วิสัยทัศน์รวม 2 เกาหลีของมุน แจ-อิน
2 เกาหลีมีแนวคิดรวมชาติมานานแล้ว
ถ้ามองจากมุมเกาหลีใต้จะเป็นการยุติความทุกข์ยาก การตกอยู่ในความหวาดหวั่นของภัยสงครามที่มหาอำนาจวางไว้
เป็นความพยายามเขียนประวัติศาสตร์บทใหม่
บทความที่เกี่ยวข้อง :
เนื่องในวันประกาศอิสรภาพ
(Liberation Day – จากการเป็นอาณานิคมญี่ปุ่น) และฉลองวันชาติปีที่ 70 ประธานาธิบดีมุน แจ-อิน (Moon Jae-in) แห่งเกาหลีใต้แสดงสุนทรพจน์ถึงเป้าหมายกับแนวทางการสร้างสันติภาพและความมั่งคั่งรุ่งเรืองในคาบสมุทรเกาหลี
มีสาระสำคัญว่า
ประการแรก
ไม่มีนโยบายแบ่งแยก 2 เกาหลีอีกแล้ว
เกาหลีจะมีเสรีภาพแท้ก็ต่อเมื่อ
2 เกาหลีอยู่ด้วยกันโดยสันติ แม้ว่าการรวมเป็นหนึ่งเดียวทางการเมืองจะต้องผ่านหนทางอีกยาวไกล
แต่เริ่มได้ด้วยการมีเศรษฐกิจร่วม (a joint economic community) ประชาชน 2 ฝั่งเดินทางเยือนอีกฝั่งโดยเสรี
บัดนี้ 2
เกาหลีกำลังมุ่งหน้าสู่สันติภาพ ไม่แสดงความเป็นปรปักษ์กันอีกแล้ว ทั้ง 2
ฝ่ายกำลังปฏิบัติตามข้อตกลงการประชุมสุดยอดเมื่อปลายเมษายนที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับการประชุมสุดยอด 2 ผู้นำระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือที่สิงคโปร์
ทุกฝ่ายประกาศเดินหน้าสู่สันติภาพและความมั่งคั่ง หวังว่าเกาหลีเหนือจะปลอดอาวุธนิวเคลียร์
สหรัฐเลิกต่อต้านเกาหลีเหนือ
ประการที่
2 เป็นมิตรกับทุกฝ่าย
เกาหลีใต้ในอนาคตยังคงเป็นพันธมิตรกับสหรัฐ
เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับจีน ส่งเสริมความร่วมมือทางทหาร 3
เส้าระหว่างรัสเซียกับ 2 เกาหลี ญี่ปุ่นกับเกาหลีเหนือจะกระชับความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ทั้งหมดนี้จะส่งเสริมสันติภาพและความมั่งคั่งแก่คาบสมุทรเกาหลีและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ
(หมายถึง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น รัสเซียแถบตะวันออกไกล)
ประการที่
3 ก้าวต่อไปจากนี้
ประธานาธิบดีมุนเอ่ยถึงแผนขั้นต่อไปว่าจะเดินทางไปเกาหลีเหนือเดือนหน้า
หารือกับผู้นำฝ่ายเหนือเพื่อเดินหน้าตามแถลงการณ์ Panmunjom Declaration หารือเรื่องประกาศยุติสงครามเกาหลีพร้อมกับลงนามสันติภาพ
คาบสมุทรเกาหลีปลอดนิวเคลียร์
ความขัดแย้งในอดีตทำให้ต่างฝ่ายไม่วางใจอีกฝ่าย
งานสำคัญหนึ่งที่ต้องทำคือสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันทั้งระหว่าง 2 เกาหลีและสหรัฐกับเกาหลีเหนือ
ความร่วมมือทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีสันติภาพ
และคาบสมุทรปลอดนิวเคลียร์ จะเป็นเหตุให้เศรษฐกิจพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ชาวเกาหลีทุกคนไม่ว่าเหนือหรือใต้จะได้ประโยชน์ มีงานวิจัยชี้ว่าหากเป็นไปตามแผนจะสร้างผลผลิตทางเศรษฐกิจอย่างน้อย
150,000 ล้านดอลลาร์ใน 30 ปี จะมีทางรถไฟรถยนต์เชื่อม 2 เกาหลี ลงทุนพัฒนาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติในเกาหลีเหนือ
ความร่วมมือในเขตเศรษฐกิจพิเศษและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เฉพาะเขตเศรษฐกิจพิเศษจะเพิ่มการจ้างงานถึง
100,000 ตำแหน่ง
เป็นนโยบายเปลี่ยนจากสนามรบเป็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
นำมาซึ่งสันติภาพและความมั่งคั่งมั่นคงอย่างยั่งยืน เปรียบเสมือนพัฒนาการของสหภาพยุโรปที่เริ่มต้นจาก
“ประชาคมถ่านหินและเหล็กกล้าแห่งยุโรป” (European Coal and Steel Community) ด้วยเหตุผลหลักคือเป็นแผนรูปธรรมที่จะเลี่ยงไม่ให้ประเทศในยุโรปทำสงครามกันอีก
