สถานการณ์โลกและการทูตจีน 2021
เมื่อเทียบจีน 50 ปีก่อนกับปัจจุบัน ระบบเศรษฐกิจสังคมจีนมีความเป็นทุนนิยมที่เปิดกว้างมากขึ้น ทันสมัยมากขึ้น พร้อมกับที่รัฐบาลสหรัฐมองจีนเป็นภัยคุกคามร้ายแรงมากขึ้นทุกที
บทความนี้สรุปสาระที่นายหวัง
อี้ (Wang Yi) มนตรีเเห่งรัฐเเละรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวถึงสถานการณ์โลกและทิศทางการทูตจีนในประเด็นสำคัญๆ
ช่วงปี 2020 จนถึงต้นปี 2021 มีสาระสำคัญดังนี้
หวัง
อี้ ให้ความสำคัญกับโรคระบาดโควิด-19 เป็นอันดับแรก โควิด-19 เร่งเปลี่ยนโลกอย่างรวดเร็ว ท้าทายมนุษยชาติ จำต้องอาศัยความร่วมมือทั้งโลก
ส่งเสริมการพัฒนาวัคซีนร่วมกัน ความสามัคคีและความร่วมมือเป็นอาวุธทรงพลังที่สุดในการปราบโรคระบาดนี้
จีนควบคุมการแพร่ระบาดเร็ว
เสียหายน้อยฟื้นตัวเร็ว แนะนำการควบคุมโรคระบาดแก่นานาชาติตามหลักวิทยาศาสตร์
ประการที่
2 หลักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
จีนยึดหลักร่วมมือรอบด้าน
สร้างความมั่นคงที่ยั่งยืน เน้นพูดคุยหารือ ไม่แทรกแซงกิจการภายในของอีกประเทศ
เป็นหลักพื้นฐานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับที่ฮ่องกงเป็นเขตอธิปไตยเรื่องภายในของจีน
จีนมุ่งมั่นเป็นมิตรกับทุกประเทศและจะไม่อ่อนข้อให้ใครหากประเทศนั้นไม่เป็นมิตร
ตลอดปี 2020
การทูตจีนมุ่งตอบโจทย์ความต้องการภายในประเทศและบริบทโลก
สร้างประโยชน์ทั้งแก่จีนและโลก รักษาเสถียรภาพโลก
ส่งเสริมพหุภาคีนิยม
ประสานตลาดในและต่างประเทศ เปิดเศรษฐกิจขยายความร่วมมือ ลงนามความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
(RCEP) ได้ข้อสรุปข้อตกลงการลงทุนจีน-อียู เดินหน้าตามข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง
(BRI)
มีส่วนร่วมในการปฏิรูปธรรมาภิบาลโลก
(Global Governance) ส่งเสริมความเข้าใจระหว่างกัน
แนวทางของจีนที่ยึดมั่นการพัฒนาโดยสันติ อยู่ร่วมกับนานาชาติ
ให้ความสำคัญกับมวลมนุษยชาติ สร้างสันติภาพถาวร มั่นคงมั่งคั่งร่วมกัน ผลักดันแผนริเริ่มความปลอดภัยของข้อมูลระดับโลก
(Global Initiative on Data Security)
และส่งเสริมความร่วมมือแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
ตรงข้ามกับความร่วมมือคือลัทธิเอกภาคีนิยม
(unilateralism) ลัทธิปกป้องการค้า (protectionism) การเมืองเรื่องของอำนาจ (power politics)
ขัดขวางความร่วมมือระหว่างประเทศ
จีนยังคงสร้างสัมพันธ์อันดีกับนานาชาติต่อไป
ยกระดับความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งขึ้น ร่วมมือกันมากขึ้น หวังสร้างประชาคมโลกร่วมกัน
เป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรูปแบบใหม่ พหุภาคีนิยมที่ให้ความยุติธรรมมากกว่าเดิม
ความร่วมมือที่ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ ตระหนักว่าการแบ่งแยกนำสู่การเป็นศัตรูนำสู่ความโกลาหลวุ่นวายและลงเอยด้วยความอดอยากยากจน
