จุดแข็งกับจุดอ่อนของประชานิยม (populism) มารีน เลอเปน
มารีน เลอเปน (Marie Le Pen) กลายเป็นนักการเมืองแนวหน้าของฝรั่งเศส เป็นที่จับตาของทั่วโลกโดยเฉพาะพวกชาติตะวันตก เนื่องจากการเคลื่อนไหวของพรรค Front National (FN) ภายใต้การนำของ เลอ เปน กำลังสร้างการความเปลี่ยนครั้งใหญ่
จุดแข็งของประชานิยมเลอเปน :
แนวทางการเมืองของ
เลอเปน มีลักษณะประชานิยม (populism)
พยายามดึงประชาชนเข้ามาเป็นแนวร่วม เพื่อต่อต้านระบอบเก่า อาจเป็นระบอบการเมือง
สังคม เศรษฐกิจ นโยบายต่างประเทศบางเรื่อง โลกาภิวัตน์ ขึ้นกับว่าอะไรคือสาเหตุแห่งความทุกข์ยาก
มักเกิดขึ้นในภาวะที่ประชาชนไม่พอใจอย่างยิ่งต่อชีวิตความเป็นอยู่
โทษว่าเป็นความผิดของชนชั้นนำ
สอดคล้องกับงานวิจัยของ
Harris Interactive for the French office of Transparency International เมื่อปี 2016 พบว่าชาวฝรั่งเศสร้อย 54 เห็นว่าชนชั้นปกครองฉ้อฉล เฉพาะกลุ่ม
ส.ส. ส.ว.ฉ้อฉลถึง 3 ใน 4 ประธานาธิบดีกับรัฐบาลมีเหตุอื้อฉาวอยู่เสมอ
การเคลื่อนไหวของพรรค
FN กลายเป็นความหวังของคนฝรั่งเศสจำนวนไม่น้อย คนเหล่านี้อาจไม่เห็นด้วยกับแนวทางของพรรคทุกอย่าง
แต่โดยรวมแล้วเห็นว่าเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
ในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีรอบแรกเมื่อ 24 เมษายนที่ผ่านมา เลอ เปน ได้คะแนนร้อยละ
21.7 มาเป็นที่ 2 รองจาก เอมมานูแอล มาครง (Emmanuel Macron) ที่ได้คะแนนร้อยละ 23.7
ถ้ามองในแง่ดี
เลอเปน มีความคิดเป็นอิสระ ไม่ยึดติดแนวทางเดิม พยายามหาหนทางใหม่ๆ
แม้สวนกระแสความคิดเดิมของสังคม บนพื้นฐานเพื่อประโยชน์สุขของพลเมืองฝรั่งเศส ประกาศต่อต้านกลุ่มอำนาจดั้งเดิม
(anti-establishment) ส่งเสริมสังคมที่ยึดปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
เช่น จะเพิ่มตำรวจอีก 15,000 นาย จัดการหัวหน้ากลุ่มอาชญากรอย่างเด็ดขาด
ขับไล่ชาวต่างชาติผู้กระทำผิดออกนอกประเทศทันที ลดราคาพลังงาน ลดภาษี เพิ่มมาตรการส่งเสริมธุรกิจรายเล็กมากกว่าเน้นรายใหญ่
ฯลฯ
ไม่ว่า
เลอเปน จะชนะการเลือกตั้งปีนี้หรือไม่ พรรค FN
ได้ประกาศให้ชาวโลกรับรู้แล้วว่ากระแสประชานิยมฝรั่งเศสกำลังเติบโต เลอเปน ในวัย
48 ปีสามารถทำงานการเมืองได้อีกนาน เป็นความหวังของชาวฝรั่งเศสหลายคน ช่วงเวลาต่อจากนี้คือการสร้างฐานการเมืองให้เข้มแข็ง ได้ที่นั่ง ส.ส. ส.ว.
