เยรูซาเล็มตะวันออก ทดสอบมิตรแท้มุสลิม
ผู้นำซาอุฯ
ชมเชยว่าประธานาธิบดีทรัมป์เป็นมิตรแท้มุสลิม ความเป็นไปของเยรูซาเล็มตะวันออกจะเป็นเครื่องทดสอบว่าจริงหรือไม่
หรือมีอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้น
การประกาศยอมรับเยรูซาเล็มฝั่งตะวันออกเป็นของอิสราเอลกลายเป็นประเด็นวิพากษ์ร้อนแรงในโลกมุสลิม
โจมตีรัฐบาลทรัมป์ต่างๆ นานา สวนทางกลับที่ครั้งหนึ่งรัฐบาลซาอุฯ
ชมเชยว่าทรัมป์เป็นมิตรแท้มุสลิม
นอกจากประณามมีอะไรอีกไหม :
สันนิบาตอาหรับ (Arab
League) เตือนว่าหากรัฐบาลทรัมป์ยอมรับกรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงอิสราเอลจะโหมไฟลัทธิสุดโต่ง
เป็นการอยุติธรรม ไม่ช่วยสร้างสันติภาพ ความมั่นคง เฉพาะอิสราเอลที่ได้ประโยชน์
ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย
Joko Widodo ชี้ว่าการยอมรับดังกล่าวละเมิดข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงหลายข้อ
ซึ่งเป็นข้อมติที่รัฐบาลสหรัฐเป็นผู้รับรองเอง เกรงว่าจะบั่นทอนความมั่นคงโลก
รับชมคลิป 3 นาที
รับชมคลิป 3 นาที
ในทำนองเดียวกัน
สันนิบาตอาหรับเรียกร้องให้รัฐบาลทรัมป์ยกเลิกแถลงการณ์ยอมรับเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงอิสราเอล
เพราะละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ขยายความตึงเครียด ยั่วยุให้โกรธแค้น
ชักนำให้ภูมิภาควุ่นวายและเกิดเหตุรุนแรงกว่าเดิม
เรเจพ ทายยิพ
แอร์โดกาน (Recep Tayyip Erdogan) ประธานาธิบดีตุรกี ตัวแทนองค์การความร่วมมืออิสลาม
(Organization of Islamic Cooperation :OIC) กล่าวว่าอิสราเอลเป็นรัฐที่โหดร้ายและยึดครองแผ่นดินคนอื่น
ขอให้นานาชาติสนับสนุนเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของปาเลสไตน์
มีคำถามว่านอกจากประณาม จะมีอย่างอื่นที่เป็นรูปธรรมไหม
Hassan Nasrallah ผู้นำฮิซบอลเลาะห์เรียกร้องให้มุสลิมทั่วโลกลุกขึ้นต่อต้านสหรัฐ
ด้วยการให้รัฐอาหรับกับรัฐมุสลิมยกเลิกข้อตกลงสันติภาพต่างๆ
และข้อตกลงที่ทำกับอิสราเอล
การต่อต้านอย่างเป็นรูปธรรมไม่จำต้องเข่นฆ่าทำร้ายร่างกายอีกฝ่าย
มีวิธีการอื่นๆ มากมาย เช่นคว่ำบาตรด้วยการไม่ติดต่อด้วย การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจมักเป็นวิธีที่ใช้กัน
แนวทางของผู้นำฮิซบอลเหลาะห์เป็นตัวอย่างอีกแบบ
มิตรแท้มุสลิม :
กษัตริย์ซาอุฯ
ผู้ประกาศเรื่อยมาว่าเป็นผู้ปกป้องอิสลามจะทำอย่างไร ยังจะถือว่าประธานาธิบดีทรัมป์เป็นมิตรแท้มุสลิมหรือไม่
สิ่งที่เกิดขึ้นดูเหมือนว่าเป็นมิตรแท้อิสราเอลมากกว่า
