เอกภาพของประธานาธิบดีทรัมป์หมายถึงอะไรกันแน่
ประธานาธิบดีทรัมป์ร้องขอความร่วมมือทางการเมือง
ไม่เห็นด้วยกับการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลที่มุ่งเล่นงานตน กลายเป็นคำถามว่าอย่างไรที่เรียกว่าความเป็นเอกภาพทางการเมือง
ประชาธิปไตยไม่จำต้องคิดตรงกันเสียทุกเรื่อง :
Jomar
กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าว “คำแถลงนโยบายประจำปี” (State of the
Union) ครั้งที่ 2 หลังบริหารประเทศ 2 ปี ตัวเลขดัชนีต่างๆ
สามารถสะท้อนผลงานรัฐบาล เป็นวาระที่ผ่านการเลือกตั้งกลางเทอม พรรคเดโมแครทกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
และท่ามกลางคำติชมมากมาย
ประธานาธิบดีทรัมป์เริ่มต้นด้วยการพูดถึงเอกภาพของประเทศ
วาระของท่านไม่ใช่เพื่อพรรคใดพรรคหนึ่งแต่เพื่อคนอเมริกัน เพื่อความอยู่ดีมีสุข เจริญรุ่งเรือง
ผลประโยชน์อเมริกาต้องมาก่อน การเมืองมีส่วนเอื้อความสำเร็จเหล่านี้ ด้วยการปฏิเสธการแก้แค้นทางการเมือง
การขัดขืนและมุ่งลงโทษอีกฝ่าย ส่งเสริมความร่วมมือ
การประนีประนอมและผลประโยชน์ร่วมกัน เลิกคิดแบ่งแยก หาทางออกใหม่ๆ เลือกที่จะสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับประเทศ
จากนั้นเอ่ยถึงความสำเร็จด้านต่างๆ เริ่มจากการจ้างงาน
ค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้น อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจดีกว่าเดิมเกือบ 2 เท่า ลดกฎระเบียบควบคุมต่างๆ ลดภาษี สหรัฐกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันกับก๊าซธรรมชาติมากที่สุดในโลก
เป็นผู้ส่งออกน้ำมัน เศรษฐกิจของประเทศเป็นที่อิจฉา กองทัพอเมริกันเข้มแข็งที่สุดในโลก
บรรยายเรื่องสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโกตามคำพูดเดิมๆ ปัญหาจากคนเมืองผิดกฎหมาย
ยาเสพติดที่ผ่านเข้าทางนี้ คนเข้าเมืองผิดกฎหมายที่เป็นอาชญากร แย่งงานแย่งอาชีพ
รัฐบาลจะเพิ่มงบประมาณก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน จะขอให้บริษัทยา
บริษัทประกันภัยและโรงพยาบาลเปิดเผยราคาที่แท้จริง เพื่อลดค่ายา ค่ารักษาพยาบาล
สหรัฐจะไม่กล่าวคำขอโทษใดๆ ที่จะเพิ่มขยายผลประโยชน์แห่งชาติของตน ดังนั้น
เมื่อรัสเซียละเมิดสนธิสัญญาขีปนาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลางจึงต้องทำข้อตกลงใหม่ นำจีนกับประเทศอื่นๆ
เข้าร่วมด้วย การเจรจากับเกาหลีเหนือช่วยป้องกันไม่ให้เกิดสงครามใหญ่
นำทหารกลับจากซีเรียเพราะชนะผู้ก่อการร้ายแล้ว เจรจากับตอลีบันเพื่อลดกำลังพลในอัฟกานิสถาน
การพูดความจริงครึ่งเดียว
:
ถ้ายึดผลประโยชน์อเมริกาเป็นหลัก ต้องยอมรับว่า
2 ปีของรัฐบาลทรัมป์สร้างผลงาน ขยายผลประโยชน์ประเทศไม่น้อย แต่มีบางประเด็นที่สื่อหลายสำนัก
นักวิชาการออกมาทักท้วงว่าประธานาธิบดีพูดความจริงครึ่งเดียว ยกตัวอย่าง
กล่าวว่ารัฐบาลสามารถเก็บภาษีเพิ่มจากสินค้าจีน 250,0000 ล้านดอลลาร์
ความจริงแล้วเงินก้อนนี้คือภาษีสินค้านำเข้าที่ผู้บริโภคอเมริกันเป็นผู้จ่าย
รัฐบาลทรัมป์ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนหวังกีดกัน
ผลลงเอยคือผู้บริโภคต้องซื้อในราคาแพงกว่าเดิม ข้อนี้เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปและเตือนรัฐบาลตั้งแต่ก่อนเริ่มสงครามการค้า
ซ้ำร้ายคือประธานาธิบดีทรัมป์ชื่นชมผลงานรัฐบาลเก็บภาษีสินค้าจีนได้มาก ทั้งๆ