จนบัดนี้กลายเป็นสหภาพยุโรป (EU)
ประการที่ 4 วิสัยทัศน์ East Asian Railroad
Community
ประธานาธิบดีมุน แจ-อิน กล่าวถึงอีกวิสัยทัศน์ว่าจะเสนอสร้าง
“ประชาคมรถไฟเอเชียตะวันออก” (East Asian Railroad Community)
อันประกอบด้วยกลุ่มประเทศภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ (หมายถึง 2 เกาหลี จีน
รัสเซีย ญี่ปุ่น และมองโกเลีย) กับสหรัฐ รวมทั้งสิ้น 7 ประเทศ
เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจ 7 ประเทศนี้
และจะเริ่มวางระบบสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาคที่มีทั้ง 7 ประเทศร่วมกัน
วิเคราะห์องค์รวมและสรุป :
ประการแรก อนาคตที่สร้างได้
ข้อคิดอย่างหนึ่งที่ได้จากวิสัยทัศน์ของประธานาธิบดีมุนคือ
อนาคตเป็นสิ่งที่เลือกได้สร้างได้ เอ่ยถึงตัวอย่างสหภาพยุโรปที่บรรดาประเทศในกลุ่มทำสงครามเรื่อยมา
เป็นบ่อเกิดของสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2
ให้มาอยู่ร่วมกันโดยสันติบนพื้นฐานความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางทหาร
นโยบายต่างประเทศ ในกรณีเกาหลีเป็นไปได้ว่ายังคงให้เป็นเกาหลีเหนือกับใต้ ไม่รวมตัวเป็นหนึ่งอย่างกรณีเยอรมัน
ทั้งนี้เพราะบริบทต่างกัน ขอเพียงมีสันติภาพ ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจก็เพียงพอ
เกาหลีใต้ไม่คิดล้มล้างระบอบอำนาจการเมืองของฝ่ายเหนือ การรวมเป็นระบอบปกครองเดียวปล่อยให้เป็นเรื่องของคนรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป
ที่สำคัญคือวิสัยทัศน์นี้ให้ความสำคัญกับประชาชนทั้ง
2 ฝั่ง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่จะสร้างงาน ส่งเสริมการอยู่ดีกินดี ลดความยากจนในเกาหลีเหนือ
ส่งเสริมเสรีภาพ ลดการละเมิดสิทธิมนุษยชน อนาคต 2 เกาหลีจะดีขึ้นกว่าเดิม
ประการที่ 2 วิสัยทัศน์ที่ครอบคลุม
การแสดงวิสัยทัศน์รอบนี้ประกอบด้วย
2 ส่วนที่สัมพันธ์กัน กรอบเล็กคือการรวมชาติ กรอบที่ใหญ่กว่าคือข้อเสนอสร้าง “ประชาคมรถไฟเอเชียตะวันออก”
ลำพังการรวมชาติอาจไม่ทำให้เกาหลีมั่นคงจริง
จึงต้องมีอีกวิสัยทัศน์ที่ดึงทุกประเทศที่เกี่ยวข้อง ให้ประเทศเหล่านี้ลดการเผชิญหน้าทางทหาร
มุ่งสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ
ความท้าทายคือเมื่อพิจารณาจากภูมิศาสตร์จะเห็นว่าญี่ปุ่นเป็นเกาะที่ไกลจากแผ่นดินใหญ่
ยิ่งถ้าเป็นสหรัฐที่อยู่อีกฝากของมหาสมุทรแปซิฟิก
การเชื่อมต่อทางรถไฟหรือคมนาคมทางบกจึงเป็นเรื่องแปลก
ที่ประหลาดกว่านั้นคือ
เป็นการเชื่อมต่อระหว่างจีน รัสเซียและสหรัฐ อย่างไรก็ตามเป็นการประกาศเจตนารมณ์ของผู้ใฝ่สันติ
ไม่ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่
ประการที่ 3 การทูตเชิงรุก
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐมีอิทธิพลต่อนโยบายความมั่นคง
ความเป็นไปของเกาหลีใต้เรื่อยมา เช่นเดียวกับที่จีนมีอิทธิพลต่อเกาหลีเหนือ
ด้วยเหตุผลเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ แต่ไม่แน่ใจว่าเพื่อความมั่นคงของใครมากกว่า ยุทธศาสตร์การรวมชาติเป็นการทูตเชิงรุกของเกาหลีใต้ที่ต้องการปลดแอกจากอิทธิพลสหรัฐ
(หรือลดน้อยลง) การเอ่ยถึงคาบสมุทรปลอดนิวเคลียร์หมายถึงปลอดนิวเคลียร์ของสหรัฐ
รัสเซียและจีนด้วย เป็นไปได้ว่าในอนาคตอาจมีสนธิสัญญาปลอดนิวเคลียร์กับทั้ง 3
มหาอำนาจ ห้ามเครื่องบิน เรือรบ เรือดำน้ำที่ติดอาวุธนิวเคลียร์เข้ามาในเขตคาบสมุทร
แม้จะยังเป็นพันธมิตรกันอยู่
