อาเซียนไม่ใช่องค์กรประชาธิปไตย
อาเซียนส่งเสริมสิทธิมนุษยชนตามแนวทางสหประชาชาติ แต่อาเซียนไม่ใช่องค์กรประชาธิปไตย ที่ชาติสมาชิกต้องการคือให้ภูมิภาคสงบสุข อันจะนำมาซึ่งการพัฒนา ประชาชนอยู่ดีกินดีตามอัตภาพ
อาเซียนหรือประชาคมอาเซียนไม่ใช่องค์กรประชาธิปไตย
ไม่ได้มีเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย อันที่จริงแล้วชาติสมาชิกหลายประเทศไม่ได้ปกครองด้วยประชาธิปไตย
เช่น บรูไนเป็นระบอบกษัตริย์ตามแนวทางอิสลาม เวียดนามกับสปป.ลาวเป็นสังคมนิยม ส่วนที่รัฐธรรมนูญของบางประเทศระบุว่าปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยก็ต้องพิจารณาว่าเป็นสักกี่ส่วน
การจะเข้าใจอาเซียนควรเริ่มต้นด้วยการเข้าใจวัตถุประสงค์ดั้งเดิมขององค์กรระหว่างประเทศนี้
แม้ประเทศผู้ร่วมก่อตั้งอาเซียน
5 ชาติประกาศความร่วมมืออย่างครอบคลุม รวมเศรษฐกิจสังคม แต่เหตุผลหลักในช่วงก่อตั้งคือไทย
มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และสิงคโปร์ต้องการต่อต้านภัยจากสังคมนิยมคอมมิวนิสต์
แต่เมื่อสงครามเย็นยุติ การรับเวียดนามเป็นสมาชิกเมื่อปี 1995
เป็นก้าวสำคัญของอาเซียน (ตามมาด้วย สปป.ลาว เมียนมาร์และกัมพูชา) หวังอยู่ร่วมกันแม้ระบอบการปกครองแตกต่าง
ชาติสมาชิกรู้ดีว่าการอยู่ร่วมกันโดยสันติ ไม่ถูกมหาอำนาจแทรกแซง กลายเป็นสนามรบทำสงครามตัวแทน
(proxy war) คือแนวทางที่ดีกว่า ไม่อยากให้เกิดสงครามอินโดจีน
สงครามเวียดนามซ้ำอีก
เป้าหมายของอาเซียนจึงไม่ใช่เพื่อให้ทุกประเทศเป็นประชาธิปไตย
แต่ให้สมาชิกทุกประเทศอยู่ด้วยกันได้แม้ระบอบปกครองต่างกัน อาจอธิบายว่า
“เอกราช” ไม่ตกเป็นเมืองขึ้นใครคือหัวใจอาเซียน ชาติสมาชิกทุกประเทศยึดมั่นร่วมกัน
ขยายการค้าการลงทุน ประชาคมอาเซียน :
เมื่อชาติมั่นคงไม่เป็นสนามรบเวทีประลองกำลังของมหาอำนาจ
เรื่องต่อมาที่ต้องใส่ใจคือให้ประชาชนมีกินมีใช้ บ้านเมืองเจริญก้าวหน้า จึงเกิดเขตการค้าเสรีอาเซียนด้วยกติกาที่สมาชิกทั้งหมดยอมรับ
และล่าสุดเกิด RCEP เขตเศรษฐกิจที่ใหญ่โตเพราะรวมจีน
เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ครอบคลุมประชากรเกือบครึ่งโลก รวม 29
% ของปริมาณการค้าโลก
และเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้นำกองทัพเมียนมาจึงเปิดประเทศ
ให้เลือกตั้งแบบประชาธิปไตย แก้กฎหมายเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติ
ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเป็นความร่วมมือที่จับต้องได้เป็นรูปธรรมมากที่สุด
ตัวเลขการค้าการลงทุนภายในอาเซียนเพิ่มขึ้นเรื่อยมา
นโยบายสังคมเป็นอีกด้านที่สำคัญ
ให้พลเมือง 10 ชาติรู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น ต้องไม่ลืมว่าต่างมีพื้นฐานเศรษฐกิจสังคมแตกต่าง
มีประวัติศาสตร์ทำสงครามระหว่างกัน อดีตที่เคยบาดหมางกันซึ่งเป็นเรื่องปกติ
ความร่วมมือทางสังคมยังจำเป็นสำหรับความร่วมมือสารพัดเรื่อง เช่น
