากบุกยูเครน ผลสุดท้ายอาจลงเอยตรงที่อียูต้องนำเข้าก๊าซสหรัฐมากขึ้นแม้จะแพงกว่าก๊าซรัสเซียไม่ต่ำกว่า
2-3 เท่า
ทุกประเทศรู้ความสำคัญของพลังงาน
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลสหรัฐจึงควบคุมการซื้อขายพลังงานโดยควบคุมทั้งผู้ซื้อกับผู้ขาย
วิธีการคือให้มิตรประเทศซื้อขายด้วยกันเอง โดยมีรัฐบาลสหรัฐเป็นผู้อำนวยการ มีอำนาจสูงสุดควบคุมระบบการซื้อขายนี้ด้วยหลากหลายวิธี
อิหร่านเป็นตัวอย่างที่รัฐบาลสหรัฐห้ามทุกประเทศนำเข้าน้ำมันอิหร่าน
ทุกวันนี้จึงเหลือไม่กี่ประเทศที่นำเข้าน้ำมันอิหร่าน บางประเทศถึงกับต้องขออนุญาตสหรัฐเป็นรายปี
เรื่องนี้เป็นตัวอย่างหลักฐานชี้ว่ารัฐบาลสหรัฐเป็นผู้ควบคุมระบบการซื้อขายน้ำมันโลก
ในสมัยทรัมป์
เมื่อรัฐบาลสหรัฐต้องการให้นานาชาติตัดขาดธุรกิจกับอิหร่าน
(หลังทรัมป์ยกเลิกข้อตกลงโครงการนิวเคลียร์ (JCPOA)
เพียงฝ่ายเดียว) รัฐบาลทรัมป์ใช้วิธีห้ามบริษัทเอกชนทุกประเทศทำธุรกรรมกับอิหร่าน
หาไม่แล้วบริษัทนั้นจะถูกคว่ำบาตร ผลคือบริษัทยุโรปที่กำลังลงทุนในอิหร่านถอนตัวแทบไม่ทัน
ความตั้งใจของสหรัฐต่อรัสเซียก็เช่นเดียวกับที่ทำต่ออิหร่าน
ทำเป็นลำดับขั้นตอน เริ่มจากท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2
ไม่สนใจว่าเยอรมันกับยุโรปต้องซื้อก๊าซในราคาแพงขึ้นเท่าไหร่
อีกไม้ตายที่พูดถึงคือตัดรัสเซียออกจากระบบชำระเงิน
SWIFT หากทำจริงจะเป็นเรื่องใหญ่มาก
สหรัฐจะได้คืบเอาศอกหรือไม่ :
ณ
วันนี้รัฐบาลสหรัฐใช้ประเด็นนาโตขยายตัว (NATO Enlargement) เพื่อสกัดเยอรมันนำเข้าก๊าซผ่าน
Nord Stream 2 หากทำสำเร็จเป็นไปได้หรือไม่ว่าอนาคตอาจใช้แผนนี้ซ้ำ เพื่อให้นาโตฝั่งยุโรปลดการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียไปเรื่อยๆ
สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ปิดล้อมรัสเซีย สอดคล้องกับแผนการกระชับอำนาจของรัฐบาลสหรัฐในนาโตฝั่งยุโรป
ถ้าวิเคราะห์ตามแนวทางนี้
สหรัฐคือผู้ได้ประโยชน์ ส่วนที่เสียประโยชน์ไม่ใช่แค่รัสเซียเท่านั้น รวมถึงชาติในยุโรปทุกประเทศที่นำเข้าพลังงานจากรัสเซีย
แม้บางประเทศเป็นพันธมิตรอเมริกาด้วยซ้ำ รัฐบาลสหรัฐสามารถควบคุมระบบพลังงานของยุโรปซึ่งเปรียบเสมือนเส้นเลือดหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ
ความมั่นคงทางสังคม
มองในทางกลับกันหากรัฐบาลไบเดนหนักมือเกินไป
เยอรมันกับยุโรปหลายชาติจะไม่ยอมเช่นกัน รอยร้าวระหว่างนาโตที่สหรัฐเป็นแกนนำกับสมาชิกนาโตส่วนที่เยอรมันเป็นแกนนำจะเห็นเด่นชัดขึ้น
ถ้าวิเคราะห์อย่างเป็นเหตุเป็นผลทั้งหมดเป็นเรื่องของการคำนวณผลประโยชน์
การอยู่ร่วมเป็นนาโตมีทั้งส่วนที่ได้กับส่วนที่เสีย
Nord Stream 2 จึงไม่ใช่แค่เรื่องของยูเครน รัสเซีย ยังรวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลสหรัฐกับชาติยุโรปหลายประเทศ
การงัดข้อในช่วงนี้จึงมีหลายกรอบหลายมิติซับซ้อน
ความจริงแล้วนับวันประเทศต่างๆ
จะใช้พลังงานที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่แค่น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติและถ่านหินเท่านั้น