ย้อนหลังเมื่อกลางเดือนมีนาคม
Mohammed bin Salman รองมกุฎราชกุมารซาอุดิอาระเบีย (ตำแหน่งในขณะนั้น)
หารือผู้นำสหรัฐอย่างเป็นทางการที่ทำเนียบขาว แถลงการณ์ฝ่ายซาอุฯ
ตอนหนึ่งกล่าวว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์เคารพศาสนาอิสลามอย่างจริงจัง”
เห็นว่าอิสลามเป็นหนึ่งในศาสนาสำคัญแต่ถูกพวกหัวรุนแรงนำไปใช้ประโยชน์
ด้วยเหตุนี้ทรัมป์จึงเป็น “มิตรแท้ของมุสลิม” (true friend of
Muslims)
แถลงการณ์ไม่เอ่ยถึงการที่ทรัมป์ใช้คำว่า
“ผู้ก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรง” (radical Islamic terrorism) นักวิชาการบางคนชี้ว่าใครก็ตามที่ใช้คำว่าก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรงย่อมตั้งใจที่จะเชื่อมโยง
“อิสลาม” เข้ากับ “ก่อการร้าย” เข้ากับ “หัวรุนแรง นิยมความรุนแรง”
แถลงการณ์แสดงท่าทีพอใจทัศนคติของประธานาธิบดีทรัมป์ต่ออิสลาม
เห็นว่าท่านตั้งใจร่วมไม้ร่วมมือกับโลกมุสลิม
ขอให้ทุกคนเข้าใจทรัมป์อย่างถูกต้องไม่เป็นไปตามการบิดเบือนของสื่อ
ไม่ว่าเป็นมิตรแท้มุสลิมจริงหรือไม่
ในช่วงหาเสียงเป็นที่รับรู้ทั่วไปว่าทรัมป์แสดงท่าทีเชิงลบต่อมุสลิม มีนาคม 2106
ให้สัมภาษณ์สื่อโทรทัศน์ช่องหนึ่งว่า “ผมคิดว่าอิสลามเกลียดชังเรา
เกลียดชังอย่างรุนแรง เราต้องเรียนรู้อย่างลึกซึ้งถึงแก่นข้อนี้”
ดังที่เคยนำเสนอในบทความก่อนว่า
ทรัมป์หาเสียงด้วยวิธีการสร้างความแปลกแยก ชูประเด็น “อิสลามหัวรุนแรง” (radical
Islam)
ให้คนอเมริกันหวาดผวาเรื่องผู้ก่อการร้ายเกินจริง
หาเสียงโดยโหนกระแสกลัวอิสลาม (Islamophobia)
หลังการเยือนของเจ้าชาย
Salman ทรัมป์กลายเป็นมิตรแท้มุสลิม
การเยือนของเจ้าชาย Salman
เป็นเพียงจุดเริ่มต้น 2 เดือนต่อมา ประธานาธิบดีทรัมป์เยือนซาอุฯ
อย่างเป็นทางการและเข้าร่วมประชุม “Arab Islamic American Summit” ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยผู้นำชาติอาหรับ ผู้นำมุสลิมประเทศอื่นๆ
และผู้นำอเมริกา รวมทั้งหมด 55 ประเทศ
ต้องย้ำว่าทรัมป์คือผู้นำชาติตะวันตกเพียงคนเดียวที่ได้รับเกียรติเข้าร่วมงาน
และยืนเคียงข้างกษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุล อาซิซ (King Salman Bin Abdul
Aziz) ผู้เป็นเจ้าภาพ
ทดสอบมิตรแท้มุสลิม :
จากเหตุการณ์ยอมรับเยรูซาเล็ม OIC ยืนยันว่าหากต้องการสันติภาพที่สมบูรณ์และยุติธรรม
เยรูซาเล็มฝั่งตะวันออกจะต้องเป็นเมืองหลวงของรัฐปาเลสไตน์ ขอประณามวิธีการใดๆ
ที่ทำให้อิสราเอลเข้าควบคุมโดยผิดกฎหมาย ประณามทุกแถลงการณ์จากสหรัฐที่กระทบความรู้สึกมุสลิม
คุกคามสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สมาชิก OIC จะไม่อยู่เฉยยอมรับการกระทำของปฏิปักษ์
คำถามน่าสนใจคือ รัฐบาลซาอุฯ
กับพวกจะยึดมั่นคำประกาศของตนและของ OIC หรือไม่
จะยังนับว่ารัฐบาลสหรัฐคือมิตรแท้มุสลิมอีกไหม
ไม่แปลกที่รัฐบาลเนธันยาฮูพยายามยึดครองเยรูซาเล็ม แต่แปลกที่ทรัมป์รับรอง
ทั้งๆ ที่สามารถเลื่อนการรับรองออกไปเหมือนประธานาธิบดีคนก่อนๆ แต่ทรัมป์กลับทำสิ่งที่แปลกใหม่แตกต่างจากผู้นำคนอื่น
จึงเกิดคำถามตามมาอีกว่า
รัฐบาลทรัมป์เข้าข้างอิสราเอลมากกว่าซาอุฯ หรือไม่ ในสายตาของรัฐบาลทรัมป์ ระหว่างอิสราเอลกับซาอุฯ
และโลกมุสลิมทั้งมวล ถือว่าใครเป็นมิตรมากกว่า
ถ้าคิดให้ลึกซึ้ง
การยอมรับเยรูซาเล็มตะวันออกแท้จริงแล้วเป็นเพียงจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งของแผนการขยายดินแดนของรัฐอิสราเอล
ที่ได้ดำเนินนโยบายขยายดินแดนเรื่อยมา โดยเฉพาะการขยายเข้าไปในเขตเวสต์แบงก์ ที่สุดแล้วรัฐอิสราเอลที่ขยายตัวจะมีเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงอยู่ตรงกลาง
และรายล้อมด้วยดินแดนรอบข้าง
ประเด็นคือรัฐบาลอิสราเอลไล่รื้อที่ปาเลสไตน์อย่างผิดกฎหมายต่อเนื่องเป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว
รัฐบาลสหรัฐกับหลายประเทศออกแถลงการณ์ประณามเรื่อยมา แต่สุดท้ายก็ทำพียงเท่านี้
การประณามไม่สามารถยับยั้งการไล่รื้อที่ การขยายดินแดนของอิสราเอล
เป็นข้อพิสูจน์ว่ารัฐบาลเหล่านี้จริงจังต่อปัญหาปาเลสไตน์มากเพียงไร
ต้องไม่ลืมว่าตราบใดที่รัฐบาลสหรัฐยังสนับสนุนอุ้มชูรัฐบาลอิสราเอล
เมื่อนั้นการยึดครองไล่รื้อที่จะดำเนินต่อไป จนที่สุดอาจไม่เหลือพื้นที่ให้ก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์
Hossein Amir Abdollahian รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน
เชื่อว่าการเจรจาเป็นแผนปิดบังการรุกขยายดินแดนของพวกไซออนนิสต์
นั่นหมายว่าการเจรจาที่รัฐบาลสหรัฐเป็นคนกลางนั้น รัฐบาลสหรัฐรู้เห็นเป็นใจด้วย
จะเป็นเรื่องตลกหากวันหนึ่งปาเลสไตน์ไร้แผ่นดิน
รัฐบาลสหรัฐ ซาอุฯ และพวกจะยังคงประกาศยึดมั่นสิทธิเรื่องดินแดนของปาเลสไตน์
ความจริงแล้วทุกประเทศสามารถทำได้มากกว่าการพูด
นั่นคือด้วยการคว่ำบาตรอิสราเอลในด้านต่างๆ การคว่ำบาตรที่ได้ผลมากที่สุดคือการคว่ำบาตรจากข้อมติจากคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ
แต่ถึงแม้ไม่ได้ข้อมติ แต่ละประเทศสามารถคว่ำบาตรอิสราเอลได้ด้วยตนเอง เช่น
ไม่ทำการค้าด้วย ดังเช่นที่สหรัฐกับพันธมิตรคว่ำบาตรอิหร่านเนื่องจากโครงการพัฒนานิวเคลียร์
การพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกล
แต่ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา มีสักกี่ประเทศที่ทำเช่นนี้
ผลที่เกิดขึ้นคือ
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาคมโลก อิสราเอลยังคงเดินหน้าขยายดินแดนต่อไป
ปล่อยให้ปาเลสไตน์คือผู้ต้องแบกรับความสูญเสีย ชาวปาเลสไตน์หลายล้านทุกข์ยากไร้อนาคต
ซูซาน ไรซ์ (Susan
Rice) ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติในสมัยประธานาธิบดีบารัก โอบามา ทบทวนประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับอิสราเอลว่า
2 ประเทศมีความสัมพันธ์ยาวนานเกือบ 70 ปี ประธานาธิบดีทรูแมนจากพรรคเดโมแครทเป็นคนแรกที่ประกาศยอมรับประเทศอิสราเอลในฐานะรัฐอธิปไตย
ประธานาธิบดีนิกสันจากพรรครีพับลิกันเป็นคนที่ยืนเคียงข้างอิสราเอลในสงคราม Yom
Kippur ประธานาธิบดีคาร์เตอร์เป็นคนที่ช่วยสร้างสันติภาพระหว่างอียิปต์กับอิสราเอลที่ยังยั่งยืนจนถึงทุกวันนี้
ประธานาธิบดีคลินตันกับจอร์จ ดังเบิ้ลยู. บุชสนับสนุนอิสราเอลที่ต้องต่อสู้กับฮิซบอลเลาะห์และฮามาส
ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของผู้นำประเทศ
หรือพรรคการเมือง แต่คือการเป็นพันธมิตรของ 2 ประเทศ
ถ้อยคำดังกล่าวของไรซ์อาจเป็นข้อสรุปที่ดีที่สุด
ความเป็นไปของเยรูซาเล็มตะวันออกจะเป็นเครื่องวัดว่ารัฐบาลสหรัฐเป็นมิตรแท้มุสลิมหรือไม่
แน่นอนว่ากว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนอาจต้องรออีกหลายปี
อีกวิธีหนึ่งคือย้อนดูประวัติศาสตร์
ถ้าประมวลของใหม่กับของเก่าเข้าด้วยกันน่าจะพอให้คำตอบได้ว่า แท้จริงแล้วรัฐบาลสหรัฐเป็นมิตรแท้อิสราเอลหรือมิตรแท้มุสลิม
หรือเป็นอะไรที่ซับซ้อนกว่านี้หรือไม่ อย่างไร ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
อนาคตของเยรูซาเล็มตะวันออกอาจไม่ขึ้นกับอำนาจรัฐ
พลังมุสลิมโลกน่าจะเป็นที่พึ่งได้มากกว่า
17 ธันวาคม 2017
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 22 ฉบับที่ 7709 วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2560)
----------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง :
แม้นานาชาติจะวิพากษ์วิจารณ์
อาจเป็นต้นเหตุความรุนแรง โหมไฟลัทธิสุดโต่ง
แต่รัฐบาลทรัมป์ยังคงประกาศยอมรับเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงอิสราเอล ตามแนวทางที่วางไว้นานแล้ว
บรรณานุกรม :
1. Arab League warns that US recognizing Jerusalem as
Israeli capital would 'fuel extremism'. (2017, December 2). The Hill.