การต่อต้านยาเสพติด การค้ามนุษย์ ฯลฯ
ถ้าจะเรียกให้ถูกทุกวันนี้ควรเรียก
“ประชาคมอาเซียน”
ประชาคมอาเซียนคือการเพิ่มขยายความร่วมมือให้กว้างขึ้นลึกซึ้งขึ้นนั่นเอง วัตถุประสงค์ดั้งเดิมคงอยู่โดยเฉพาะเรื่องอธิปไตย
การไม่แทรกแซงกิจการภายในของอีกประเทศ
นับจากประกาศก่อตั้งอาเซียนเมื่อ
8 สิงหาคม ค.ศ.1967 จนบัดนี้สมาชิกอยู่อย่างสงบสุข
ไม่ทำสงครามกัน นี่คือความสำเร็จที่สำคัญยิ่งของอาเซียน อันนำมาซึ่งการพัฒนา
ประชาชนแต่ละประเทศอยู่กินดีตามอัตภาพ
กรณีประชาธิปไตยเมียนมา :
หัวข้อบทความนี้คือ “อาเซียนไม่ใช่องค์กรประชาธิปไตย” อาเซียนยึดหลักไม่แทรกแซงกิจการภายในของสมาชิก
จึงเป็นคำถามสำคัญว่าอาเซียนกำลังทำอะไรกับ “ประชาธิปไตยเมียนมา” กำลังละเมิดหรือขัดแย้งหลักการตนเองหรือไม่
แนวทางของอาเซียนในขณะนี้เทียบเคียงได้กับกรณีโรฮีนจา
เป็นสถานการณ์ที่กดดันเนื่องจากหลายประเทศให้ความสำคัญกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน การที่โรฮีนจาอพยพไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน
องค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ ประณามประเทศเพื่อนบ้านเมียนมาว่าไม่ได้ปฏิบัติต่อผู้อพยพโรฮีนจาอย่างเหมาะสม
กลายเป็นว่าเรื่องของเมียนมาเป็นเหตุให้เพื่อนบ้านอาเซียนถูกกล่าวโทษด้วย
กันยายน
2017 อาเซียนมีแถลงการณ์ว่ารู้สึกกังวลต่อสถานการณ์ในรัฐยะไข่
ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก ในระยะยาวต้องแก้รากปัญหา
ประเด็นประชาธิปไตยเมียนมาในระยะนี้
ความมั่นคงเป็นประเด็นสำคัญที่สุด หากรัฐสมาชิกมีปัญหาภายใน การเมืองไร้เสถียรภาพ เกิดสงครามกลางเมือง
มหาอำนาจแทรกแซง สภาวะเช่นนี้อาเซียนพลอยไม่มั่นคงด้วย เพื่อความมั่นคงของตัวเอง
สมาชิกแต่ละประเทศจึงดำเนินนโยบายส่งเสริมให้ชาติสมาชิกอื่นๆ มีความมั่นคง
(อย่างน้อยในระดับที่ไม่เป็นอันตราย)
แถลงการณ์อาเซียนต่อสถานการณ์เมียนมา :
ต้นมีนาคมที่ผ่านมาเหล่ารัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศชาติสมาชิกอาเซียน 10
ประเทศได้หารือ แถลงการณ์ระบุว่าเสถียรภาพทางการเมืองของชาติสมาชิกเป็นเรื่องจำเป็นต่อสันติภาพ
เสถียรภาพ และการอยู่ดีกินดีของประชาคมอาเซียน
อาเซียนให้ความสำคัญต่อความเป็นเอกภาพ
ความเกี่ยวพันในภูมิภาค การเผชิญความท้าทายร่วมกัน
ความเข้มแข็งของอาเซียนตั้งอยู่บนการให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ด้วยเหตุนี้จึงเรียกร้องให้ยึดมั่นกฎบัตรอาเซียน (ASEAN Charter) รวมถึงการตั้งบนหลักนิติธรรม ธรรมาภิบาล หลักประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ
เคารพเสรีภาพพื้นฐาน ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน
อาเซียนกังวลต่อสถานการณ์ในเมียนมา
ขอให้ทุกฝ่ายยับยั้งชั่งใจไม่ยั่วยุให้เกิดความรุนแรงกว่านี้ ขอให้ทุกฝ่ายยืดหยุ่น
แก้ปัญหาด้วยสันติวิธี ด้วยการปรึกษาหารือ หาหนทางสมานฉันท์ที่ก่อประโยชน์ต่อทุกคน
