การเมืองระหว่างประเทศระหว่างจีนกับสหรัฐว่าด้วยโควิด-19

โควิด-19 กลายเป็นอีกสนามของการต่อสู้ระหว่างชาติมหาอำนาจ น่าคิดว่าหากร่วมมือกันจะช่วยรักษาชีวิตได้กี่คน ลดความสูญเสียมากเพียงไร แม้กระทั่งต่อพลเมือง เศรษฐกิจสังคมของตนเอง

             ในขณะที่นานาชาติกำลังสู้กับเชื้อไวรัสโคโรนา โควิด-19 หลายประเทศกำลังปล้ำสู้ทั้งด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจสังคม ในอีกด้านหนึ่งรัฐบาลสหรัฐกับจีนกำลังขับเคี่ยวทางการเมืองระหว่างประเทศ

จีนเป็นเป้าการเล่นงานของสหรัฐ :

กลางสัปดาห์ที่ผ่านมาหน่วยข่าวกรองสหรัฐเผยว่าแท้จริงแล้วยอดผู้ยืนยันติดเชื้อของจีนยังสูงกว่าสหรัฐ (ตามข้อมูล Reuters ยอดสะสมของสหรัฐเมื่อ 1 เมษายนอยู่ที่กว่า 187,000 คน ส่วนจีนราว 81,500 คน) ผู้ให้ข้อมูลไม่ยอมเปิดเผยตัวข่าวกรองให้เหตุผลว่าเป็นความลับ

Ben Sasse วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน แถลงว่าเป็นเรื่องโกหกที่ยอดเสียชีวิตของสหรัฐสูงกว่าจีน (ตามข้อมูล Reuters ยอดผู้เสียชีวิตของสหรัฐเมื่อ 1 เมษายน อยู่ที่กว่า 3,800 คน ส่วนจีนราว 3,300 คน) รัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนยังคงพูดเท็จเหมือนเคย เพื่อปกป้องระบอบของตน

ประเด็นนี้มองได้ 2 แง่ ด้านแรกคือรัฐบาลจีนปกปิดข้อมูลตามข้อกล่าวหา ระบบของจีนสามารถสร้างข้อมูลเท็จ รายงานเท็จได้ตลอดเวลา ไม่อาจปฏิเสธความเป็นไปได้ อีกแง่มุมคือฝ่ายสหรัฐพยายามสร้างเรื่องเท็จเพื่อให้สังคมอเมริกันเกิดความสับสน สุดท้ายกลายเป็นว่าไม่มีอะไรที่เชื่อถือได้ ไม่มีใครรู้จริงว่าจีนหรือสหรัฐที่เสียชีวิตมากกว่า ใครบางคนในสหรัฐจะพูดไปเรื่อยๆ ว่าจีนเสียชีวิตมากกว่า (ฝ่ายที่ใช้แนวทางนี้จะยืนกระต่ายขาเดียวใช้แต่ข้อมูลลับของตน ไม่ใช้ข้อมูลนานาชาติ และจะไม่เปิดเผยรายละเอียดข้อมูลของตน อ้างว่าเป็นความลับ) เป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่ง

            เดือนที่แล้ว (มีนาคม) รัฐบาลทรัมป์แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า จีนต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายและคนอเมริกันที่เสียชีวิต ไมค์ ปอมเปโอ (Mike Pompeo) รมต.ต่างประเทศสหรัฐชี้ว่าเหตุที่แพร่ระบาดหนักเพราะรัฐบาลจีนไม่ให้ความร่วมมือกับสหรัฐต้านการแพร่ระบาดแต่แรก

            เป็นตัวอย่างชี้ว่าจีนเป็นเป้าหมายเล่นงานของสหรัฐในเหตุวิกฤตโควิด-19

(ภาพ : ยอดผู้ยืนยันติดเชื้อ ผู้เสียชีวิตและหายป่วยแล้ว เมื่อ 3 เมษา)

ความน่ากลัวของจีนจากมุมมองสหรัฐ :

            ในขณะที่มาตรการของจีนเห็นผลสามารถควบคุมโรคระบาด ส่งความช่วยเหลือแก่นานาชาติ แต่รัฐบาลสหรัฐกับบางประเทศมองเป็นลบ ชี้ว่าจีนกำลังแผ่อิทธิพลครอบงำโลก

