ทรัมป์ตอกย้ำอิหร่านภัยคือร้ายแรงที่สุดของอเมริกา
ทรัมป์ใช้ถ้อยคำรุนแรงโจมตีอิหร่านเรื่อยมา การพูดอีกรอบในช่วงนี้จึงอาจดูเหมือนไม่ใช่ของแปลกใหม่
แต่ถ้าคิดอย่างมีเหตุผล อาจเป็นการทดสอบปฏิกิริยาคนอเมริกันและอาจเล่นงานอิหร่านให้หนักกว่าเดิม
บทความที่เกี่ยวข้อง :
อำนาจ 3เส้าผู้หมายครองตะวันออกกลาง
การยอมรับรัฐอิสราเอล ซาอุฯ “ไม่มีปัญหาคนยิว” ทั้งยังมีผลประโยชน์ร่วมกันหลายอย่างจากปากของมกุฎราชกุมารซัลมาน จะนำสู่การพันธมิตรของ “อำนาจ 3 เส้าผู้หมายครองตะวันออกกลาง” อย่างเปิดเผย
บรรณานุกรม :
David Everett Strickler
ความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลทรัมป์กับอิหร่านเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งหลังสหรัฐยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน
(JCPOA) เพียงฝ่ายเดียว ในขณะที่คู่สัญญาอื่นๆ (รัสเซีย จีน
อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมันและอิหร่าน) ยังคงรักษาข้อตกลงเดิม
พร้อมกับออกมาตรการคว่ำบาตร ห้ามบริษัทเอกชนซื้อขายน้ำมันกับอิหร่าน ทั้งยังห้ามประเทศอื่นๆ
ด้วย ขู่ว่าใครซื้อขายน้ำมันอิหร่านจะถูกเล่นงาน
วุฒิสมาชิก ลินซีย์
เกรแฮม (Lindsey Graham) ย้ำว่าอิหร่านคือภัยร้ายแรงสุดของอเมริกาในขณะนี้
พยายามสร้างอาวุธนิวเคลียร์ รัฐบาลพร้อมที่จะล้มระบอบอิหร่าน
ก่อนหน้านั้นทรัมป์กล่าวถึงอิหร่านว่าอย่าได้ข่มขู่สหรัฐอเมริกาอีก
มิฉะนั้นจะถูกตอบโต้สาสมอย่างที่ไม่กี่ประเทศเคยประสบมาก่อน
ด้านประธานาธิบดีโรฮานีโต้ว่า “คุณทรัมป์
อย่าเล่นหางสิงโต เพราะคุณจะเสียใจ” หากทำสงครามจะกลายเป็นหายนะ
อิหร่าน “จะไม่ยอมจำนนต่อคำขู่” ถ้าอิหร่านส่งออกน้ำมันไม่ได้
ประเทศอื่นๆ จะส่งออกไม่ได้เช่นกัน พร้อมปิดช่องแคบฮอร์มุซ (Straits of
Hormuz) เป็นโอกาสอันดีที่ทั่วโลกจะเห็นนโยบายต่อต้านมุสลิมและความเป็นเชื้อชาตินิยมสุดโต่งของรัฐบาลสหรัฐ
บทความนี้จะวิเคราะห์ด้วย
2 มุมมอง คือ “มองอย่างไม่มีเหตุผล” กับ “มองอย่างมีเหตุผล”
มองอย่างไม่มีเหตุผล :
มุมมองอย่างไม่มีเหตุผลอธิบายว่าเนื่องจากรัฐบาลทรัมป์ยึดถืออิหร่านเป็นปรปักษ์สำคัญลำดับต้นตั้งแต่เริ่มรัฐบาล
เป็นศัตรูตัวฉกาจของสหรัฐ การพูดโจมตีอิหร่านอีกครั้งจึงไม่ใช่ของแปลก การพูดว่าอิหร่านเป็นภัยคุกคามร้ายแรง
หวังสร้างอาวุธนิวเคลียร์ ส่งเสริมก่อการร้าย บ่อนทำลายความมั่นคงประเทศเพื่อนบ้าน
ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องเก่าๆ พูดที่ซ้ำมาแล้วหลายรอบ
การที่ประธานาธิบดีทรัมป์พูดถึงอีกครั้งจึงเหมือนนำหนังเก่ามาฉายซ้ำ
ที่อาจถือว่าใหม่คือการถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์เมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ทรัมป์กล่าวว่า
JCPOA “เป็นเรื่องน่าละอายของสหรัฐอเมริกา”
“เป็นข้อตกลงห่วยที่สุดในประวัติศาสตร์” “ไม่ควรทำข้อตกลงแบบนี้เลย”
ถ้าใช้แนว
“มองอย่างไม่มีเหตุผล” คำพูดของทรัมป์รอบล่าสุดเป็นเพียงการยั่วยุ
เกิดสงครามน้ำลายสักพัก ท้ายที่สุดไม่มีผลอะไร ทรัมป์ได้ทำสิ่งที่ต้องการแล้ว
มองอย่างมีเหตุผล :
ถ้ามองอย่างมีเหตุผล
เป็นไปได้ว่าทรัมป์กำลังทดสอบปฏิกิริยาจากนานาชาติและคนอเมริกันอีกครั้ง
