ยุทธศาสตร์จีนในมุมมองของสหรัฐ 2021
เป้าหมายของจีนคือพัฒนากองทัพที่ทัดเทียมหรือเหนือกว่าสหรัฐ สอดรับกับการพัฒนาประเทศ ฟื้นฟูชาติจีนให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง ตั้งเป้าสำเร็จภายในปี 2049
ต้นเดือนพฤศจิกายน กระทรวงกลาโหมสหรัฐเสนอรายงานความก้าวหน้าทางทหารและความมั่นคงของจีนตามข้อมูลและมุมมองของตน
ชื่อ “Military and Security Developments Involving the People's Republic
of China (PRC) 2021” ในบท Understanding China’s Strategy มีสาระสำคัญดังนี้
เป้าหมายยุทธศาสตร์จีนคือฟื้นฟูชาติจีนให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง
ตั้งเป้าสำเร็จภายในค.ศ. 2049 เป็นส่วนหนึ่งของ “ความฝันจีน” สร้างสังคมนิยมตามคุณลักษณะของจีน
(socialism with Chinese characteristics) โดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นแกนนำ
จีนต้องการมีอิทธิพลโลกเทียบเท่าหรือมากกว่าสหรัฐ
ปรับเปลี่ยนระเบียบระหว่างประเทศที่เป็นประโยชน์ต่อระบบอำนาจนิยมปักกิ่ง (Beijing’s
authoritarian system) ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and
Road Initiative: BRI) เป็นตัวอย่างจัดระเบียบโลกใหม่ เป็นเครือข่ายหุ้นส่วนระหว่างประเทศตามแบบที่จีนต้องการ
เช่นเดียวกับ Asian Infrastructure Investment Bank (AIIB) Regional
Comprehensive Economic Partnership (RCEP) ล้วนเป็นแผนสร้างอิทธิพลครอบงำของจีน
ท่ามกลางโรคระบาดโควิด-19
รัฐบาลจีนเดินหน้าพัฒนาทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ กำลังทางทหาร เพิ่มบทบาทในเวทีโลก
ประกาศใช้ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า “dual circulation” ให้การบริโภคภายในเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลักดันอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีระดับสูง
ให้การลงทุนต่างชาติสนับสนุนเป้าหมายนี้
การที่จีนไม่ใช้ระบบตลาดเสรีแต่รัฐควบคุมอย่างเข้มข้นเป็นโทษต่อนักลงทุนต่างชาติ
มักส่งเสริมเอกชนของตนมากกว่า การแข่งขันไม่เป็นธรรม ขโมยสิทธิบัตร
จารกรรมความลับทางเศรษฐกิจ
ยุทธศาสตร์จีนยึดมุมมองการแข่งขันระหว่างชาติมหาอำนาจ
การปะทะระหว่างอุดมการณ์ เห็นว่าสหรัฐยังคงปิดล้อมตนและพยายามสกัดการปิดล้อมดังกล่าว นอกจากนี้ผู้นำจีนพร้อมเผชิญหน้าประเทศอื่นๆ หากผลประโยชน์ขัดกัน ชี้นำว่าชาติตะวันตกกำลังถดถอยไม่แปลกที่จีนก้าวขึ้นมา
นโยบายต่างประเทศมุ่งสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน “community of
common destiny” สอดรับการฟื้นฟูชาติ ใช้แนวการทูตแบบรัฐมหาอำนาจจีน
ชี้ว่าบริบทโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีเหตุตึงเครียดมากขึ้น เพิ่มบทบาทกองทัพต่อนโยบายต่างประเทศ
โรคระบาดโควิด-19 ส่งเสริมนโยบายประเทศ เชิดชูความสำเร็จในการจัดการโรคระบาด
ช่วยเหลือต่างประเทศ เรื่องนี้เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ ไต้หวันซึ่งปกครองด้วยประชาธิปไตยควบคุมโรคระบาดได้ดีเช่นกัน
การพัฒนากองทัพควบคู่กับการพัฒนาประเทศ