            แนวคิดนี้ยึดหลักว่าจีนหวังมีอิทธิพลต่อโลกดังเช่นอดีตกาล อาณาจักรบริวารจะต้องเคารพนบนอบ ส่งส่วยแก่จักรพรรดิจีน บางข้อมูลถึงกับกล่าวหาจีนตั้งใจแพร่เชื้อไวรัสโคโรนาแก่ประเทศต่างๆ เพื่อจะได้ส่งออกสินค้า รัฐบาลจีนไม่สนใจว่าจะต้องใช้วิธีการใด ขอเพียงให้เศรษฐกิจเติบโต ดังจะเห็นว่าตอนนี้หลายประเทศซื้อเวชภัณฑ์จีน

            อีกทั้งการแพร่เชื้อเป็นแผนบ่อนทำลายคะแนนนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์ รัฐบาลจีนจะดีอกดีใจหากสามารถล้มทรัมป์ ทำลายเศรษฐกิจอเมริกา

Josep Borrell ผู้มีบทบาทสูงด้านการต่างประเทศสหภาพยุโรปกล่าวว่า จีนตั้งใจใช้ความช่วยเหลือเป็นเครื่องมือการทูต บ่อนทำลายยุโรปไปในตัว เป็นแนวทางเดิมๆ ที่รัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนใช้

            นักวิชาการบางคนตั้งคำถามว่าความช่วยเหลือจากจีนจะทำให้ยุโรปแยกเป็น 2 ขั้วหรือไม่ เกิดฝ่ายสนับสนุนจีนกับฝ่ายที่ต้านจีน ตามยุทธศาสตร์แบ่งแยกแล้วปกครอง ทุกวันนี้ชาติยุโรปหลายประเทศหันเหเทใจให้จีน ประเทศที่รับผลประโยชน์จากจีนจะแสดงท่าทีชื่นชมจีน เรื่องน่ากลัวว่านั้นคือหากยุโรปกู้ยืมเงินจีน เปิดทางให้ทุนจีนเข้าประเทศ

            จีนฉวยโอกาสเอาประโยชน์ในยามที่ยุโรปวิกฤติ ยามที่สหรัฐกำลังวุ่นวายแก้ปัญหา Rush Doshi จาก Brookings Institution อธิบายว่าจีนหวังแทนที่ภาวะผู้นำโลกของสหรัฐเรื่อยมา วิกฤตครั้งนี้กลายเป็นโอกาสครั้งสำคัญของจีน ยิ่งแพร่ระบาดมากเพียงไร ความช่วยเหลือจากจีนยิ่งจำเป็นและเป็นที่ต้องการ จะเห็นว่าตอนนี้หลายประเทศขาดแคลนหน้ากากอนามัย ชุดป้องกัน ฯลฯ จีนส่งความช่วยเหลือแก่หลายสิบประเทศ มีความต้องการต่อเนื่อง ผู้คนมากมายทั่วโลกชื่นชมสรรเสริญ

            อิทธิพลของจีนกำลังแผ่ครอบงำโลกจริงๆ

ตลกร้ายของเรื่องคือต้นเดือนเมษาที่ผ่านมา รัสเซียส่งเวชภัณฑ์บรรทุกด้วยเครื่องบินเต็มลำแก่สหรัฐหลังทรัมป์รับความช่วยเหลือ ทรัมป์พูดชมว่า “very nice” ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า “ทรัมป์รับความช่วยเหลือด้วยความขอบคุณ” อันที่จริงมีข่าวรัสเซีย “ของขาด” เหมือนกัน ยอดผู้ยืนยันติดเชื้อกำลังพุ่งพรวดแต่สามารถไปรับเวชภัณฑ์ที่จีนได้ไม่จำกัด ดังนั้นของที่ผลิตในรัสเซียส่งไปช่วยสหรัฐแล้วของที่ผลิตจากจีนไปช่วยรัสเซีย

            รัฐบาลสหรัฐมองความช่วยเหลือจากจีนเป็นแง่ลบ แต่ไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อมาจากรัสเซีย

จีนเล่นงานสหรัฐ :

            ย้อนหลังเมื่อรัฐบาลจีนสามารถลดการแพร่ระบาด ประธานาธิบดีทรัมป์ทวิตข้อความชื่นชมว่าสี จิ้นผิง เป็นผู้นำที่ “เข้มแข็ง หลักแหลม มุ่งมั่นนำ (ประเทศ) สู้ไวรัสโคโรนา ...จีนมีวินัยเป็นเลิศ ประธานาธิบดีสีนำอย่างเข้มแข็งจึงประสบความสำเร็จ”

