ความล้มเหลวของประชาธิปไตยอัฟกานิสถาน
ความเป็นไปของอัฟกานิสถานชี้ชัดว่ารัฐบาลประชาธิปไตยอยู่ได้เพราะกองทัพกับเงินดอลลาร์ของอเมริกัน เป็นอีกครั้งที่ประชาธิปไตยอเมริกันพ่ายแพ้แก่ระบอบการปกครองอื่น
สูตรสำเร็จของรัฐบาลสหรัฐ :
ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐระบุว่าอเมริกาส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย
การค้าเสรี หลักสิทธิมนุษยชน
ภายใต้ยุทธศาสตร์ต่อต้านก่อการร้ายของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู. บุช (George
W. Bush) รัฐบาลสหรัฐเพิ่มความสำคัญเรื่องส่งเสริมประชาธิปไตย
การค้าเสรี เป้าหมายคือเปลี่ยนรัฐบาลที่สนับสนุนก่อการร้ายมาเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย
การโค่นล้มรัฐบาลตาลีบัน (Taliban) ในอัฟกานิสถานเป็นตัวอย่างที่สหรัฐส่งเสริมให้เป็นประชาธิปไตย
ด้วยความเชื่อว่าระบอบประชาธิปไตยจะเป็นภูมิคุ้มกันระบอบสุดโต่ง (extremist
regimes) กับการก่อการร้าย
จากบุชสู่โอบามา รัฐบาลโอบามาประกาศชัดว่าสหรัฐยังคงนโยบายสนับสนุนให้อัฟกานิสถานเป็น
“ประเทศอธิปไตย มีเสถียรภาพ มีเอกภาพและเป็นประชาธิปไตย” ดำเนินความสัมพันธ์บนหลักเคารพต่อกันและกันและตรวจสอบได้
สนับสนุนกองกำลังรักษาความมั่นคงของอัฟกานิสถาน ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่อัฟกันเพื่อสร้างเสถียรภาพ
การอยู่ดีกินดีแก่คนอัฟกัน
เป็นสูตรสำเร็จที่เมื่อสหรัฐล้มรัฐบาลประเทศอื่นจะให้รัฐบาลใหม่เป็นรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตย
ประเทศเป็นมากกว่าเมืองหลวง :
ประชาธิปไตยเป็นการปกครองที่มีข้อดีหลายอย่าง แต่ข้อดีจะปรากฏเมื่อมีปัจจัยรองรับ
เช่น สำนึกความเป็นพลเมืองสูง ประชาชนรับผิดชอบตามบทบาทหน้าที่ ยึดมั่นการเป็นคนชาติเดียวกันแม้แตกต่างหลากหลาย
ซึ่งจำต้องอาศัยเวลาพัฒนาหลายสิบปีหรือเป็นร้อยปีขึ้นกับแต่ละสังคม พัฒนาการของอังกฤษกับฝรั่งเศสเป็นตัวอย่างที่ดี
ประเด็นคือในระหว่างที่สังคมกำลังเรียนรู้เสรีนิยมประชาธิปไตย
มีอุปสรรคขัดขวางหรือไม่ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ อธิบายยกตัวอย่างอัฟกานิสถานได้ว่าอุปสรรคภายใน
เช่น การรวมหรือประสานอำนาจของชนชั้นนำทำได้ดีเพียงไร การยึดมั่นชาติพันธุ์มากกว่าเป็นพลเมืองประเทศเดียวกัน
อัฟกานิสถานมีกลุ่มชาติพันธุ์สำคัญอย่างน้อย 16 กลุ่ม
แยกกันอยู่ในแต่ละภูมิภาค ความแตกต่างระหว่างนิกายซุนนีกับชีอะห์เป็นอีกส่วนเหตุทำให้เข้ากันไม่ได้
ย้อนหลังเมื่อรัฐบาลอัฟกันที่โซเวียตสนับสนุนล่มสลายในปี 1992
มีการตั้งรัฐบาลใหม่จากตัวแทนหลายชนเผ่า แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศเหมือนแยกจากกันออกเป็นเสี่ยงๆ
ขึ้นกับผู้นำท้องถิ่นหรือหัวหน้ากองกำลังที่ต่างเป็นอิสระต่อกัน ชนบทห่างไกลหลายแห่งยังเป็นสังคมชนเผ่าเข้มแข็ง
วิถีชีวิตที่ขึ้นกับเผ่าอย่างเข้มข้นยังคงอยู่ในหลายพื้นที่ บางครั้งกลุ่มต่างๆ
ต่อสู้กันเอง นักรบหรือกองกำลังติดอาวุธส่วนใหญ่คือประชาชนธรรมดา น้อยคนที่เป็นทหารอาชีพ
รัฐบาลกลางปกครองได้เฉพาะกรุงคาบูลกับบางเมืองเท่านั้น คนส่วนใหญ่ขาดสำนึกความเป็นคนชาติเดียวกัน
ความที่ผู้นำชนเผ่า