มีกฎหมายระบุว่ากองทัพมีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ใช้ยุทธศาสตร์บูรณาการกองทัพกับพลเรือน
พัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ได้ทั้งทางพลเรือนกับทางทหาร (dual-use)
เชื่อมโยงอุตสาหกรรมพลเรือนกับทางทหาร รวบรวมผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 ฝ่าย
สร้างสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อประโยชน์ทั้งต่อกองทัพกับพลเรือน รวมทั้งระบบขนส่ง
เอาจริงเอาจังกับการพัฒนาเทคโนโลยีมาก หวังเป็นมหาอำนาจนวัตกรรมโลก
เป็นผู้ครอบงำเทคโนโลยีการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (4IR) ซึ่งจะทำให้กองทัพจีนกลายเป็นกองทัพระดับแนวหน้า
ให้ความสำคัญกับปัญญาประดิษฐ์ ระบบอัตโนมัติ advanced computing, quantum
information sciences ไบโอเทคโนโลยี การสำรวจอวกาศ ฯลฯ
มียุทธศาสตร์ป้องกันประเทศเชิงรุก
(active defense) จะตอบโต้แน่หากถูกโจมตี ตั้งเป้าภายในปี
2049 เป็นกองทัพเข็มแข็งระดับโลก ขยายบทบาทสู่ระดับโลก มีฐานทัพสิ่งอำนวยความสะดวกในต่างแดน
เอื้อให้กองทัพจีนปฏิบัติการไกลขึ้น ฐานทัพจีนที่จิบูตี (Djibouti – อยู่ในทวีปแอฟริกา)
กำลังขยายโครงสร้างพื้นฐานรอบด้านทั้งการส่งกำลังบำรุงทัพเรือ อากาศ ทัพบก
ไซเบอร์และอวกาศ และกำลังคิดทำเช่นนี้กับหลายประเทศ เช่น ในกัมพูชา เมียนมา ไทย
สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ปากีสถาน ศรีลังกา สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เคนยา ฯลฯ
ปัจจุบันจีนมีทหารประจำการราว
2 ล้านนาย มุ่งพัฒนาให้ทันสมัย เชี่ยวชาญการรบแบบกองกำลังผสม
ประสานทั้งทางบกทางเรือและทางอากาศ รวมทั้งอวกาศ สงครามอิเล็กทรอนิกส์
ปฏิบัติการทางไซเบอร์ ด้วยการตั้งเป้าต่อกรศัตรูที่เข้มแข็ง (strong enemy) กับประเทศที่มีข้อพิพาทเรื่องเขตแดน การเข้าแทรกแซงจากประเทศที่ 3
พฤศจิกายน 2020 กระทรวงกลาโหมจีนรายงานผลการพัฒนากองทัพทันสมัยเป็นไปตามแผน
รวมถึงสงครามอัจฉริยะ (intelligentized warfare) มีจำนวนเรือรบมากที่สุดในโลก
มีเรือรบผิวน้ำกับเรือดำน้ำรวม 355 ลำ กำลังพัฒนาสู่ปฏิบัติการหลายภารกิจ
อีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะสามารถโจมตีข้าศึกระยะไกลอย่างแม่นยำโดยใช้ขีปนาวุธร่อน พัฒนาสงครามต่อต้านเรือดำน้ำ
การป้องกันเรือบรรทุกเครื่องบินและเรือดำน้ำติดขีปนาวุธ
กองทัพอากาศจีนใหญ่เป็นอันดับ
3 ของโลก มีเครื่องบินกว่า 2,800 ลำ เป็นเครื่องบินขับไล่โจมตีทิ้งระเบิด 2,250 ลำ
จนถึงขณะนี้จีนมีขีดความสามารถ
anti-access/area-denial (A2/AD) ในหมู่เกาะชั้นแรก
(First Island Chain) และกำลังขยายสู่หมู่เกาะชั้นสอง (Second
Island Chain) และไกลออกไป
ด้านขีดความสามารถทางนิวเคลียร์ ในทศวรรษหน้าจีนตั้งเป้าพัฒนาและขยายอาวุธนิวเคลียร์ทุกประเภท
ตอนนี้กำลังขยายกำลังผลิตพลูโตเนียม ภายในปี 2027 อาจมี 700 หัวรบพร้อมยิงและในปี
2030 อาจมี 1,000 หัวรบ อีกทั้งกำลังพัฒนา air-launched ballistic missile ติดหัวรบนิวเคลียร์ (รายงานกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเมื่อกันยายน 2021
