บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กรกฎาคม, 2019

นโยบายกดดันสุดขีดคือจัดระเบียบโลกน้ำมัน

รูปภาพ
การห้ามนานาประเทศซื้อน้ำมันอิหร่านไม่ใช่เรื่องการคว่ำบาตรอิหร่านเท่านั้น ยังมีผลโดยตรงต่อระเบียบการซื้อขายน้ำมันโลก หลายประเทศต้องมุ่งนำเข้าน้ำมันจากผู้ส่งออกที่เป็นมิตรกับสหรัฐเท่านั้น               รัฐบาลทรัมป์ตีตราอิหร่านเป็นภัยร้ายแรงต่อสหรัฐและนานาชาติ ประกาศคว่ำบาตรกดดันอิหร่านอย่างถึงที่สุดตามนโยบายที่เรียกว่านโยบายกดดันสุดขีด ( maximum pressure) เรียกร้องให้อิหร่านเลิกพฤติกรรมเป็นภัยต่อนานาชาติ หนึ่งในความพยายามคือลดการส่งออกน้ำมันอิหร่านให้เป็นศูนย์ (หรือต่ำที่สุด) ประกาศว่า นับจาก 2 พฤษภาเป็นต้นไปประเทศใดที่ยังซื้อน้ำมันอิหร่านจะโดนสหรัฐเล่นงานด้วย แม้กระทั่งประเทศที่เป็นพันธมิตร เคยได้รับการผ่อนผันมาก่อนและจะเล่นงานถึงระดับบริษัท การคว่ำบาตรน้ำมันเป็นส่วนหนึ่งของการปิดล้อมอิหร่านตั้งแต่การปฏิวัติอิสลามหรือปฏิวัติอิหร่านเมื่อปี 1979 รัฐบาลสหรัฐบางชุดใช้มาตรการรุนแรง บางรัฐบาลผ่อนคลายการปิดล้อม คว่ำบาตรด้วยหลายเหตุผลทั้งเรื่องสิทธิมนุษยชน ก่อการร้าย แพร่กระจายอาวุธ การพัฒนาขีปนาวุธ ฯลฯ เป็นนโยบายที่ดำเนินเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน 8 ป...

สหรัฐหรืออิหร่าน ทางสองแพร่งของอียู

รูปภาพ
ไม่ว่ายุโรปจริงใจหรือเล่นเกม โครงการพัฒนานิวเคลียร์อิหร่าน การคว่ำบาตร การทำการค้ากับอิหร่านจะเป็นเรื่องที่ยึดโยงกับยุโรปอีกนาน สะท้อนบทบาท ท่าทีของยุโรปในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ               ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายต่อต้านอิหร่านกับรัฐบาลอิหร่านอธิบายได้จากหลายจุด อาจเริ่มต้นที่ปฏิวัติอิหร่าน 1979 หากพูดในกรอบแคบคือความกังวลต่อโครงการพัฒนานิวเคลียร์อิหร่าน รัฐบาลสหรัฐคว่ำบาตรอิหร่านโดยอ้างประเด็นนี้   แนวคิดเลิกโครงการนิวเคลียร์ (อนุญาตให้ใช้เพื่อสันติเท่านั้น) แลกกับยุติการคว่ำบาตรจึงเกิดขึ้น เกิดกลุ่มเจรจา P 5+1 หรือ E 3+3 (ฝ่ายสหภาพยุโรป 3 ประเทศอันได้แก่ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศสและเยอรมนี กับสหรัฐ รัสเซียและจีน) จนได้ข้อตกลงนิวเคลียร์ Joint Comprehensive Plan of Action (JCPOA) เมื่อกรกฎาคม 2015 โดย P 5+1 เป็นคู่สัญญา             ประธานาธิบดีโรฮานีถึงกับกล่าวว่าสถานการณ์อิหร่าน “เข้าสู่บทใหม่แล้ว” การยกเลิกคว่ำบาตรเป็นจุดเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ เป็นยุคทองของอิหร่าน “เป็นโอกาสพัฒนาประเท...

รายงานยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ

รูปภาพ
แม้ไม่เหมือนองค์กรนาโต เครือข่ายความมั่นของสหรัฐในอินโด-แปซิฟิกมีอยู่จริง อยู่ร่วมกับประเทศต่างๆ ทั้งระดับทวิภาคี พหุภาคี แต่หลายประเทศร่วมมือมหาอำนาจอื่นด้วยเป็นโครงสร้างความมั่นคงภูมิภาคที่ซับซ้อน “รายงานยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก” ( Indo-Pacific Strategy Report: IPSR) ของกระทรวงกลาโหม ฉบับวันที่ 1 มิถุนายน 2019 มีสาระสำคัญดังนี้             สหรัฐอเมริกามีประวัติศาสตร์อันยาวนานเรื่องการส่งเสริมเสรีภาพ การเปิดกว้างและโอกาสแก่ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เปิดสัมพันธ์การค้ากับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ทำสนธิสัญญาป้องกันประเทศกับหลายประเทศ และนับจากสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมาสหรัฐเป็นผู้วางระบบที่นำเสถียรภาพแก่ภูมิภาคและจะแสดงบทบาทสำคัญนี้ต่อไป             วิสัยทัศน์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์คือ “อินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง” (free and open Indo-Pacific ) โดยยึดหลัก 4 ประการ ได้แก่ 1.เคารพอธิปไตยและอิสรภาพของประเทศต่างๆ 2.แก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธี 3.การค้าที่เปิดเสรี เป็น...

มุมมองของอาเซียนต่อแนวคิดอินโด-แปซิฟิก

รูปภาพ
อาเซียนเสนอเอกสาร “มุมมองของอาเซียนต่อแนวคิดอินโด-แปซิฟิก” หวังนำอนุทวีปอินเดียเข้ามาเชื่อมต่อกับเอเชียแปซิฟิกให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น คงหลักอาเซียนเป็นแกนกลาง เน้นความร่วมมือแทนการทำลายล้าง             ในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 34 เมื่อมิถุนายน 2019 ที่กรุงเทพฯ ได้เกิดเอกสารสำคัญชิ้นหนึ่งคือ “มุมมองของอาเซียนต่อแนวคิดอินโด-แปซิฟิก” ( ASEAN Outlook on the Indo-Pacific)             แนวคิดอินโด-แปซิฟิกของอาเซียนตั้งอยู่บนหลักการว่าทั้งเอเชียแปซิฟิกกับอนุภูมิภาคอินเดียต่างเป็นประเทศที่กำลังเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ จึงเป็นการดีที่จะร่วมมือแทนการแข่งขันเพื่อเอาชนะอีกฝ่ายแบบ “เกมศูนย์” ( Zero Sum Game)             อินเดียมีความสัมพันธ์ทั้งกับฝ่ายสหรัฐ คือสหรัฐ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น กับอีกฝ่ายคือความพยายามรวมตัวของรัสเซีย-อินเดีย-จีน หรือที่เรียกว่า RIC (จาก BRICS) การแข่งขันกับการจับขั้วมีแนวโน้มเข้มข้นขึ้น ให้ความสำคัญกับเ...