เหตุเพราะที่ผ่านมาหลายนโยบายบั่นทอนคะแนนนิยมของตน มีผลต่อคะแนนนิยมของพรรครีพับลิกัน
ที่การเลือกตั้งกลางเทอมกำลังจะมาถึง (เลือกตั้ง ส.ส. ส.ว. กลางสมัยรัฐบาล)
อีกด้านคือมุมมองต่อสหรัฐจากสายตานานาชาติย่ำแย่ลงมาก อาจเป็นการทดสอบปฏิกิริยานานาชาติหากสหรัฐต้องการเล่นงานอิหร่านให้หนักกว่านี้
ยุทธศาสตร์แม่บทสหรัฐกำหนดเป้าหมายล้มล้างระบอบอิหร่านมาหลายทศวรรษแล้ว
เป็นนโยบายเดียวกับพวกซาอุฯ ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาอิหร่านจึงตกเป็นเป้า
ถูกคว่ำบาตรเรื่อยมา ในสมัยโอบามาแม้จะคลายคว่ำบาตรบ้างแต่ไม่ยุติทั้งหมด
บัดนี้นโยบายของทรัมป์ดำเนินตามยุทธศาสตร์แม่บทเดิมอย่างเต็มที่
สนับสนุนกลุ่มประท้วงในประเทศอิหร่าน
เมื่อช่วงสิ้นปี 2017 จนถึงต้นปี 2018 ประชาชนอิหร่านจำนวนหนึ่งชุมนุมประท้วงรัฐบาล
การประท้วงเริ่มที่เมืองมัชฮัด (Mashhad - เมืองใหญ่อันดับ 2
ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ใกล้อัฟกานิสถาน) จากนั้นกระจายไปหลายสิบเมือง
ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
ยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มการจ้างงานและลดอัตราเงินเฟ้อ
มีการชุมนุมต่อเนื่องหลายวัน ท่ามกลางการชุมนุมมีบางคนที่ใช้อาวุธ
หวังก่อความรุนแรง ทำลายทรัพย์สินราชการ รวมทั้งสถานที่ศาสนา
การชุมนุมดำเนินต่อเนื่องหลายวัน
มีรายงานผู้เสียชีวิตหลายสิบราย หลายพันคนถูกจับกุม เหล่านี้ชี้ว่าไม่ใช่การชุมนุมเล็กๆ
แน่นอน
ควรเข้าใจว่าการชุมนุมรอบนี้เกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลทรัมป์ยังไม่ยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์
ยังไม่ประกาศห้ามซื้อขายน้ำมันกับอิหร่าน
6
เดือนต่อมาหรือกลางปีที่ผ่านมา มีเหตุชุมนุมประท้วงใหญ่อีกรอบ ด้วยสาเหตุเดิมคือปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ
เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหา
ในการชุมนุมรอบนี้ ผู้ชุมนุมบางคนกังวลเรื่องการคว่ำบาตรจากสหรัฐด้วย
แม้ว่าคนอิหร่านจะคุ้นเคยกับการคว่ำบาตรแต่วิตกกังวลต่อการคว่ำบาตรที่อาจรุนแรงมากในยุคทรัมป์
เพราะจะซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้วให้หนักกว่าเดิม ตัวเลขว่างงานที่รัฐบาลประกาศอยู่ที่ร้อยละ
12.3 และคาดว่าจะสูงขึ้นอีก
เศรษฐกิจอิหร่านอ่อนแอเป็นเรื่องจริง ประชาชนบางส่วนไม่พอใจรัฐบาลเป็นเรื่องจริง
แม้มีข้อโต้แย้งว่าคนเหล่านี้ถูกต่างชาติจ้างวาน เสี้ยมสอนให้ต่อต้านรัฐบาล
ค่าเงินเรียลอิหร่านหล่นฮวบ
พร้อมๆ กับการชุมนุมประท้วงรอบกลางปี ปลายเดือนมิถุนายนเงินเรียลในตลาดมืดซื้อขายกันที่
90,000 เรียลต่อดอลลาร์ ส่วนหนึ่งมาจากการที่นักลงทุนต่างชาติขาดความมั่นใจต่อการลงทุนในอิหร่าน
แม้ยังไม่กระทบโดยตรงมากนัก แต่กระแสวิตกกังวลพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว
รัฐบาลอิหร่านชี้ว่าเป็นแผนใช้สงครามเศรษฐกิจบ่อนทำลายจากสหรัฐและยอมรับว่าผู้ชุมนุมบางส่วนไม่พอใจนโยบายรัฐที่ไม่โปร่งใสพอ
ปลายเดือนกรกฎาคม อัตราแลกเปลี่ยนเงินเรียลในตลาดมืดอ่อนตัวลงอีก
อยู่ที่ 112,000 เรียลต่อดอลลาร์สหรัฐ
ถ้ามองอย่างมีเหตุผล การที่ประธานาธิบดีทรัมป์พูดโจมตีอิหร่านในช่วงนี้ อาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนบั่นทอนอิหร่าน