ระบุว่าสหรัฐมีนิวเคลียร์ทั้งสิ้น 3,750 หัวรบ
ส่วนจีนมี 350 หัวรบ) กำลังพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่
สะสมขีปนาวุธ DF-26 ที่สามารถติดตั้งหัวรบธรรมดากับหัวรบนิวเคลียร์
ปี 2020 ประจำการอาวุธไฮเปอร์โซนิคพิสัยกลาง DF-17 เร่งพัฒนาสงครามอวกาศ
ความก้าวหน้าทางอวกาศเพื่อประโยชน์ทั้งทางทหารกับพลเรือน
และอาจพัฒนาดาวเทียมพลเรือนที่สามารถต่อต้านขีปนาวุธข้าศึก
จีนยังคงวิจัยด้านเคมีชีวภาพ
สารพิษร้ายแรง (potent toxin) ที่ใช้ประโยชน์ทั้งทางพลเรือนกับทางทหาร
ผู้นำจีนประกาศชัดว่ากองทัพจีนต้องมีบทบาทระดับโลก
สัมพันธ์กับการสร้างชาติให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง ปกป้องผลประโยชน์ต่างแดน
สนับสนุนนโยบายต่างประเทศ คู่กับการที่จีนสัมพันธ์กับเศรษฐกิจโลก ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง
(Belt and Road Initiative: BRI) เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจน
ทำให้หลายฝ่ายสงสัยเจตนาของจีน มีแนวโน้มจะใช้กำลังทหารข่มขู่ประเทศอื่น
จีนพยายามขยายอิทธิพล
มุ่งเป้าสถาบันวัฒนธรรม องค์กรสื่อ ธุรกิจต่างๆ สถาบันศึกษาและกลุ่มศึกษานโยบายทั้งในสหรัฐและอีกหลายประเทศ
องค์กรระหว่างประเทศ ให้นานาชาติยอมรับแนวคิดจีน เห็นด้วยกับรัฐบาลจีน ใช้แนวคิด
“รบ 3 สมรภูมิ” (Three Warfares) ได้แก่รบทางจิตวิทยา
รบทางความคิดเห็นประชาชน และรบทางกฎหมาย (psychological warfare, public
opinion warfare, and legal warfare)
จีนมีงบกลาโหมมากเป็นอันดับ
2 ของโลกและเพิ่มงบทุกปี ทั้งยังไม่ได้เปิดเผยงบประมาณหลายส่วนที่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายทางทหาร
งบกลาโหมที่ประกาศจึงต่ำกว่าที่เป็นจริง
นับจากสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ทำสงครามหรือปะทะทางชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยเรื่องเขตแดนบ่อยครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย เวียดนาม อดีตสหภาพโซเวียต ทุกวันนี้ยังมีปัญหากับหลายประเทศ
เช่น มี EEZs ทับซ้อนกับญี่ปุ่น ทับซ้อนกับหลายประเทศในทะเลจีนใต้
รายงาน
Military and Security Developments Involving the People's Republic of
China (PRC) 2021 ชี้ว่าเป้าหมายของจีนคือพัฒนากองทัพที่ทัดเทียมหรือเหนือกว่าสหรัฐ
สอดรับกับการพัฒนาประเทศ ฟื้นฟูชาติจีนให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง ตั้งเป้าสำเร็จภายในปี
2049
--------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง :1. U.S. Department of Defense. (2021, August 3). Military
and Security Developments Involving the People's Republic of China (PRC) 2021.
Retrieved from https://media.defense.gov/2021/Nov/03/2002885874/-1/-1/0/2021-CMPR-FINAL.PDF
2. U.S. Department of State. (2021,
October 5). Transparency in the U.S. Nuclear
Weapons Stockpile. Retrieved from https://www.state.gov/transparency-in-the-u-s-nuclear-weapons-stockpile/