อาเซียนพร้อมให้การสนับสนุน
จะเห็นว่าแถลงการณ์นี้ย้ำเตือนหลักการที่มองว่าเสถียรภาพความมั่นคงของประเทศใดประเทศหนึ่งมีผลต่ออาเซียนทั้งหมด
พูดให้ชัดคือเรื่องของเมียนมาไม่ใช่ของเมียนมาเท่านั้น
แต่เกี่ยวพันกับความมั่นคงของชาติสมาชิกอื่นๆ ด้วย
ในอีกด้านหนึ่งแถลงการณ์ย้ำความสำคัญต่อความคิดเห็นของประชาชน
ตั้งบนหลักนิติธรรม ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน
แต่ทั้งนี้หมายถึงการตั้งบนหลักกฎหมายของแต่ละประเทศด้วย
ท้ายที่สุดคือขอให้แก้ปัญหาด้วยสันติวิธี
(ตรงการกับการใช้อาวุธเข้าห้ำหั่นกัน แบ่งแยกประเทศ ขอปกครองตัวเอง)
หาทางที่ทุกฝ่ายอยู่ได้ ยินดีอยู่ร่วมกัน
นี่คือจุดยืนของอาเซียน
จะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่เป็นเรื่องของเมียนมา
:
สำหรับอาเซียนแล้ว
เมียนมาจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่นั่นเป็นเรื่องของเมียนมา
(อาเซียนยอมรับการปกครองที่หลากหลายอยู่แล้ว) ที่อาเซียนต้องการคือขอให้ความเป็นไปของเมียนมาไม่กระทบต่อชาติสมาชิกอื่น
เช่น ไม่เป็นเหตุให้ภูมิภาคปั่นป่วน ไม่กลายเป็นสงครามกลางเมืองเกิดผู้อพยพหลายล้านคน
(อย่างกรณีซีเรีย) ที่ประเทศเพื่อนบ้านต้องแบกรับภาระ (อย่าให้เป็นเหมือนหลายประเทศในตะวันออกกลางที่ยังวุ่นวายไม่เลิก)
ทุกชาติอยากอยู่อย่างสงบทำมาหากิน ลำพังโรคระบาดโควิด-19 ในขณะนี้สร้างปัญหามากพอแล้ว
ไม่ต้องการเพิ่มปัญหาจากเรื่องภายในของเมียนมาอีก
ซึ่งหมายความว่าทั้งฝ่ายกองทัพกับซู
จี และกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ต้องเห็นด้วยกับความต้องการของอาเซียน ทำอย่างไรทุกฝ่ายจะตกลงกันได้
อาเซียนไม่สนใจว่าเมียนมาจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ เป็นเต็มใบหรือครึ่งใบ
จะเป็นระบอบกษัตริย์หรือคอมมิวนิสต์ ขอเพียงเมียนมากลับสู่ความสงบ ไม่กระทบเพื่อนบ้านเป็นอันใช้ได้
ชาติสมาชิกพร้อมส่งเสริมให้ความช่วยเหลือ
ตั้งแต่แรกก่อตั้งอาเซียนจนกลายเป็นประชาคมอาเซียน
เป้าหมายขององค์กรนี้ไม่ใช่ส่งเสริมประชาธิปไตย แต่เป็นองค์กรความร่วมมือระดับภูมิภาค
ส่งเสริมสันติภาพ ความสงบสุข การพัฒนา การอยู่ดีกินดีของประชาชน
และยึดมั่นสิทธิมนุษยชนในระดับหนึ่งตามฉันทามติของชาติสมาชิกทั้ง 10 ประเทศ
---------------------------------
1. ASEAN foreign ministers' statement on COVID-19 recovery,
Myanmar issues. (2021, April 3).
Vietnam News. Retrieved from
https://vietnamnews.vn/politics-laws/891943/asean-foreign-ministers-statement-on-covid-19-recovery-myanmar-issues.html
2. Malaysia tells Myanmar to stop Rohingya atrocities,
disagrees with Asean stand. (2017, September 25). Channel
News Asia. Retrieved from http://www.todayonline.com/world/malaysia-tells-myanmar-stop-rohingya-atrocities-disagrees-asean-stand#cxrecs_s
--------------------------