สงครามน้ำลายยิ่งแรงเพียงไรยิ่งส่งผลร้ายต่ออิหร่าน
ที่ผ่านมารัฐบาลอิหร่านจะตอบโต้สหรัฐเรื่อยมา จึงควรคิดว่าหากทรัมป์พูดจาหาเรื่องอีกครั้ง
อิหร่านน่าจะตอบโต้ และครั้งนี้เป็นเช่นนั้น
สหรัฐสามารถเล่นงานอิหร่านได้ง่ายๆ
โดยอาศัยปากทรัมป์
ประธานาธิบดีโรฮานียอมรับว่าสหรัฐใช้สงครามจิตวิทยาและสงครามเศรษฐกิจเพื่อสร้างความแตกแยกในอิหร่าน
ทำให้ประชาชนสูญเสียความเชื่อมั่นและไม่มั่นใจอนาคต
อิหร่านคือภัยร้ายแรงที่สุดของอเมริกา
:
ถ้ายึดว่าความตึงเครียดกรณีเกาหลีเหนือผ่อนคลายแล้ว
จะเหลืออิหร่านเพียงประเทศเดียวที่เป็นภัยร้ายแรงด้านความมั่นคง
ลักษณะหนึ่งที่โดดเด่นมาก
ในยุค America First คือรัฐบาลทรัมป์พร้อมทำทุกอย่าง
แม้ละเมิดกติกาสากล ละเมิดความชอบธรรม
ในกรณีอิหร่านที่เห็นชัดคือการยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์ JCPOA เพียงฝ่ายเดียว ทั้งๆ ที่ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA -
หน่วยงานสหประชาชาติที่ดูแลนิวเคลียร์ทั่วโลก) ประกาศเรื่อยมาว่าอิหร่านทำตามข้อตกลงทุกข้อ (ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน
รัสเซียและจีนยอมรับเช่นกัน) อิหร่าน ณ วันนี้ไม่เป็นภัยอาวุธนิวเคลียร์
ใช้นิวเคลียร์เพื่อสันติเหมือนประเทศอื่นๆ แต่รัฐบาลทรัมป์ไม่ยอมรับข้อสรุปนี้ ตัดสินด้วยตัวเองว่าอิหร่านยังเป็นภัยนิวเคลียร์
สวนทางข้อสรุปของ IAEA (และอีก 5 ประเทศคู่สัญญา)
เมื่อเป็นเช่นนี้
ย่อมวิเคราะห์ต่อได้ว่ารัฐบาลทรัมป์พร้อมทำทุกอย่างด้วยข้ออ้างตรรกะของตัวเองแม้จะขัดแย้งกับนานาชาติก็ตาม
ข้อตกลงใดๆ ที่สหรัฐเคยทำกับประเทศใด ไม่ว่าจะทวิภาคีหรือพหุภาคี จะลับหรือไม่ลับ
รัฐบาลสหรัฐพร้อมถอนตัวออกเสมอ
สหรัฐเล่นงานอิหร่านได้อีกไหม :
ถ้าใช้ตัวอย่างจากอดีต
รัฐบาลทรัมป์อาจโจมตีอิหร่านด้วยขีปนาวุธ เหมือนที่เคยทำกับซีเรียและอิรักโดยอ้างเหตุผลบางเรื่อง
เช่น ใช้อาวุธเคมี กำลังเร่งสร้างระเบิดนิวเคลียร์ สนับสนุนก่อการร้าย
ซึ่งหมายถึงยกระดับการเผชิญหน้าที่รัฐบาลสหรัฐดำเนินเป็นขั้นเป็นตอน
คล้ายกับที่เคยทำกับอิรักและซีเรีย จนนำสู่สงครามล้มระบอบซัดดัม ฮุสเซน
ประกาศสนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลอัสซาด จนซีเรียกลายเป็นสงครามกลางเมืองดังที่ปรากฏ
ถ้ามองภาพรวมและพิจารณาอย่างเป็นเหตุเป็นผลตามแนวคิดทำลายอิหร่าน
การเพิ่มแรงกดดันอิหร่านในช่วงนี้เป็นจังหวะอันดี
หวังให้ปัจจัยทั้งภายในกับภายนอกที่ต้านระบอบเสริมแรงกัน
ถ้าแม้นไม่สามารถล้มระบอบก็ขอให้เกิดสงครามกลางเมือง อิหร่านถดถอยอ่อนแอย้อนกลับหลายสิบปี
ดังเช่นซีเรียที่กลายเป็นซากปรักหักพังและยังไม่รู้ว่าจะสงบได้เมื่อไร
เพียงเท่านี้นับว่าประสบความสำเร็จแล้ว
อิทธิพลชีอะห์อิหร่านที่มีต่อทั่วโลกจะลดต่ำลงมาก ทั้งยังมีประโยชน์อีกหลายเรื่องในระดับภูมิภาค
ไม่ว่ารัฐบาลอิหร่านจะยอมเจรจาหรือไม่ หากรัฐบาลสหรัฐคิดจะเล่นงาน
ย่อมทำได้เสมอ เพราะอิหร่านภัยคือร้ายแรงที่สุดของอเมริกา
5 สิงหาคม 2018
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก”
ไทยโพสต์ ปีที่ 22 ฉบับที่ 7939 วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ.2561)
------------------------
