วิพากษ์ยุทธศาสตร์นาโตขยายตัว

ข้อวิพากษ์ทั้งหมดนำสู่คำถามว่ายุทธศาสตร์นาโตขยายตัวมีไว้เพื่อสันติภาพ เคารพอธิปไตยของกันและกันหรือเป็นเครื่องมือที่บางประเทศใช้ขยายอำนาจอิทธิพล

             ยุทธศาสตร์นาโตขยายตัว (NATO Enlargement, NATO expansion) เกิดขึ้นหลังสิ้นสงครามเย็น ขั้วรัสเซียแตก เกิดประเทศใหม่ที่แยกตัวออกจากสหภาพโซเวียต ประกาศเป้าหมายเพื่อความมั่นคงร่วมกัน การรับสมาชิกใหม่ๆ เข้ามาจะยิ่งทำให้มั่นคงเพราะชาติสมาชิกจะทำไม่สงครามต่อกัน ปกป้องกันและกัน นักใฝ่หาสันติจึงส่งเสริมการรับสมาชิกเพิ่มด้วยเหตุผลนี้ หลายประเทศในยุโรปกลางกับยุโรปตะวันออกหวังเข้าเป็นส่วนหนึ่ง เป้าหมายของการขยายตัวก็เพื่อรับประเทศเหล่านี้นั่นเอง

            เป็นยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลสหรัฐริเริ่มและผลักดัน ต้นเดือนธันวาคม 1994 Warren Christopher รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ (สมัยรัฐบาลคลินตัน) แสดงสุนทรพจน์อันเป็นจุดเริ่มยุทธศาสตร์นาโตขยายตัวอย่างเป็นทางการว่า “นาโตขยายตัว” คือแก่นโครงสร้างความมั่นคงในยุโรป” ควบคู่กับการรวมตัวเป็นอียู

            การรับพวกยุโรปตะวันออก ชาติที่แยกตัวออกจากสหภาพโซเวียตเป็นสมาชิก อาจมองว่าเป็นการฉวยโอกาสที่รัสเซียอ่อนแอ ดึงประเทศเหล่านี้เข้าพวก ข้อดีคือสกัดอำนาจรัสเซีย ป้องกันไม่ให้รัสเซียขยายอิทธิพลสู่ประเทศอื่นๆ ในยุโรป คำอธิบายอีกแบบคือรัฐบาลสหรัฐคิดว่าที่สุดแล้วรัสเซียจะเข้ามาเป็นสมาชิกนาโตด้วย เพราะเห็นว่าการเป็นสมาชิกนาโตจะให้ประโยชน์มากกว่า ดังนั้น นาโตขยายตัวจึงไม่เป็นโทษต่อรัสเซีย

งบประมาณกับกรณีประเทศเล็กทำสงคราม :

            นาโตมีมาตรฐานกองทัพนาโต หากสมาชิกต้องการยึดมาตรฐานจริงจะใช้งบมหาศาล จึงเป็นปัญหาแก่ประเทศที่เศรษฐกิจไม่ดี ประชาชนบางประเทศต่อต้าน รัฐบาลเหล่านั้นจึงระมัดระวังไม่ทำอะไรผลีผลาม นาโตฝั่งยุโรปไม่ต้องการสงคราม ไม่อยากให้เกิดสงครามใหญ่ในยุโรปอีก ประชาชนไม่ต้องการ ที่ควรทำคือขยันทำมาหากิน ใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขดีกว่า ดังนั้นไม่ว่าจะรัฐบาลยุโรปหรือสหรัฐล้วนไม่สามารถผลักดันเต็มที่

            ปัญหางบประมาณอีกข้อคือสมาชิกใหม่คาดหวังได้ความคุ้มครอง หากสถานการณ์ตึงเครียดจะคาดหวังนาโตจะส่งกองทัพมาช่วย การนี้ต้องใช้งบประมาณ คำถามคือใครจะเป็นผู้จ่าย ทางยุโรปชี้ว่าสหรัฐต้องจ่ายเพราะเป็นผู้ผลักดันรับสมาชิกใหม่