เป็นกอบเป็นกำ และพัฒนาเป็นพรรคการเมืองหลักที่ไม่อยู่กับกระแสเท่านั้น
จุดอ่อนของประชานิยมเลอเปน :
แม้มีข้อดีจุดแข็งจำนวนมาก
ประชานิยม เลอเปน มีจุดอ่อนเช่นกัน ดังนี้
ประการแรก
ต่อต้านโลกาภิวัตน์ ใช้ลัทธิปกป้องการค้า
คนฝรั่งเศสบางส่วนเห็นว่าโลกาภิวัตน์ไม่ช่วยให้ชีวิตเขาดีขึ้นและแย่ลงกว่าเดิม
โลกาภิวัตน์ให้ประโยชน์กับเมืองใหญ่ๆ แต่เมืองเล็กๆ ในชนบทห่างไกลเสียประโยชน์
ด้วยเหตุนี้กลุ่มคนที่เสียประโยชน์จึงต่อต้านโลกาภิวัตน์
เลอเปน
ประกาศต่อต้านโลกาภิวัตน์ เสนอแก้ไขด้วยการปกป้องเศรษฐกิจ สนับสนุนชาตินิยม เห็นว่าคนฝรั่งเศสว่างงานเพราะการแย่งงานจากคนต่างด้าว
เสนอใช้หลักคิดให้พลเมืองมีสิทธิ์ในตำแหน่งงานก่อน บริษัทที่จ้างแรงงานต่างด้าวจะต้องเสียภาษีเพิ่ม
(รวมทั้งประเทศที่เป็นสมาชิกอียู) เช่นเดียวกับที่บริษัทใช้ฐานการผลิตต่างประเทศเพื่อผลิตและส่งสินค้ากลับมาขายในประเทศต้องเสียภาษีเพิ่ม
ยกเลิกสิทธิ์คนต่างด้าวที่แต่งงานได้สัญชาติฝรั่งเศสทันที
ความคิดต่อต้านโลกาภิวัตน์ขัดแย้งในตัวเอง
เพราะยอมรับว่าบางเมืองบางคนได้ประโยชน์
ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับทุกประเทศทั่วโลก งานศึกษาต่างๆ พูดตั้งแต่ต้นและย้ำอยู่เสมอว่าแต่ละประเทศต้องปรับตัว
บางภาคส่วนบางกิจการจะได้เปรียบ แต่จะเสียเปรียบในบางภาคส่วนเช่นกัน
ที่ผ่านมาประเทศต่างๆ ล้วนแก้ไขในส่วนที่เสียเปรียบ เช่น
ปรับปรุงให้มีความสามารถแข่งขันมากขึ้น หรือสนับสนุนให้หางานใหม่ๆ
ปลูกหรือผลิตสิ่งที่ประเทศทำได้ดี การต่อต้านโลกาภิวัตน์จึงเป็นการกล่าวโทษอย่างผิดๆ
เพราะไม่ได้ปฏิเสธโลกาภิวัตน์ทั้งหมด เพียงปรับแก้บางส่วนที่เห็นว่าฝรั่งเศสเสียประโยชน์
เป็นคำตอบเดียวกับแนวทางลัทธิปกป้องการค้าของ เลอ เปน
ข้อสรุปคือ
การกล่าวโทษเป็นการพยายามจุดประเด็นให้ฟังดูร้ายแรง ขึงขัง แต่ความจริงแล้วมีทั้งส่วนที่ได้ประโยชน์กับที่เสียประโยชน์
ไม่แตกต่างจากรัฐบาลประเทศอื่นๆ ที่ต้องปรับตัวรับมือโลกาภิวัตน์
การเชื่อมต่อเศรษฐกิจกับนานาชาติ
ประการที่
2 ไม่ต้อนรับผู้อพยพ ปฏิเสธพหุสังคม ต่อต้านมุสลิม
ให้เหตุผลว่ามีผลต่ออัตลักษณ์ชาติ
เกรงว่าจะเกิดความขัดแย้งระหว่างชุมชนที่อัตลักษณ์ต่างกัน
ต้องการสังคมที่ใช้ภาษาเดียว มีวัฒนธรรมเดียว
น่าคิดว่าเป็นการต่อต้านพหุสังคมหรือเลือกปฏิบัติต่อชนบางกลุ่ม เพราะความเป็นฝรั่งเศสมีความหลากหลายอยู่แล้ว
แนวคิดเช่นนี้เป็นการกีดกันตามบริบทเฉพาะหน้า การไม่ต้อนรับผู้อพยพ ปฏิเสธพหุสังคม
สัมพันธ์กับการต่อต้านมุสลิมในระยะนี้
ข้อมูลจาก Central
Intelligence Agency พบว่าฝรั่งเศสมีประชากรทั้งสิ้น