Retrieved from
http://thehill.com/policy/international/362965-arab-league-warns-that-us-recognizing-jerusalem-as-israeli-capital-would
2. Arab states urge U.S. to abandon
Jerusalem move. (2017, December 10). Reuters. Retrieved from
https://www.reuters.com/article/us-usa-trump-israel-arabs/arab-states-urge-u-s-to-abandon-jerusalem-move-idUSKBN1E30R7
3. Bazian, Hatem. (2017, January 30). Trump's war on Islam
and clash of civilization wrecking crew! Daily Sabah. Retrieved
from
http://www.dailysabah.com/columns/hatem-bazian/2017/01/30/trumps-war-on-islam-and-clash-of-civilization-wrecking-crew
4. Convergence on Iran, visa ban during Mohammed bin
Salman-Trump meeting. (2017, March 15). Al Arabiya. Retrieved from
http://english.alarabiya.net/en/perspective/features/2017/03/15/Convergence-on-Iran-visa-ban-during-Mohammed-bin-Salman-Trump-meeting.html
5. Hamas calls for third intifada
after US recognizes Jerusalem as Israel's capital. (2017, December 7). Deutsche
Welle. Retrieved from
http://www.dw.com/en/hamas-calls-for-third-intifada-after-us-recognizes-jerusalem-as-israels-capital/a-41687874
6. Iran: Israel Misusing Peace Talks as Cover-Up to Implement
Expansionist Policies. (2014, January 29). FNA. Retrieved from http://english.farsnews.com/newstext.aspx?nn=13921109001204
7. Iran Urges to Foil US-Israeli
'Plan', Hezbollah Calls Washington Isolated. (2017, December 12). Al
Jazeera. Retrieved from https://sputniknews.com/world/201712121059920355-iran-rouhani-hezbollah-trump-israel/
8. Muslim leaders gather in Turkey
to address US Jerusalem move. (2017,
December 13). The National. Retrieved from
https://www.thenational.ae/world/muslim-leaders-gather-in-turkey-to-address-us-jerusalem-move-1.684099
9. Organization
of Islamic Cooperation says no compromise on Jerusalem. (2017, December
4). Final Communique Issued by The Meeting of The Committee of Permanent
Representatives of 10. The OIC Member States on Attempts To Change The Legal
and Historical Status of The Holy City of Al-Quds Al-Sharif and To Transfer
Diplomatic Missions Thereto. Retrieved from
https://www.oic-oci.org/topic/?t_id=17097&t_ref=9112&lan=en
11. Saudi Prince Sees Trump as 'True Friend' to Muslims
(Full Text). (2017, March 15). Bloomberg. Retrieved from
https://www.bloomberg.com/news/articles/2017-03-15/saudi-prince-sees-trump-as-true-friend-to-muslims-full-text
11. The White House. (2015, March 2). Remarks As Prepared
for Delivery at AIPAC Annual Meeting by National Security Advisor Susan E.
Rice. Retrieved from
http://www.whitehouse.gov/the-press-office/2015/03/02/remarks-prepared-delivery-aipac-annual-meeting-national-security-advisor
12. The White House. (2017, March 15). T Readout of the
President's Meeting with Mohammed bin Salman Abdulaziz Al Saud, Deputy Crown
Prince and Minister of Defense of the Kingdom of Saudi Arabia. Retrieved from
https://www.whitehouse.gov/the-press-office/2017/03/15/readout-presidents-meeting-mohammed-bin-salman-abdulaziz-al-saud-deputy
13. Trump seeks to win over Muslims with Islam
speech. (2017, May 21). Al Jazeera. Retrieved from
http://www.aljazeera.com/news/2017/05/trump-seeks-win-muslims-islam-speech-170521043522910.html
14. What to know about the meeting between the Deputy Crown
Prince and Trump. (2017, March 15). Al Arabiya. Retrieved from
http://english.alarabiya.net/en/features/2017/03/15/All-what-you-need-to-know-about-the-meeting-between-the-Crown-Prince-and-Trump.htmlฃ
-----------------------------