            อีกทั้งมีความเป็นไปได้ว่าประเทศเล็กๆ ในยุโรปกลาง ยุโรปตะวันออกจะทำสงครามกันเอง เป็นการรบระหว่างฝ่ายหนึ่งเป็นสมาชิกนาโตกับอีกฝ่ายไม่เป็น และเกิดในพื้นที่ๆ สหรัฐไม่เกี่ยวข้อง คำถามคือหากเกิดสงครามดังกล่าวนาโต สหรัฐจะเข้าไปช่วยหรือไม่ เพราะมาตรา 5 ของนาโตระบุว่าต้องช่วยสมาชิกจากการรุกรานใดๆ

            เรื่องนี้เกี่ยวพันกับความน่าเชื่อถือของนาโต เป็นหลักฐานว่าการเข้าเป็นสมาชิกจะได้รับการปกป้องจริงแท้เพียงใด มีหลักฐานมากมายว่ารัฐบาลสหรัฐจะเข้าปกป้องในกรณีที่เกี่ยวพันกับผลประโยชน์ตนเอง เหมือนการลงทุนที่ต้องคิดถึงผลตอบแทน

วิพากษ์ยุทศาสตร์นาโตขยายตัว :

          ประการแรก สหรัฐถูกคุกคามอย่างหนักหรือไม่

            รัฐบาลสหรัฐเอ่ยถึงภัยคุกคามร้ายแรงอยู่เสมอ มองรัสเซียในแง่ลบ คำถามคือรัสเซียเป็นภัยคุกคามเช่นว่าหรือไม่ มากถึงขั้นนั้นจริงหรือ นำสู่คำถามว่าอะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของรัฐบาลสหรัฐที่พยายามรับสมาชิกเพิ่ม Benjamin Schwarz ชี้ว่าเป็นนโยบายที่สหรัฐต้องการขยายอิทธิพลตนเองมากกว่า ต้องการขยายไปถึงประเทศที่พรมแดนติดรัสเซีย

            Ronald Steel ให้เหตุผลว่าสิ่งที่พยายามทำคือรักษาความเป็นเจ้าของตน ยิ่งสหรัฐถดถอยมีสัญญาณเช่นนั้น รัฐบาลสหรัฐไม่ว่าชุดใดจะต้องพยายามทำบางอย่างเพื่อรักษาความเป็นเจ้าของตนไว้ Ronald Steel อธิบายอีกว่าเนื่องจากอิทธิพลของสหรัฐต่อยุโรปตะวันตกลดลงเรื่อยๆ แต่รัฐบาลสหรัฐไม่อาจปล่อยยุโรปให้เป็นของยุโรป จึงพยายามเข้าแทรกด้วยการเข้าไปมีอิทธิพลต่อสมาชิกนาโตใหม่ ผลคือนาโตแยกออกเป็น 2 ฝ่าย

            ภายใต้แนวคิดนี้รัฐบาลสหรัฐจะไม่หยุดยุทธศาสตร์นาโตขยายตัว รัฐบาลทุกชุดจะต้องแสดงบทบาทหรือทำอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ เพื่อรักษาอิทธิพลของตนในนาโตยุโรป

          ประการที่ 2 เพิ่มความมั่นคงหรือเสี่ยงกว่าเดิม

            การสร้างพันธมิตรเครือข่ายความมั่นคงมีวัตถุประสงค์ คำถามคือการรับสมาชิกใหม่ในแต่ละกรณีเพิ่มความมั่นคงหรือทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง นี่คือคำถามที่ผู้เชี่ยวชาญสงสัยเจตนา