การยอมรับรัฐอิสราเอล ซาอุฯ “ไม่มีปัญหาคนยิว” ทั้งยังมีผลประโยชน์ร่วมกันหลายอย่างจากปากของมกุฎราชกุมารซัลมาน จะนำสู่การพันธมิตรของ “อำนาจ 3 เส้าผู้หมายครองตะวันออกกลาง” อย่างเปิดเผย
ไม่มีนิยามสากลว่าจันทร์เสี้ยวชีอะห์ครอบคลุมพื้นที่ใด
คำตอบที่ถูกต้องไม่มี เพราะแท้จริงแล้วไม่มีเกณฑ์ที่แน่นอนชัดเจน
เป้าหมายที่สร้างขึ้นเพื่อจะทำลาย
การชุมนุมประท้วงในอิหร่านไม่เพียงสะท้อนว่าเรื่องปากท้องสำคัญ
ที่ลึกกว่านั้นคือพวกเขาเห็นว่ารัฐบาลน่าจะแก้ปัญหาได้ดีกว่าที่เป็นอยู่
ทำไมรัฐจึงไม่ทำ
1. 3,700 people were arrested during Iran protests, lawmaker
says. (2018, January 9). CNN. Retrieved from http://edition.cnn.com/2018/01/09/middleeast/iran-protests-3700-arrested-intl/index.html
2. For Europe, the Iran nuclear deal is all about trade. (2018, May 7). The Hill. Retrieved from https://edition.cnn.com/2018/04/22/politics/iran-foreign-minister-nuclear-deal/index.html
3. Iran faces ‘economic disaster’ as currency plunges to new
low. (2018, July 31). Arab News. Retrieved from http://www.arabnews.com/node/1348411/business-economy
4. Iran: Economic Crisis Deepens Amid Calls for Rouhani to
Resign. (2018, June 26). Asharq Al-Awsats. Retrieved from https://aawsat.com/english/home/article/1312101/iran-economic-crisis-deepens-amid-calls-rouhani-resign
5. Iranians Rally for 3rd Consecutive Day to Condemn
Rioters, Show Unity. (2018, January 5). FNA.
Retrieved from http://en.farsnews.com/newstext.aspx?nn=13961015000593
6. Mr. Trump, ‘do not play with the lion’s tail’, Rouhani
warns. (2018, July 22). Tehran Times. Retrieved from
http://www.tehrantimes.com/news/425661/Mr-Trump-do-not-play-with-the-lion-s-tail-Rouhani-warns
7. Rouhani: U.S. seeking to undermine people’s trust. (2018,
June 27). Tehran Times. Retrieved from http://www.tehrantimes.com/news/424816/Rouhani-U-S-seeking-to-undermine-people-s-trust
8. Trump offers to meet with Iranian
President Rouhani, without preconditions. (2018, July 30). Fox News. Retrieved from
http://www.foxnews.com/politics/2018/07/30/trump-offers-to-meet-with-iranian-president-rouhani-without-preconditions.html
9. U.S. State Department. (2017, July 19). State Department
Releases Country Reports on Terrorism 2016. Retrieved from https://www.state.gov/j/ct/rls/crt/2016/272235.htm
10. World War 3: Trump is about to pull off something 'VERY
BIG' against Iran, says US senator. (2018, July 24). Express. Retrieved
from
https://www.express.co.uk/news/world/993453/World-War-3-news-Iran-Donald-Trump-Twitter-date-2018
11. Zarif to Trump: Try respect for Iranians and
international commitments. (2018, August 1). Tehran Times. Retrieved
from
http://www.tehrantimes.com/news/426039/Zarif-to-Trump-Try-respect-for-Iranians-and-international-commitments
-----------------------------