แต่ความจำเป็นที่จะต้องคงกองกำลังอเมริกันในเกาหลีใต้จะลดลง การเจรจาต่อรองให้เกาหลีใต้ช่วยออกค่าใช้จ่ายกองทัพอเมริกันในเกาหลีใต้จะบรรเทา
ประการที่
4 ความฝันของคนเกาหลี
ที่ทุกวันนี้มีเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้เป็นผลพวงจากประวัติศาสตร์ตั้งแต่การเป็นอาณานิคมญี่ปุ่น
เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกและตามมาด้วยสงครามเย็น
ทำให้เกาหลีถูกมหาอำนาจแบ่งออกเป็นเหนือกับใต้
ถูกตีตราว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์กับพวกทุนนิยมประชาธิปไตย สงครามเกาหลีคร่าชีวิตคนหลายสัญชาติ
ทั้งอเมริกัน โซเวียต จีน ฯลฯ แต่ฝ่ายที่เสียชีวิตมากที่สุดคือคนเกาหลีหลายล้านคน
และทำให้ 2 เกาหลีอยู่ในความตึงเครียดเป็นระยะๆ
ผู้ที่รับความทุกข์ยากลำบากมากที่สุดคือประชาชน
โดยเฉพาะชาวเกาหลีเหนือ
ความฝันของคนเกาหลีคือการรวมชาติ
ซึ่งหมายถึงยุติความขัดแย้งที่พวกเขาไม่ได้สร้าง แต่ต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบมากกว่าใคร
นี่คือชีวิตจริงของคนเกาหลีหลายสิบล้านคน
ที่ต้องทนทุกข์จากมหาอำนาจในแต่ละยุคสมัย
วิสัยทัศน์รวมชาติไม่ใช่ของแปลกใหม่
แต่หากทำสำเร็จประธานาธิบดีมุน แจ-อิน จะเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของเกาหลี
ทั้งนี้ต้องให้ความดีความชอบแก่ผู้นำเกาหลีเหนือด้วย
2
ผู้นำเกาหลีนัดพบปะอีกครั้งที่กรุงเปียงยางเดือนหน้า การแสดงวิสัยทัศน์ของประธานาธิบดีมุนเป็นการปูท่าทีของฝ่ายใต้
คาดว่าฝ่ายเหนือจะตอบรับและแถลงการณ์การประชุมสุดยอดรอบหน้าน่าจะให้ความชัดเจนยิ่งขึ้นว่าจะรวมกันอย่างไร
จะเดินหน้าอย่างไร
บทความนี้มุ่งชี้ความคิดของเกาหลีใต้ที่ต้องการสันติภาพ
ไม่ได้เอ่ยถึงเป้าหมายความต้องการของตัวแสดงอื่นๆ
โดยเฉพาะชาติมหาอำนาจที่อาจเห็นต่าง แม้ว่าทุกฝ่ายจะเอ่ยคำว่า
“เพื่อสันติภาพและความมั่งคั่ง” เพราะสันติภาพกับความมั่งคั่งของแต่ละประเทศมีความหมายแอบแฝงต่างกัน
ใช้วิธีการต่างกัน
เป็นตรรกะเดียวกันกับที่ทำไมเกาหลีถูกแบ่งออกเป็น
2 ประเทศ
19 สิงหาคม 2018
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน
คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่
22 ฉบับที่ 7953 วันอาทิตย์ที่ 19
สิงหาคม พ.ศ.2561)
------------------------
ไม่ว่าผลการประชุมจะเป็นอย่างไร
ต้องไม่ลืมว่าความเป็นไปของคาบสมุทรเกาหลีเป็นเพียงส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่ใหญ่กว่า
ไม่ว่าจะเป็นยุทธศาสตร์ของสหรัฐ จีน รัสเซีย ญี่ปุ่น
เป็นเวลากว่า 100 ปีที่คนเกาหลีตกอยู่ในความทุกข์ยาก
ผ่านสงครามหลายครั้งที่คร่าชีวิตหลายล้านคน ถูกรายล้อมด้วยมหาอำนาจ เป็นข้อคิดว่าสันติภาพไม่ได้หาได้โดยง่ายอย่างที่คิด
การประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐกับเกาหลีเหนืออาจนำสู่สันติภาพหรืออาจเป็นชนวนการเผชิญหน้ารอบใหม่เป็นเรื่องน่าติดตาม
เป็นอีกครั้งที่เกาหลีเหนือใช้ประโยชน์จากโครงการนิวเคลียร์
บรรณานุกรม :
1. Full text
of President Moon Jae-in’s address on Korea’s 73rd Liberation Day. (2018,
August 15). The Korea Herald. Retrieved from
http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20180814000716
2. Speculation abounds about dates of 3rd Moon-Kim summit. (2018, August
14). The Korea Herald. Retrieved from
http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20180815000095
-----------------------------