            ทั้งเหตุผลเรื่องภัยคุกคามกับความเสี่ยงที่ไม่ชัดเจน นำสู่ข้อสงสัยว่ารัฐบาลสหรัฐทำเช่นนี้ไม่ได้หวังผลเรื่องความมั่นคง (เพราะภัยคุกคามไม่มากจริง) แต่หวังผลอื่นๆ เช่น ทางการเมือง เศรษฐกิจ ขายอาวุธ (แทนที่เดิมใช้อาวุธรัสเซียตอนนี้ต้องซื้ออาวุธอเมริกาแทน)

          ประการที่ 3 ยุโรปควรเป็นอิสระด้านความมั่นคงจากสหรัฐหรือไม่

            มีคำถามการว่าที่ยุโรปพึ่งพาความมั่นคงภายใต้กรอบนาโต กับที่ยุโรปพึ่งพาตัวเองแบบไหนดีกว่ากัน เพราะมีผู้วิพากษ์ว่านาโตที่มีสหรัฐเสี่ยงเกิดสงครามมากกว่า

            แม้ยุโรปจะได้รับการปกป้องจากสหรัฐ หลายครั้งพบว่ากลายเป็นลูกไล่ เหมือนประเทศที่อยู่ใต้อิทธิพลรัฐบาลสหรัฐ หลายสิ่งที่สหรัฐทำเป็นโทษต่อยุโรป (แต่เป็นประโยชน์ต่อสหรัฐ) ซึ่งที่ผ่านมาบางประเทศ เช่น รัฐบาลฝรั่งเศสสมัยมาครงเสนอแนวคิดยุโรปสร้างกองทัพของตนเอง แต่รัฐบาลทรัมป์ไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง

          ประการที่ 4 นาโตที่แยกเป็น 2

            จากข้อมูลที่นำเสนอข้างต้นจะเห็นว่ามีความเห็นต่างแนวคิดต่างชัดเจนระหว่างสมาชิกนาโตด้วยกัน ฝ่ายเยอรมัน ฝรั่งเศส ต้องการอยู่อย่างสงบกับรัสเซีย ในขณะที่สหรัฐมองรัสเซียเป็นภัยคุกคามร้ายแรง พยายามสร้างสถานการณ์ ชาติยุโรปตะวันตกพยายามรักษาผลประโยชน์ตนเอง (แต่ไม่อาจขัดขวางสหรัฐได้ทั้งหมด) ส่วนสมาชิกนาโตใหม่เอื้อผลประโยชน์สหรัฐ

            ดังนั้นอาจแบ่งนาโตเป็น 2 ส่วน เป็นฝ่ายที่อิงรัฐบาลสหรัฐกับฝ่ายที่สมาชิกอิงเยอรมัน ฝรั่งเศส สมาชิกที่อิงสหรัฐมักเป็นสมาชิกใหม่ ส่วนที่อิงเยอรมัน ฝรั่งเศสมักเป็นพวกยุโรปตะวันตกเดิม

            เมื่อนาโตไม่เป็นเอกภาพ นโยบายทั้งปวงจะสะท้อนความไม่เป็นเอกภาพ เป็นเหตุผลอีกข้อที่รัฐบาลสหรัฐไม่อาจใช้นาโตได้เต็มที่ หากต้องการความรุนแรงจริงต้องลงมือด้วยตัวเอง เมื่อถึงตอนนั้นฝั่งยุโรปตะวันตกอาจไม่ร่วมมือกับสหรัฐ หลีกเลี่ยงไม่ให้ตนเองเป็นสมรภูมิ

          ประการที่ 5 ปลาใหญ่กินปลาเล็ก

            อีกแนวคิดอธิบายว่าชาติมหาอำนาจจะไม่ทำสงครามใหญ่โดยตรงต่อกัน ไม่มีวันที่สหรัฐกับรัสเซียจะทำสงครามนิวเคลียร์ล้างโลก แต่จะอาศัยความขัดแย้งเป็นโอกาสเข้าแทรกแซงบ่อนทำลายประเทศเล็กๆ หรือเพื่อผลประโยชน์การค้า ยุทธศาสตร์นาโตขยายตัวเป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง เป็นกรณีของยุโรปที่อยู่ท่ามกลางการแก่งแย่งช่วงชิง