66,836,154 คน (ข้อมูลปี 2016) ประกาศตัวว่านับถือคริสต์ร้อยละ
63-66 อิสลาม 7-9 (ราว 4.7-6 ล้านคน) ไม่นับถือศาสนาใด 23-28
(ที่เหลือนับถือศาสนาอื่นๆ) นักวิชาการบางคนให้ความสำคัญกับการขยายจำนวนของมุสลิมในฝรั่งเศส
ชี้ว่าเป็นประเทศที่มุสลิมเพิ่มจำนวนรวดเร็วที่สุดในหมู่ประเทศยุโรปตะวันตก
ชาวฝรั่งเศสบางคนเห็นว่าวิถีชีวิตของมุสลิมแตกต่างจากพวกตน
ดังที่ เลอ เปน กล่าวว่า “ความเชื่อของคนเหล่านี้ คุณค่า และการปฏิบัติที่ไม่ใช่แบบพวกเรา
คนที่ไม่พักร้อนของฝรั่งเศส”
(คนฝรั่งเศสจะมีช่วงพักร้อนประจำปีกินเวลาหลายสัปดาห์จนถึงเป็นเดือน)
ในอีกวาระกล่าวว่า “เราไม่ต้องการใช้ชีวิตภายใต้กฎหรือการคุกคามจากอิสลามสุดโต่ง (Islamic
fundamentalism) ที่หวังแบ่งแยกชายหญิงในที่สาธารณะด้วยการใส่ผ้าคลุมทั้งตัวหรือบางส่วน
ต้องการห้องอธิษฐานในที่ทำงาน อธิษฐานตามตรอกซอกซอย มีมัสยิดขนาดใหญ่”
เลอเปน มีนโยบายต่อต้านมุสลิมอย่างชัดเจน ปัญหาไม่เฉพาะกีดกันมุสลิมต่างด้าวเท่านั้น
แต่จะเกิดกับชาวฝรั่งเศสโดยตรง เพราะในระยะหลังชาวฝรั่งเศสจำนวนไม่น้อยหันไปนับถืออิสลาม
การกีดกันมุสลิมเห็นได้ชัดว่าขัดแย้งหลักเสรีประชาธิปไตย
ประการที่ 3 ถอนตัวออกจากนาโต
เห็นด้วยกับการถอนตัวจากนาโตหากการเป็นสมาชิกเป็นเหตุให้ถูกลากเข้าไปในสงครามที่ไม่ใช่ของฝรั่งเศส
เช่น การสนับสนุนฝ่ายต่อต้านในลิเบียกับซีเรียเป็นเหตุบั่นทอนสันติภาพโลก
เลอเปน
มีส่วนถูกว่าหลายสงครามที่นาโตเข้าร่วมนั้นเป็นประโยชน์แก่บางประเทศมากกว่าฝรั่งเศส
นโยบายถอนตัวจากนาโตฟังดูดีแต่ยากจะปฏิบัติ
ที่ผ่านมาคนฝรั่งเศสอาจไม่ชอบนโยบายนาโตหลายอย่าง ไม่เห็นด้วยกับหลายสงคราม
ปัญหาอยู่ที่ทางปฏิบัติจะทำได้อย่างไร เพราะสิ่งที่นาโตทำมีทั้งตอบสนองต่อผลประโยชน์ของฝรั่งเศสกับเป็นผลเสีย
จะชั่งน้ำหนักอย่างไร และถ้าถอนตัวแล้วอนาคตหากมีประเด็นที่อยากร่วมมือกับนาโตเมื่อนั้นจะทำอย่างไร
การจะถอนตัวกับการจะเข้าร่วมไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่เหมือนเด็กเล่นขายของ
อยากซื้อก็ซื้อ ไม่อยากซื้อก็ไม่ซื้อ
เลอเปน อาจไม่เข้าใจหรือไม่ยอมอธิบายลงรายละเอียดว่า ถ้าไม่มีนาโตทุกประเทศร่วมมือกันแบบเฉพาะกิจจะมีข้อเสียร้ายแรงคือขาดการประสานพลัง
นาโตเข้มแข็งเพราะความเป็นพันธมิตรก่อให้เกิดความร่วมมือใกล้ชิดต่อเนื่องยาวนาน ทหารร่วมซ้อมรบเป็นประจำ
ประสานงานใกล้ชิดต่อเนื่อง ฯลฯ
การร่วมมือเฉพาะกิจย่อมไม่สามารถประสานพลังเท่ากับการเป็นพันธมิตร ในแง่นี้การถอนตัวออกจากนาโตย่อมบั่นทอนความมั่นคงฝรั่งเศส
แนวคิดถอนตัวออกจากนาโตเป็นตัวอย่างนโยบายประชานิยมอีกข้อที่ฟังดูดี
