ตรรกะของรัฐบาลทรัมป์ ใครใช้อาวุธเคมีในซีเรีย
การโจมตีซีเรียด้วยขีปนาวุธเมื่อวันที่
6 เมษายนกลายเป็นข่าวดังต่อเนื่อง ในทางวิชาการเป็นกรณีศึกษาให้เข้าใจนโยบายและการดำเนินนโยบายรัฐบาลทรัมป์
ควรคิดกำหนดล่วงหน้าว่ารัฐบาลนี้จะอยู่อีกอย่างน้อยเกือบ 4
ปีเต็ม มีผลต่อความเป็นไปของโลกไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ
สังคม กระทั่งเรื่องภาวะโลกร้อน เป็นกรณีศึกษาสำคัญช่วยให้เข้าใจระบบความคิด
การใช้ตรรกะ จากการศึกษามีประเด็นสำคัญพร้อมข้อวิพากษ์ ดังนี้
ตรรกะของรัฐบาลทรัมป์ :
ประการแรก
ลงโทษเพราะสังหารพลเรือน ใช้อาวุธเคมี
แถลงการณ์จากประธานาธิบดี
โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) เมื่อวันที่ 6 กล่าวอย่างชัดเจนว่า ผู้นำซีเรีย บาชาร์ อัลอัสซาด (Bashar
al-Assad) โจมตีพลเรือนด้วยอาวุธเคมี ไม่มีข้อโต้เถียงใดๆ
ว่ารัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมี ละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมีของสหประชาชาติ (Chemical
Weapons Convention)
แม้การปราบปรามผู้ก่อการร้ายสำคัญที่สุด
รัฐบาลทรัมป์มีนโยบายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย สนับสนุนฝ่ายต่อต้านสายกลาง สนับสนุนพวกเคิร์ดซีเรีย
ไม่นานนี้ส่งทหารเข้ารบทางภาคพื้นดินนับร้อยนับพันนายเพื่อสนับสนุนฝ่ายต่อต้าน
ประเด็นคือต้องเข้าใจว่าการโจมตีด้วยขีปนาวุธเมื่อวันที่
6 เมษายนเป็นนโยบายใหม่อีกข้อที่แตกต่างนโยบายเดิมๆ
นั่นคือโจมตีกองทัพอัสซาดโดยตรง (แม้กล่าวว่าจะเป็นการโจมตีเพียงครั้งเดียว) เหตุผลหลักคือรัฐบาลอัสซาดใช้อาวุธเคมีโจมตีพลเรือน
ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ หากไม่มีเหตุการณ์ใช้อาวุธเคมีก็จะไม่มีการยิงขีปนาวุธ
รัฐบาลทรัมป์กล่าวโทษรัฐบาลซีเรียละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
แต่การโจมตีซีเรียคือละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ละเมิดกฎบัตรสหประชาติอย่างร้ายแรง
เท่ากับทำสงครามรุกรานซีเรีย ถ้ารัฐบาลทรัมป์ยึดถือกฎหมายระหว่างประเทศจริง
ทำไมไม่นำเรื่องสู่สหประชาชาติ ใช้กลไกของสหประชาชาติ เป็นระบบที่วางไว้เพื่อสันติภาพ
ความมั่นคงโลก
เท่ากับว่ารัฐบาลทรัมป์กำลังเขียนกฎหมายระหว่างประเทศขึ้นใหม่
เขียนเองใช้เอง ลงโทษผู้กระทำผิดด้วยตัวเอง ไม่สนใจว่าประเทศใดหรือใครจะคิดเห็นอย่างไร
ประการที่
2 ถ้ารัฐบาลสหรัฐบอกว่าใช่ก็คือใช่
ถ้ามองจากมุมสหรัฐ
การที่ประธานาธิบดีทรัมป์กล้าออกคำสั่งโจมตีน่าจะมีเหตุผลชอบธรรมรองรับ
ความชอบธรรมนี้รวมถึงเป็นความชอบธรรมที่เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องเท็จ
สร้างเรื่องขึ้นมาเอง
ทำเนียบขาวได้ส่งตัวแทนเจ้าหน้าที่ระดับสูงชี้แจงสื่อ
ย้ำว่าเป็นข้อมูลลับบางส่วนที่เปิดเผยได้ เช่น บัญชีสื่อโซเชียลมีเดีย วีดีโอ