            แต่เมื่อยอดผู้ยืนยันติดเชื้อในสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คำพูดของทรัมป์เปลี่ยนไป เกิดคำว่า “Chinese Virus” วิกฤติโควิด-19 ในสหรัฐกลายเป็นความผิดของจีน

Global Times สื่อจีนโต้ว่าเหตุที่สหรัฐระบาดหนักเพราะผู้นำประเทศไม่ยอมใช้มาตรการสกัดโรคเข้มข้นตั้งแต่ต้น พยายามเสนอภาพแง่บวกแก่สังคม ทำให้คนอเมริกันไม่ป้องกันระวังตัวเท่าที่ควร ถึงกระนั้นก็ตามรัฐบาลทรัมป์ยังไม่ยอมรับผิด ถึงกับพูดว่าหากมีคนตายแค่ 1 แสนนับว่ารัฐบาลทำงานได้ดีมากแล้ว (“a very good job”)

นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่าเหตุที่รัฐบาลทรัมป์พยายามเสนอภาพแง่บวก เช่น บอกว่าอาจจะยกเลิกมาตรการให้อยู่แต่ในบ้านภายในวันที่ 12 เมษา ให้กิจการต่างๆ กลับมาเปิดตามปกติเพราะห่วงคะแนนเสียง ห่วงว่าจะไม่ชนะเลือกตั้งปลายปีนี้มากว่าชีวิตคนอเมริกัน การวิเคราะห์เช่นนี้มาจากหลักฐานที่ว่ารัฐบาลทรัมป์พยายามสกัดข้อมูลแง่ลบต่อเศรษฐกิจสังคมเรื่อยมา พูดเรื่องดีปกปิดเรื่อยร้าย แนนซี เพโลซี (Nancy Pelosi) แกนนำพรรคเดโมแครทกล่าวว่าการที่ประธานาธิบดีพยายามมองโลกแง่ดี ตีความการแพร่ระบาดช่วงต้นๆ ว่าไม่เป็นภัยร้ายแรงกลายเป็นเรื่องร้ายแรงถึงตาย

ฮิลลารี คลินตัน (Hillary Clinton) กล่าวว่า “ประธานาธิบดี (ทรัมป์) ใช้ถ้อยคำเหยียดผิว (Chinese virus) เพื่อปกปิดความล้มเหลวที่ไม่ได้จัดการไวรัสโคโรนาอย่างจริงจังตั้งแต่ต้น” ขอให้ใครอย่าหลงกล

ผู้เชี่ยวชาญบางคนเสนอให้ปิดทั้งประเทศทันทีแต่จนบัดนี้รัฐบาลยังลังเลใจ ค่อยๆ ขยับทีละนิด ตรวจสอบคะแนนเสียงของตนไปเรื่อยๆ ว่าอะไรได้คะแนนอะไรเสียคะแนน ผลคือการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงในขณะนี้

เป็นความท้าทายของมนุษยชาติ :

นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส (Tedros Adhanom Ghebreyesus) ผอ.ใหญ่องค์การอนามัยโลกกล่าวว่าทางเดียวที่จะเอาชนะการแพร่ระบาดคือทุกประเทศต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ร่วมมือกัน

ลีเซียนลุง (Lee Hsien Loong) นายกฯ สิงคโปร์เห็นว่าการกล่าวโทษซึ่งกันและกันระหว่างสหรัฐกับจีนไม่ช่วยแก้ปัญหา เป็นเวลาที่นานาชาติต้องร่วมมือกันโดยเฉพาะจีนกับสหรัฐ

ภัยโควิด-19 เป็นความท้าทายของมนุษยชาติ ไม่ใช่ของประเทศใดประเทศหนึ่ง บางประเทศอาจดูแลตัวเองได้แต่มีอีกหลายประเทศที่จำต้องได้รับความช่วยเหลือ ความร่วมมือจากประเทศอื่นๆ

            แม้การแพร่ระบาดกำลังวิกฤตแต่การเมืองโลกยังต้องสู้ต่อ โควิด-19 กลายเป็นอีกสนามของการขับเคี่ยวระหว่างชาติมหาอำนาจ แน่นอนว่าจีนหวังได้คะแนนจากนานาชาติ ลดการปิดล้อม ทั้งยังหวังผลประโยชน์จากเวทีระหว่างประเทศ ส่วนชนชั้นปกครองสหรัฐจำต้องสู้ไม่ถอย เกี่ยวข้องกับอำนาจผลประโยชน์มหาศาล น่าคิดว่าหากร่วมมือกันจะช่วยรักษาชีวิตได้กี่คน ลดความสูญเสียมากเพียงไร แม้กระทั่งต่อพลเมือง เศรษฐกิจสังคมของตนเอง หรือต้องสังเวยให้กับความมั่นคงแห่งชาติตามแนวทางของตน