ที่คนอเมริกันเป็นคนจ่าย
ตำราตะวันตกพร่ำสอนให้ทุกประเทศใช้หลักการค้าเสรี
เพราะผู้บริโภคจะได้บริโภคสินค้าบริการในราคาถูกที่สุด ตรงตามความต้องการมากสุด
แต่รัฐบาลทรัมป์ไม่ได้ปฏิบัติตามนั้นจริง
ทรัมป์กล่าวว่าถ้ามีกำแพงจะป้องกันแก๊งอาชญากรที่ลักลอบพาหญิงเข้าเมืองเพื่อค้าประเวณี
ความจริงคือเกือบร้อยละ 80 ของหญิงเหล่านี้เข้าเมืองตามช่องทางถูกกฎหมาย และคนเหล่านี้มาจากหลายประเทศไม่เฉพาะผ่านพรมแดนทางใต้เท่านั้น
มีอีกหลายประเด็นที่สื่อหลายสำนักชี้จุดที่ประธานาธิบดีพูดไม่ตรงความจริง
พูดความจริงเพียงครึ่งเดียว รวมความแล้วเหมือนเช่นหลายครั้งที่ผ่านมา หลายเรื่องจริงหลายเรื่องเท็จ
น่าชื่นชมสำนักสื่อ นักวิเคราะห์ช่วยกันตรวจสอบตรวจทานถ้อยคำของผู้นำประเทศ ช่วยสังคมตรวจสอบรัฐบาล
แยกแยะความจริงความเท็จ
เอกภาพของทรัมป์หมายถึงอะไรกันแน่ :
ในคำแถลงตอนหนึ่งพูดว่าเศรษฐกิจไปได้สวยถ้าไม่มีสงครามทางการเมือง
การตรวจสอบจากพรรค ทรัมป์ไม่ได้ระบุชัดว่าคืออะไร
แต่บ่งบอกเป็นนัยว่าหมายถึงการสืบสวนไต่สวนหลายคดีที่กล่าวหาประธานาธิบดีทำผิดกฎหมาย
ทรัมป์พยายามเชื่อมโยงระหว่างภาวะเศรษฐกิจกับคดีความของตน ชี้ว่าเศรษฐกิจจะดีกว่านี้ถ้าหยุดการสืบสวนคดีเหล่านี้
ทรัมป์พูดเรื่องนี้ในขณะที่อดีตทนายความคนสนิท
ที่ปรึกษาใกล้ชิดและผู้ช่วยคนแล้วคนเล่าถูกศาลดำเนินคดี บางคดีพิพากษาแล้ว
ถูกจำคุกแล้ว คดีความของคนเหล่านี้มักเชื่อมโยงกับประธานาธิบดี มีเสียงวิพากษ์หนาหูเรื่อยมาว่าทรัมป์อาจถูกถอดถอนจากตำแหน่ง
(impeachment)
ทรัมป์ใช้ตรรกะว่าถ้าตำแหน่งผู้นำประเทศมั่นคง
รัฐบาลมั่นคง การบริหารประเทศจะราบรื่น ไม่มีข่าวลบที่บั่นทอนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
ถ้าเป็นเช่นนี้เท่ากับผู้นำประเทศจะทำอะไรก็ได้ แม้ทำผิดก็ห้ามสืบสวนห้ามจับผิด
เป็นรัฐบาลเผด็จการ ละเมิดรัฐธรรมนูญ ไม่จำต้องมีพรรคฝ่ายค้านกับฝ่ายตุลาการที่คอยตรวจสอบถ่วงดุลอีกต่อไป
ถ้าจะตีความแง่ลบ
แนวคิดของประธานาธิบดีทรัมป์สวนทางหลักประชาธิปไตย และท่านนำเสนอแนวคิดเช่นนี้ในคำแถลงนโยบายประจำปี
กลางที่ประชุมรัฐสภา
ประชาธิปไตยไม่จำต้องคิดตรงกันเสียทุกเรื่อง :
เรื่องหลักเรื่องเดียวคือทุกคนทุกฝ่ายร่วมกันส่งเสริมรักษาผลประโยชน์แห่งชาติ
แต่นั่นแหละต่างฝ่ายต่างตีความผลประโยชน์แห่งชาติในแง่มุมต่างกัน
เรื่องการสร้างแพงกั้นเม็กซิโกเป็นกรณีที่เห็นชัด รัฐบาลทรัมป์บอกว่าต้องสร้างกำแพง
แต่พรรคเดโมแครทเห็นว่ากำแพงไม่ช่วยอะไร เอางบฯ ไปทำอย่างอื่นดีกว่า
คำถามสำคัญคือกรณีเช่นนี้ไม่สามารถได้คำตอบผ่านหลักวิชาการ การใช้เหตุผลหรือ
ทำไมทุกฝ่ายไม่แสดงเหตุผลรายละเอียดตามหลักวิชาการต่อสาธารณะ
ให้หลักวิชาการเป็นตัวตัดสินว่าจะต้องสร้างหรือไม่ สร้างยาวแค่ไหน สร้างจุดใด
เป็นคอนกรีตหรือโลหะ แนวทางการป้องกันคนเข้าเมืองผิดกฎหมายทั้งระบบควรเป็นอย่างไร
การถกเถียงตามหลักวิชาการดีกว่าการโต้เถียงทางการเมืองที่กำลังทำอยู่ตอนนี้
และเป็นเช่นนี้มาเนิ่นนาน ภายใต้ความสงสัยที่หาคำตอบไม่ได้เสียทีว่าแบบใดดีกว่าระหว่าง
“สร้าง” กับ “ไม่สร้าง”
การถกเถียงตามหลักวิชาการช่วยให้ได้ความจริง
ความถูกต้องแม่นยำมากขึ้น พัฒนาประสิทธิภาพ ประสิทธิผล
ส่วนการใช้วาทะกรรมทางการเมืองมีแต่สร้างความแตกแยก บั่นทอนสังคมอย่างที่เป็นอยู่