จีนไม่ต้องการเป็นคู่ขัดแย้งกับชาติใด ยินดีอยู่ร่วมกับประเทศอื่นๆ
ที่ใช้ระบบเศรษฐกิจการเมืองแตกต่าง
ประการที่
3 ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ
ความสัมพันธ์ทวิภาคีเสื่อมลง
รัฐบาลทรัมป์มองจีนเป็นภัยคุกคามร้ายแรงอันดับแรก ยึดแนวคิดแบบสงครามเย็น เริ่มสงครามเย็นอีกรอบ
พยายามกดดันบีบบังคับจีน
ถ้ามองย้อนอดีตสมัยประธานาธิบดีนิกสันได้ปรับสัมพันธ์กับจีนแล้ว รัฐบาลสหรัฐสมัยนั้นยอมรับความแตกต่างของจีน
แสวงหาความร่วมมือในเรื่องที่ทำได้ ปรากฏเป็นความร่วมมือทางการทูต เศรษฐกิจ
บริษัทอเมริกันกว่า 70,000 บริษัทลงทุนในจีนรวม 700,000 ล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้ 97% ได้กำไร ประชาชน 2 ฝั่งเดินทางไปมาหาสู่ถึง 5 ล้านคนต่อปี
ความแตกต่างไม่เป็นเหตุให้ร่วมมือไม่ได้หรืออยู่ร่วมกันไม่ได้
แต่รากปัญหาความสัมพันธ์ทวิภาคีมาจากนักการเมืองอเมริกันที่อคติมองจีนเป็นปรปักษ์ หวังผลักให้
2 ประเทศขัดแย้งกัน แบ่งแยกโลกเป็นฝักฝ่าย จีนต่อต้านแนวทางสงครามเย็นยุคใหม่ (new
Cold War) โลกได้เรียนรู้ผลเสียหายจากสงครามเย็นมาแล้ว
ไม่ควรปล่อยให้เกิดซ้ำ ในศตวรรษที่ 21
นี้แนวทางแบ่งข้างแบบสงครามเย็นใช้ไม่ได้ผลอีกแล้ว
ทุกวันนี้สหรัฐยังเป็นประเทศที่เข้มแข็งที่สุด ใช้ทุกวิถีทางเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตน
แม้ต้องขัดแย้งกับนานาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ ทำลายระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีอยู่
หลักนโยบายจีนต่อสหรัฐยังคงเดิม
หวังสร้างสัมพันธ์บนพื้นฐานประสานงานกันร่วมมือและมีเสถียรภาพ จีนไม่เคยเข้ายุ่งเกี่ยวกิจการภายในสหรัฐ
หวังอยู่กันโดยสันติ อย่างไรก็ตามสหรัฐต้องเคารพระบบสังคมและแนวทางพัฒนาที่ประชาชนจีนเป็นผู้เลือก
ใครบางคนในสหรัฐอาจวิตกการพัฒนาของจีน
ทางออกที่ดีคือสหรัฐต้องพัฒนาตนเอง ไม่ใช่ปิดกั้นผู้อื่น ไม่ว่าจะสหรัฐหรือจีนต่างต้องมุ่งพัฒนาตัวเองด้วยกันทั้งสิ้น
ความขัดแย้งใดๆ แก้ได้ด้วยการหารือและร่วมมือกัน วางระบบโลกที่ 2
มหาอำนาจอยู่ร่วมกัน
ประการที่ 4 ความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย
ความร่วมมือต้านโรคระบาดโควิด-19
เป็นอีกสถานการณ์กระชับความสัมพันธ์ทวิภาคี รัสเซียเป็นชาติแรกที่ส่งมอบความช่วยเหลือยากับเวชภัณฑ์แก่จีน
ร่วมกันค้นคว้าวิจัยวัคซีน ยารักษาโรค
จีนกับรัสเซียเปิดตลาดการค้าการลงทุนแก่กัน
รักษาห่วงโซ่อุปทาน โครงการร่วมมือหลายโครงการคืบหน้าด้วยดี รวมทั้งด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
เศรษฐกิจดิจิทัล ฯลฯ
จีนกับรัสเซียยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ปกป้องผลประโยชน์ของกันและกันในโลกการเมืองเรื่องของอำนาจ
ทั้งคู่จะร่วมมือกันต่อไป เป็นตัวอย่างการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี การสัมพันธ์ของ 2