ราวกับตอบสนองความต้องการ ถ้าจะวิพากษ์ต้องพูดว่าเป็นนโยบายที่เสนอเพื่อเอาใจประชาชนเท่านั้น
แต่จะทำไม่ได้จริง และถ้าทำจริงอาจเป็นผลเสียมากกว่า
ถอยห่างจากประชาธิปไตย มุ่งชาตินิยม :
โดยรวมแล้ว
แนวทางของ เลอเปน คือให้ความสำคัญกับคนในชาติ แม้จะต้องลดความเป็นประชาธิปไตย
หากความเป็นประชาธิปไตยเป็นเหตุบั่นทอนผลประโยชน์ฝรั่งเศส (ตามนิยามของเธอ)
เลอเปน
มักพูดว่าเสรีภาพสำคัญที่สุด แต่เสรีภาพของเธอหมายถึงการกีดกันทุกวัฒนธรรม
ทุกศาสนาที่เห็นว่าไม่ใช่ “ฝรั่งเศส” เสรีภาพเช่นนี้ย่อมไม่ใช่เสรีภาพตามนิยามที่ยึดถือเป็นสากล สังคมที่มีเสรีภาพในการนับถือศาสนา
คำว่าเสรีภาพของ เลอเปน เป็นการนิยามใหม่ เป็นเสรีภาพที่สัมพันธ์กับชาตินิยม เสรีภาพใดๆ
ที่ขัดขวางชาตินิยม สิ่งนั้นไม่เรียกว่าเสรีภาพ
ถ้าวิเคราะห์อย่างถ้วนถี่จะพบว่า
เลอเปน สับสนในตัวเองและไม่มีจุดยืนชัดเจน เนื่องจากสังคมฝรั่งเศสปราศจากนิยามว่าอะไรคือฝรั่งเศส
อะไรไม่ใช่ฝรั่งเศส ดังนั้น ถ้าต้องตัดสินความเป็นฝรั่งเศสจะหมายถึงความคิดเห็นของเธอเองซึ่งอาจสอดคล้องกับความจริงหรือไม่ก็เป็นได้
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือการกีดกันมุสลิม
เพราะเห็นว่าไม่ใช่ฝรั่งเศส ข้อโต้แย้งคือ เลอเปน
ใช้อะไรเป็นฐานความคิดว่ามุสลิมหรืออิสลามไม่ใช่ฝรั่งเศส
เนื่องจากการนับถือศาสนาอิสลามในฝรั่งเศสมีมานานก่อนสถาปนาประเทศฝรั่งเศส
(รัฐสมัยใหม่) ก่อนฝรั่งเศสเป็นประชาธิปไตย มุสลิมหรืออิสลามเป็นส่วนหนึ่งของชาติตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ
จึงไม่สมควรถือว่า
เลอเปน เป็นนักต่อสู้เพื่อเสรีภาพตามนิยามเสรีภาพภายใต้ระบอบประชาธิปไตย
และถ้าจะพูดถึงการเปลี่ยนแปลง ควรยอมรับว่าสังคมฝรั่งเศสกำลังมุ่งสู่ความเป็นประเทศไร้ศาสนา
ดังสถิติที่ชี้ว่าปัจจุบันมีผู้ประกาศตัวว่าไม่นับถือศาสนาใดถึงร้อยละ 23-28
มากกว่ามุสลิม 3-4 เท่าตัว (บนฐานคิดว่าแต่เดิมทุกคนนับถือคริสต์) นั่นหมายความว่า
แม้จำนวนมุสลิมจะเพิ่มมากขึ้นแต่ยังเป็นส่วนน้อยของสังคม
น้อยกว่าพวกไร้ศาสนาหลายเท่าตัว หากไม่ระวังตัวให้ดี อารยธรรมหลักของฝรั่งเศสจะกลายเป็นอายธรรมของพวกไร้ศาสนา
เช่นนี้คือความเป็นฝรั่งเศสตามนิยามของ เลอเปน หรือไม่
30 เมษายน 2017
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 21 ฉบับที่ 7478 วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ.2560)
---------------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง :
การรณรงค์ประชานิยมแต่ละครั้งมีข้อดี-ข้อเสียขึ้นกับแง่มุมมอง
บางครั้งมีข้อดีหลายข้อ บางครั้งมีข้อเสียมากกว่า