ประธานาธิบดีทรัมป์ร้องขอความร่วมมือ ความเป็นเอกภาพ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นจริงถ้ารัฐบาล พรรคการเมือง ร่วมกันยึดหลักวิชาการแทนวาทะกรรม หากไม่เป็นเช่นนี้ก็เป็นวาทะกรรมต่อไป
ประธานาธิบดีทรัมป์ร้องขอความร่วมมือ ความเป็นเอกภาพ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นจริงถ้ารัฐบาล พรรคการเมือง ร่วมกันยึดหลักวิชาการแทนวาทะกรรม หากไม่เป็นเช่นนี้ก็เป็นวาทะกรรมต่อไป
ในกรอบกว้างขึ้น
เรื่องหนึ่งที่ระบบการเมืองต้องให้ความสำคัญคือ ผู้นำประเทศ นักการเมือง
เจ้าหน้าที่ระดับสูงต้องพูดความจริงที่ตรวจสอบได้ ถ้าใครพูดเท็จจำต้องแก้ไข
ถ้าไม่แก้ไขต้องมีโทษอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ปล่อยให้พูดตามใจชอบโดยไม่แก้ไข
ดังที่สังคมอเมริกันกำลังปวดหัวกับผู้นำประเทศของตน ควรมีมาตรการบางอย่างเพื่อให้ผู้นำประเทศพูดความจริงแบบครบถ้วน
ไม่พูดความจริงเพียงครึ่งเดียว โดยเฉพาะในประเด็นที่มีข้อเท็จจริงที่ยอมรับกันทั่วไป
การตัดสินใจด้วยการใช้เสียงโหวตลงคะแนนเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตัดสินใจทางการเมือง
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ายอมให้รัฐบาล พรรคการเมืองนำเสนอนโยบายที่ผิดพลาด
ตั้งอยู่บนข้อมูลที่บิดเบือนหรือเป็นเท็จ แล้วบอกว่าให้ประชาชนตัดสินใจเลือก
นี่เป็นประชาธิปไตย
ฝ่ายตุลาการควรทำหน้าที่ตรวจสอบตัดสินคำพูดของผู้นำประเทศ
รัฐมนตรี ให้คนพูดเท็จถอนคำพูด และมีบทลงโทษหากไม่ถอนคำพูด
โดยเฉพาะในประเด็นสำคัญๆ ทำนองเดียวกับหน้าที่ตรวจสอบว่าต้องตามหลักรัฐธรรมนูญหรือไม่
โดยรวมแล้ว
แม้จะพูดเกินจริงบางเรื่องแต่สมควรชื่นชมเศรษฐกิจ 2 ปีของรัฐบาลทรัมป์ที่เติบโตด้วยดี
การว่างงานอยู่ในอัตราต่ำ การเมืองเข้มข้นแต่ไม่ถึงกับทำให้บ้านเมืองไม่สงบ ลดความร้อนแรงปัญหานิวเคลียร์เกาหลีเหนือได้อย่างน้อยช่วงระยะหนึ่ง
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ (ซึ่งเป็นเรื่องปกติ) ผู้เป็นประธานาธิบดีไม่จำต้องสมบูรณ์แบบ
ขอเพียงมีการตรวจสอบถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพมากพอ
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก”
ไทยโพสต์ ปีที่ 23 ฉบับที่ 8127 วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์
พ.ศ.2562)
-------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง :
ทรัมป์ชี้ว่าประเทศกำลังเผชิญวิกฤติอันเนื่องจากคนต่างชาติเข้าเมืองผิดกฎหมาย
การไม่สามารถตัดสินนโยบายด้วยเหตุผลตามหลักวิชาการ
ความไม่เชื่อถือต่อกันทางการเมืองเป็นวิกฤติเช่นกัน
บรรณานุกรม :
1. AP FACT CHECK: Trump’s claims in his State of Union
address. (2019, February 5). AP. Retrieved from https://www.apnews.com/403cd4b711704c7caf1e0d337a2d390b
2. President Trump’s State of
the Union address: live transcript. (2019, February 5). Vox. Retrieved from
https://www.vox.com/2019/2/5/18212533/president-trump-state-of-the-union-address-live-transcript
3. Trump's Call for Unity Was
Never Going to Be Real. (2019, February 5). The Atlantic. Retrieved from
https://www.theatlantic.com/politics/archive/2019/02/state-union-2019-trump-addresses-congress/582124/
-----------------------------