หัวหน้ากองกำลังติดอาวุธท้องถิ่นไม่ยอมรับอำนาจประธานาธิบดีจึงมีผู้ตั้งฉายาผู้นำประเทศว่าเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดคาบูลมากกว่าเป็นผู้ปกครองประเทศ
ปลายปี
2019 ฮามิด การ์ไซ (Hamid Karzai)
อดีตประธานาธิบดีอัฟกานิสถานกล่าวว่าทุกวันนี้พื้นที่กว่าครึ่งของประเทศยังอยู่ใต้การปกครองของพวกตาลีบัน
ถ้ายึดตามขนาดพื้นที่ ตาลีบันในวันนี้เป็นผู้ปกครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ข้อมูลนี้สะท้อนอำนาจของรัฐบาลกรุงคาบูลกับตาลีบัน
ด้านอุปสรรคภายนอก
กองกำลังสหรัฐกับนาโตเป็นปัญหาในตัวเอง คนอัฟกันบางคนอาจเห็นว่าพวกเขานำประชาธิปไตยมาให้
แต่อีกส่วนเห็นว่าคือต่างชาติต่างศาสนาผู้รุกราน ตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดของตน ตาลีบันผู้ปกครองเดิมจึงปฏิเสธอำนาจรัฐบาลประชาธิปไตย
ยังคงต่อสู้ขับไล่ทหารต่างชาติให้พ้นประเทศ พวกเขาอยากดำเนินชีวิตตามวิถีอิสลามของตน
การที่รัฐบาลสหรัฐหวังสร้างประชาธิปไตยแก่ประเทศนี้คืออุปสรรคในตัวเอง
ในมุมของคนอัฟกันคือการที่ต่างชาติยัดเยียดให้ ไม่ได้มาจากเจตจำนงของพวกเขาเอง
การล้มระบอบประชาธิปไตยกลายเป็นอีกเหตุผลที่สมควรต่อสู้
อีกครั้งที่สูตรสำเร็จอเมริกาล้มเหลว :
ข้อมูลกรกฎาคม
2015 จาก The World Factbook ระบุว่าคนอัฟกัน 85% เป็นซุนนี 10-15% เป็นชีอะห์ รวมความแล้วเกือบทั้งหมดเป็นมุสลิมและเป็นเช่นนี้หลายร้อยปีแล้ว
ช่วงแรกที่อัฟกานิสถานอยู่ภายใต้ตาลีบัน
(1996-2001) เปลี่ยนชื่อประเทศเป็น Islamic Emirate
of Afghanistan นาย Mullah Omar ครูสอนศาสนาและผู้นำตาลีบันขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ
ปกครองตามหลักอิสลามอย่างเคร่งครัดตามแบบฉบับของตน เช่น ไม่อนุญาตให้เด็กผู้หญิงเรียนหนังสือ
แม้กระทั่งการศึกษาภายในบ้าน ห้ามผู้หญิงเดินทางออกจากบ้านโดยไม่มีสามีหรือญาติที่เป็นชายร่วมเดินทางไปด้วย
และอีกหลายข้อที่แตกต่างจากมุสลิมสายหลักทั่วไป
การมีรัฐบาลประชาธิปไตยภายใต้การค้ำจุนของสหรัฐกับพวกใน
20 ปีที่ผ่านมาช่วยปรับเปลี่ยนค่านิยมได้บ้างในบางพื้นที่ แต่โดยรวมแล้วศาสนายังคงสัมพันธ์กับคนอัฟกันอย่างลึกซึ้ง
ศาสนาอิสลามไม่ใช่เพียงการปฏิบัติศาสนกิจแต่สัมพันธ์ทุกด้าน รวมการเมือง เศรษฐกิจ
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ วิถีชีวิต ซึ่งคนอัฟกันมีลักษณะเช่นนี้ชัดเจนอยู่ก่อนแล้ว
ในบริบทปัจจุบัน
แม้คนอัฟกันเป็นมุสลิมเกือบทั้งหมดแต่แยกออกได้หลายสาย เช่น สายประชาธิปไตย สายตาลีบัน
และสายชนเผ่าต่างๆ (ยังแยกย่อยได้อีก) เป็นประเด็นน่าสนใจว่ามุสลิมเหล่านี้จะสามารถอยู่ร่วมกันได้หรือไม่
อยู่ร่วมอย่างไรหลังนาโตถอนทหารกลับประเทศ เรื่องนี้เกี่ยวพันกันหมดไม่ว่าจะระบอบการปกครอง
การแบ่งสรรอำนาจ เศรษฐกิจ วัฒนธรรมประเพณี ทั้งนี้กลุ่มตาลีบันแสดงท่าทีว่าตาลีบันในปีนี้ต่างจากเมื่อ
20 ปีก่อนซึ่งต้องติดตามต่อไปว่าแตกต่างมากน้อยเพียงไร
ถ้าวิพากษ์สหรัฐอาจตีความว่ารัฐบาลสหรัฐปรารถนาดีหวังให้อัฟกานิสถานเป็นประชาธิปไตย
แต่ต้องมองอีกด้านว่าประเทศนี้มีวัฒนธรรมค่านิยมของตัวเองที่ฝังลึก
การพัฒนาเสรีประชาธิปไตยต้องกินเวลาหลายสิบปีหรือนับร้อยปี
เกิดคำถามว่ารัฐบาลสหรัฐจริงจังกับการสร้างประชาธิปไตยมากน้อยเพียงไรหรือทำเพราะมีวาระซ่อนเร้น