ประเทศผู้เป็นมหาอำนาจ ร่วมกันฟื้นฟูและรักษาเสถียรภาพโลก
ประการที่
5 ความสัมพันธ์จีน-อียู
ประเด็นใหญ่ที่จีน-อียูหารือร่วมกันตลอดคือการอยู่ร่วมกันโดยสันติ
ขยายความร่วมมือ ยึดถือพหุภาคีนิยม ทั้งคู่ต่างเห็นว่าความร่วมมือดีกว่าการแข่งขันและแยกแตก
ดังนั้น จีนกับอียูจึงเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน ไม่ใช่ปรปักษ์ภายใต้ระบบโลก พันธกิจที่มีร่วมกันคือร่วมแก้ปัญหาระดับโลก
ส่งเสริมโลกพหุภาคี เศรษฐกิจโลกาภิวัตน์
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น (greater democracy in
international relations) ส่งเสริมเสถียรภาพโลก
ปี
2020 จีนกลายเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของอียู
จีนกับอียูเป็นอีกตัวอย่างของการเจรจาหารือเพื่อประโยชน์เท่าเทียมและด้วยฐานะเท่าเทียม
อาเซียนเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิด
ติดต่อกันทางบกทางทะเล จีนเป็นมหาอำนาจชาติแรกที่ลงนามในสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
(Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia) แสดงเจตจำนงที่จะอยู่ร่วมกับอาเซียนฉันมิตร
เคารพอธิปไตย ไม่แทรกแซงกิจการของกันและกัน
ความสัมพันธ์ทางการค้าเพิ่มขึ้นตามลำดับ
เกิดเขตการค้าเสรีกับอาเซียนและกลายเป็น RCEP
ปี
2021 ครบรอบความสัมพันธ์ 3 ทศวรรษจีน-อาเซียน จีนหวังร่วมมือกับอาเซียนต่อต้านโรคระบาดโควิด-19
ความร่วมมือด้านวัคซีน ระบบสาธารณสุข สร้างเขตเวชภัณฑ์ฉุกเฉินระดับภูมิภาค
ฟื้นฟูเศรษฐกิจร่วมกันด้วยการสร้างระบบขนส่งช่องทางด่วนพิเศษซึ่งเท่ากับเร่งกระชับความสัมพันธ์ตาม
RCEP เปิดโอกาสให้แก่กันโดยเฉพาะเรื่องอี-คอมเมิร์ซ เมืองอัจฉริยะ
ดำเนินตาม Strategic Partnership Vision 2030
ที่ได้ตกลงกันไว้
เมื่อเทียบจีน
50 ปีก่อน (ช่วงที่รัฐบาลนิกสันมาผูกสัมพันธ์จีน) กับปัจจุบัน
เห็นได้ชัดว่าระบบเศรษฐกิจสังคมจีนมีความเป็นทุนนิยมที่เปิดกว้างมากขึ้นทุกที หลายประเทศแม้กระทั่งสหรัฐ
อียู อาเซียน ต่างเป็นคู่ค้ารายใหญ่กับจีน พลังอำนาจแห่งชาติของจีนเพิ่มขึ้นจนกระทั่งสหรัฐยังหวั่นเกรง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าจีนพัฒนามากขึ้นทุกทีและน่าจะไปไกลกว่านี้
------------------------
1. Full text of Chinese FM Wang Yi's exclusive interview
with Xinhua News Agency on current China-U.S. relations. (2020,
August 6). Xinhua. Retrieved from http://www.xinhuanet.com/english/2020-08/06/c_139267908.htm
2. Full text of interview given by
Chinese FM Wang Yi on international situation, China's diplomacy in 2020. (2021, January 2). Xinhua. Retrieved
from http://www.xinhuanet.com/english/2021-01/02/c_139636373.htm
--------------------------