            ภายใต้คำอธิบายนี้ประเทศเล็กๆ จะเสียหายมากที่สุด มหาอำนาจทั้ง 2 ฝ่ายจ้องฉวยประโยชน์ อาจถึงขั้นล้มรัฐบาลเพื่อตั้งรัฐบาลใหม่ที่เป็นพวกตน เกิดสงครามกลางเมืองแบ่งแยกประเทศ เป็นสภาพการณ์ที่ประเทศเล็กตกเป็นเหยื่อของมหาอำนาจภายใต้ระบบโลกปัจจุบัน

            ทางออกคือประชาชนต้องรู้เท่าทัน เพื่อได้รัฐบาลที่รักษาผลประโยชน์ประชาชน ประเทศเล็กพยายามรวมกลุ่มสร้างระบบความมั่นคงร่วม ประเทศใดที่อยู่โดดเดี่ยวย่อมเสี่ยงถูกทำลาย

            ข้อวิพากษ์ทั้งหมดลงเอยด้วยคำถามว่ายุทธศาสตร์นาโตขยายตัวมีไว้เพื่อสันติภาพ เคารพอธิปไตยของกันและกันหรือเป็นเครื่องมือที่บางประเทศใช้ขยายอำนาจอิทธิพล ด้วยการบ่อนทำลายประเทศอื่นๆ ให้อ่อนแอหรืออยู่ในภาวะจำยอม (ถ้าไม่เข้าพวกฝ่ายขวาก็ต้องเข้าพวกฝ่ายซ้าย อยู่อย่างอิสระตามลำพังไม่ได้) นำเข้ามาเป็นพวกในสภาพที่ต้องพึ่งพิงมหาอำนาจ เสมือนพาสัตว์อ่อนแอตัวหนึ่งเข้าป่าที่มีเจ้าป่าปกครองอยู่

16 มกราคม 2022
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 26 ฉบับที่ 9195 วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2565)

--------------------

บทความที่เกี่ยวข้อง :
ข้อมูลที่เปิดเผยจากสถานีวิทยุเดนมาร์ก (DR) ตอกย้ำว่านาโตจารกรรมกันเอง ชาติเสรีประชาธิปไตยจารกรรมพวกเดียวกัน สหรัฐสอดแนมพันธมิตร คำว่าพันธมิตรในมุมมองของสหรัฐหมายถึงอะไรกันแน่
นาโตเป็นตัวอย่างองค์การระหว่างประเทศที่มีชื่อเสียงยาวนานถึง 70 ปี แต่นาโตปัจจุบันไม่เป็นเอกภาพดังเดิม เป็นอีกตัวอย่างแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอันซับซ้อน การบั่นทอนต่อสู้กันภายใน
การปล่อยให้นาโตแตกไม่ใช่เรื่องที่ผู้นำประเทศจะตัดสินใจได้โดยลำพัง แม้มีความขัดแย้งมากบ้างน้อยบ้าง ไม่มีฝ่ายใดปล่อยให้นาโตแตก เพราะต่างได้ผลประโยชน์มากมายจากนาโต

บรรณานุกรม :

1. Carpenter, Ted Galen., Conry, Barbara. (1998). NATO Enlargement: Illusions and Reality. USA: Cato Institute.

2. Sandier, Todd., Hartley, Keith. (1999). The Political Economy of NATO: Past, Present and into the 21st Century. New York: Cambridge University Press.

--------------------------

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อุดมการณ์ทางการเมือง (1) นิยาม อุดมการณ์ทางการเมือง

อุดมการณ์ทางการเมือง (2) อุดมการณ์เสรีนิยม

กำเนิด “รัฐสมัยใหม่” ตัวแสดงเอกของโลก