5 เมษายน 2020

ชาญชัย คุ้มปัญญา

(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ สถานการณ์โลกไทยโพสต์ ปีที่ 24 ฉบับที่ 8547 วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2563)

------------------------

บทความที่เกี่ยวข้อง 

โควิด-19 สงครามโลกในยุคโลกาภิวัตน์

การแพร่ระบาดครั้งนี้อาจมองว่าเป็นสงครามโลก เป็นสงครามที่นานาชาติ คนเกือบทั้งโลกต้องสู้กับเชื้อชนิดใหม่ สงครามที่สร้างความเสียมหาศาล อาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะฟื้นตัวกลับมา 

บรรณานุกรม :

1. Anti-China chorus can't mask country's contributions to virus fight: Global Times editorial. (2020, March 30). Global Times. Retrieved from https://www.globaltimes.cn/content/1184227.shtml

2. China Concealed Extent of Virus Outbreak, U.S. Intelligence Says. (2020, April 1). Bloomberg. Retrieved from https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-04-01/china-concealed-extent-of-virus-outbreak-u-s-intelligence-says

3. Cooperation possible if US politicians end paranoia. (2020, March 26). Global Times. Retrieved from https://www.globaltimes.cn/content/1183975.shtml

4. Coronavirus: Russia sends plane full of medical supplies to US. (2020, April 1). The Guardian. Retrieved from https://www.theguardian.com/world/2020/apr/01/coronavirus-russia-sends-plane-full-of-medical-supplies-to-us

5. Don’t fall for it! Trump is using “Chinese Virus” label to cover up his mishandling of coronavirus. (2020, March 19). People's Daily Online. Retrieved from http://en.people.cn/n3/2020/0319/c90000-9670125.html

6. EU split over China’s ‘face mask’ diplomacy. (2020, March 28). Asia Times. Retrieved from https://asiatimes.com/2020/03/eu-split-over-chinas-face-mask-diplomacy/

7. G7 leaders vow to do whatever necessary to overcome coronavirus shock. (2020, March 17). Japan Times. Retrieved from https://www.japantimes.co.jp/news/2020/03/17/business/g7-coronavirus-shock/#.XnBEBnIzbZ5

8. Japan’s imports from China plummet as virus shuts factories. (2020, March 18). The Asahi Shimbun. Retrieved from http://www.asahi.com/ajw/articles/13224889

9. Not Just China: U.S. Reliance On Foreign Medical Supplies Is Staggering. (2020, March 27). The American Conservative. Retrieved from https://www.theamericanconservative.com/articles/just-how-dependent-is-america-on-foreign-medical-supplies/

10. The Problem With China’s Victory Lap. (2020, March 28). The Atlantic. Retrieved from https://asiatimes.com/2020/03/eu-split-over-chinas-face-mask-diplomacy/

11. Trump says keeping US Covid-19 deaths to 100,000 would be a ‘very good job’. (2020, March 30). The Guardian. Retrieved from https://www.theguardian.com/world/2020/mar/30/trump-says-keeping-us-covid-19-deaths-to-100000-would-be-a-very-good-job

12. US and China swapping insults, blaming each other for COVID-19 won’t help solve the problem: PM Lee. (2020, March 30). Channel News Asia. Retrieved from https://www.channelnewsasia.com/news/singapore/us-and-china-swapping-insults-blaming-each-other-for-covid-19-12588302

13. US political elites attempt to save economy before people’s lives. (2020, March 28). Global Times. Retrieved from https://www.globaltimes.cn/content/1184026.shtml

14. Virus unleashes racism in Western societies. (2020, February 2). Global Times. Retrieved from https://www.globaltimes.cn/content/1178267.shtml

15. Wake Up America -- China is the Pandemic. (2020, March 26). American Thinker. Retrieved from https://www.americanthinker.com/articles/2020/03/wake_up_america_emchinaem_is_the_pandemic.html

-----------------------------

ที่มาภาพ : https://www.worldometers.info/coronavirus/