สถานการณ์ล่าสุดให้ข้อสรุปชัดว่าเมื่อกองทัพสหรัฐกับพวกถอนออกไป
รัฐบาลประชาธิปไตยล่มสลายทันที ตาลันบันกลับเข้ามาแทนที่ น่าสังเกตว่าคนอัฟกันผู้รักประชาธิปไตย
(ถ้ามี) ไม่ออกมาปกป้องประชาธิปไตยของตน คงไม่เกินไปถ้าจะสรุปว่ารัฐบาลประชาธิปไตยอัฟกานิสถานอยู่ได้เพราะกองทัพกับเงินดอลลาร์ของอเมริกัน
เป็นอีกครั้งที่ประชาธิปไตยอเมริกันพ่ายแพ้แก่ระบอบการปกครองอื่น ลองทบทวนว่านโยบายของรัฐบาลบุชกับโอบามาต่อประเทศนี้คืออะไร
สำเร็จหรือไม่ บัดนี้นโยบายของไบเดนคืออนาคตของอัฟกานิสถานเป็นเรื่องที่คนอัฟกันต้องตัดสินใจกันเอง
เป็นอีกครั้งที่พิสูจน์ว่าสูตรสำเร็จของรัฐบาลสหรัฐใช้ไม่ได้ผลและอาจไม่ควรใช้ตั้งแต่ต้น
หรือไม่ก็ต้องอธิบายด้วยเหตุผลอื่นๆ เช่น เป็นเครื่องมือสร้างรัฐบาลหุ่นเชิดของตน เพราะรัฐบาลสหรัฐรู้ดีเช่นกันว่าการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองมาเป็นประชาธิปไตยใช่ว่าจะสำเร็จทุกราย
ในทางวิชาการมีข้อสรุปชัดเจนว่า
ระบอบประชาธิปไตยแท้จะดำรงอยู่ได้หรือไม่ขึ้นกับเจตจำนงของประชาชนส่วนใหญ่ว่าเขาต้องการประชาธิปไตยหรือไม่
ไม่ได้ขึ้นกับความดีงามของประชาธิปไตย เพราะความดีงามของประชาธิปไตยอาจถูกตีความเป็นแง่ลบจากแนวคิดอื่น
ความเป็นไปของอัฟกานิสถานเป็นหลักฐานอีกชิ้นที่แผนสร้างประชาธิปไตยต่างแดนของสหรัฐล้มเหลวหลังพยามยาม
20 ปี เป็นอีกครั้งที่สหรัฐถอนการปกป้องรัฐบาลประชาธิปไตยที่ตนวางรากฐานไว้
และอาจอธิบายได้ว่าแท้จริงแล้วรัฐบาลสหรัฐไม่คิดสร้างประชาธิปไตยจริงๆ ที่ทำมา 20
ปีเป็นเพียงข้ออ้าง เพื่อประโยชน์บางอย่าง เป็นเหตุผลให้ฟังดูดีเท่านั้น
ถ้ามองภาพกว้างอาจตีความว่ารัฐบาลสหรัฐนี่แหละทำให้ระบอบประชาธิปไตยเสื่อมเสีย
---------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง :
รัฐอิสลามของตาลีบันจะเป็นที่จับตาของนานาชาติอีกนาน ทั้งเรื่องการเป็นแหล่งกบดานของผู้ก่อการร้าย สิทธิมนุษยชน การแก้ปัญหายาเสพติด แนวทางระบอบการปกครองอิสลามอีกรูปแบบหนึ่ง
1. Afghanistan’s Karzai tells AP that US cash fed corruption.
(2019, December 11). AP.
Retrieved from https://apnews.com/1419420df4e2e7186222c38db3be707d
2. Bouris, Erica. (2006). National Security Strategy of the United
States. In Encyclopedia Of United States National Security.
(pp.502-505). California: Sage Publications.
3. Carlisle, Rodney P. (2010). Afghanistan War. New York:
Chelsea House Publications.
4. Central Intelligence Agency. (2015, July). Afghanistan .In
The World Factbook. Retrieved from https://www.cia.gov/library/publications/the-world-factbook/geos/af.html
5. Cleveland, William L. Bunton, Martin. (2013). A
History of the Modern Middle East (Fifth Edition). USA: Westview
Press.
6. Readout of President Obama’s Call with President Karzai.
(2014, February 25). The White House. Retrieved from
http://www.whitehouse.gov/the-press-office/2014/02/25/readout-president-obama-s-call-president-karzai
7. Wahab, Shaista., Youngerman, Barry. (2007). A Brief
History Of Afghanistan. New York: Infobase Publishing.
--------------------------