พลังงานทางเลือกที่มีหลายแบบเป็นที่ต้องการมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลรักษ์สิ่งแวดล้อม
คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ รัฐบาลส่งเสริม โดยเฉพาะยุโรปตะวันตกที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตามพลังงานฟอสซิลยังมีความสำคัญ
ความจริงอีกข้อที่ไม่ควรมองข้ามคือ
ปีที่แล้วท่ามกลางโรคระบาดโควิด-19 ราคาพลังงานค่อยๆ ถีบตัวสูงขึ้นและสูงขึ้นอีกในปีนี้
เฉพาะเดือนมกราคมที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบเพิ่ม 17% น้ำมันดิบ WTI ล่าสุดอยู่ระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สถานการณ์ยูเครนเป็นอีกปัจจัยผลักดันราคา
น่าจะเป็นอีกปีที่ผู้ส่งออกพลังงานรายใหญ่โลกจะทำกำไรเป็นกอบเป็นกำ สถานการณ์ยิ่งยืดเยื้อเท่ากับโลกต้องซื้อใช้แพงนานขึ้น ราคาสินค้าต่างๆ แพงขึ้นถ้วนหน้า ซ้ำเติมภาวะเงินเฟ้อให้หนักกว่าเดิม
กระทบทุกคนในโลกไม่เว้นคนอเมริกัน
เยอรมันจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร :
สุดท้ายคำถามตกแก่รัฐบาลเยอรมัน
(รวมประเทศยุโรปอื่นๆ) ว่าจะจัดการปัญหานี้อย่างไร
สงครามเย็นสิ้นสุดไปนานแล้ว
เยอรมันกับยุโรปตะวันตกฟื้นตัวไม่คิดพึ่งพิงสหรัฐมากเช่นอดีต นาโตฝั่งยุโรปต้องการเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
เรื่องราวของ Nord Stream 2 เป็นอีกครั้งที่เยอรมันพยายามเป็นอิสระและรัฐบาลสหรัฐพยายามขัดขวาง
ยูเครนเป็นตัวละครล่าสุดที่ถูกดึงเข้ามาสร้างความตึงเครียดทั่วยุโรป น้ำมันแพงลิบลิ่ว
ทำให้สินค้าแพงขึ้นทั่วโลก นำสู่การเจรจาต่อรอง
เยอรมันกับยุโรปตะวันตกไม่ต้องการสงครามเย็นใหม่ในยุโรป
คำถามคือจะจัดการกับ 2 มหาอำนาจอย่างไร อยากปรับความสัมพันธ์กับรัสเซียแต่ไม่อาจทิ้งนาโต
เยอรมันต้องพึ่งพลังของยุโรปตะวันตกทั้งมวลในการรับมือ ซึ่งในตอนนี้ยังดูเหมือนว่ารัฐบาลสหรัฐเป็นฝ่ายรุกและอาจได้ผลประโยชน์เพิ่มเติมบนความสูญเสียของรัสเซีย
ยูเครนและยุโรปตะวันตกทุกประเทศที่ต้องการ Nord Stream 2
1. Biden threatens: No gas pipeline if Russia invades
Ukraine. (2022, February 7). AP. Retrieved from https://apnews.com/article/russia-ukraine-joe-biden-vladimir-putin-europe-moscow-46f8be10fa71af16bae8f3a9bd82918d
2. Cold Turkey: How Germany Could End Russian Gas Dependency.
(2014, May 6). Spiegel Online. Retrieved from
http://www.spiegel.de/international/business/german-alternatives-to-russian-gas-numerous-but-pricey-a-967682.html
3. Germany Has Little Maneuvering Room in Ukraine Conflict. (2022,
January 21). Spiegel Online. Retrieved from https://www.spiegel.de/international/world/a-war-of-nerves-germany-has-little-maneuvering-room-in-ukraine-conflict-a-faece2a7-c098-48cb-a9cc-cd0d5daf78f1
--------------------------