ทั้งนี้ขึ้นกับการรณรงค์แต่ละครั้ง โดยรวมแล้วข้อดีคือเป็นอีกช่องทางของประชาชน
ช่วยให้ประชาธิปไตยสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ส่วนข้อเสียคือเป็นการทำลายประชาธิปไตย
ไม่ต่างจากระบอบเดิมที่ไม่ได้ทำเพื่อประชาชนจริงๆ
บรรณานุกรม:
1. Bershidsky, Leonid. (2017, February 10). Think the U.S.
Election Was Dirty? Look at France. Bloomberg. Retrieved from
https://www.bloomberg.com/view/articles/2017-02-10/think-the-u-s-election-was-dirty-look-at-france
2. Central Intelligence Agency. (2016). France. In The
World Factbook. Retrieved from https://www.cia.gov/library/publications/the-world-factbook/geos/fr.html
3. Coman, Julian. (2017, March 26). Marine Le Pen and
Emmanuel Macron face off for the soul of France. The Guardian. Retrieved
from https://www.theguardian.com/world/2017/mar/26/marine-le-pen-emmanuel-macron-french-elections
4. French election: Le Pen hails 'historic' result. (2017,
April 24). Gulf News. Retrieved from
http://gulfnews.com/news/europe/france/french-election-le-pen-hails-historic-result-1.2016052
5. 'French first': This is what a 'President Marine Le Pen'
has in mind for France. (2017, February 10). The Local. Retrieved from
http://www.thelocal.fr/20170210/marine-le-pen-election-france-have-in-mind-for-france-presidency-marine-le-pen
6. Gilpin, Robert G. (2014). Globalization, Civilizations,
and World Order. In Dallmayr, Fred., Kayapınar, M. Akif., & Yaylacı,
Ismail. (Eds.), Civilizations and World Order: Geopolitics and Cultural
Difference (pp.155-168). UK: Lexington Books.
7. Le Pen wants dual nationality ban. (2017, February 10). The
Connexion. Retrieved from
http://www.connexionfrance.com/The%20candidate%20spoke%20of%20stopping%20people%20having%20both%20French%20and%20a%20non-EU%20nationality%20and%20favouring%20the-18876-view-article.html
8. Parvez, Z. Fareen, (2017). Politicizing Islam: The
Islamic Revival in France and India. New York: Oxford University Press.
9. Serhan, Yasmeen. (2017, February 24). Marine Le Pen:
Madame Présidente? The Atlantic. Retrieved from https://www.theatlantic.com/news/archive/2017/02/marine-le-pen-france/517155/
-----------------------------