รายงาน ภาพ ตัวอย่างเหยื่อที่รับได้พิษซาริน (sarin)
กับก๊าซทำลายประสาทที่ยังไม่ระบุว่าคือชนิดใด การโจมตีเริ่มเวลา 6.55 น. ตามเวลาท้องถิ่น ด้วยเครื่องบินรบ SU-22
จากฐานบิน Shayrat ของซีเรีย ราว 20
นาทีต่อมาก็เริ่มมีรายงานผู้รับพิษ พิษนั้นไม่ได้มาจากการโจมตีด้วยระเบิดแล้วโดนคลังอาวุธเคมี
ยืนยันว่าหลักฐานที่อ้างถึงไม่ได้สร้างขึ้นเอง รัฐบาลยังคงได้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อยๆ
ดังที่ได้นำเสนอในบทความก่อนว่า
การใช้อาวุธเคมีในซีเรียเป็นเรื่องเก่าที่เกิดขึ้นนับสิบครั้งแล้ว
บางครั้งโทษรัฐบาลอัสซาด บางครั้งโทษฝ่ายต่อต้าน ผู้ก่อการร้าย
การกล่าวหารัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีครั้งที่รัฐบาลโอบามาแสดงความขึงขังมากที่สุดคือ
การใช้ก๊าซซาริน (sarin) เมื่อสิงหาคม 2013
มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,400 ราย ครั้งนั้นรัฐบาลโอบามาชี้แจงว่ามีหลักฐานมากมาย
ทั้งภาพจากดาวเทียม ภาพวีดีโอ สามารถดักฟังการสนทนาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงซีเรียที่พูดว่า
“ยืนยันว่าได้ปล่อยอาวุธเคมีแล้ว" ในตอนนั้นประธานาธิบดีปูตินเรียกร้องให้สหรัฐนำหลักฐานดังกล่าวมาพิสูจน์ในสหประชาชาติ
จากบัดนั้นจนบัดนี้
รัฐบาลสหรัฐไม่เคยแสดงหลักฐานเหล่านั้นเลยไม่ว่าจะต่อสาธารณะหรือต่อสหประชาชาติ
แต่กลายเป็นประเด็นที่มีผลร้ายแรงและสืบเนื่องจนบัดนี้คือ รัฐบาลสหรัฐตั้งแต่โอบามาจนถึงทรัมป์ต่างถือว่ารัฐบาลอัสซาดคือผู้ใช้อาวุธเคมีครั้งนั้น
การจะลงโทษใครเป็นโจรผู้ร้าย ต้องมีพยานหลักฐานที่ศาลยอมรับ ลำพังคำพูดว่าใครเป็นโจรหรือบอกว่ามีหลักฐานแต่ไม่แสดงต่อศาลย่อมไม่นับว่าเป็นหลักฐาน สิ่งที่รัฐบาลโอบามาทำคือพูดอย่างเดียว พูดว่ามีพยานหลักฐานมากมายแต่ไม่ยอมนำมาแสดง
การจะลงโทษใครเป็นโจรผู้ร้าย ต้องมีพยานหลักฐานที่ศาลยอมรับ ลำพังคำพูดว่าใครเป็นโจรหรือบอกว่ามีหลักฐานแต่ไม่แสดงต่อศาลย่อมไม่นับว่าเป็นหลักฐาน สิ่งที่รัฐบาลโอบามาทำคือพูดอย่างเดียว พูดว่ามีพยานหลักฐานมากมายแต่ไม่ยอมนำมาแสดง
เหตุใช้อาวุธครั้งล่าสุดเมื่อ 4 เมษายน
รัฐบาลทรัมป์ยังไม่แสดงหลักฐานให้องค์กรกลางพิสูจน์
คำชี้แจงจากทำเนียบขาวย้ำว่าก๊าซพิษมาจากตัวระเบิด
ไม่ได้เกิดจากระเบิดไปโดนคลังอาวุธเคมี ถ้ารัฐบาลสหรัฐมั่นใจหลักฐานของตนมาก ทำไมจึงไม่ยอมเปิดเผยต่อสาธารณะ
ให้ผู้เชี่ยวชาญสหประชาชาติเข้าตรวจสอบยืนยันหลักฐานเหล่านี้
เพื่อแก้ข้อครหาว่าหลักฐานที่นำเสนอมาจากการสร้างขึ้นมาเองหรือไม่ เช่น
เครื่องบินรบ SU-22 เข้าโจมตีก่อน 7.00
น.ตามเวลาท้องถิ่น
พฤติกรรมเช่นนี้เท่ากับว่าขอเพียงรัฐบาลทรัมป์คิดว่าเป็นเช่นไร
ควรทำอย่างไร ก็จะลงมือกระทำตามที่ตนเห็นชอบ
และสรุปเอาเองว่ามีความชอบธรรมที่จะทำเช่นนั้น เช่นนี้ควรนับว่าเป็นพฤติกรรมของประเทศอารยะหรือ
ประการที่
3 ตายด้วยอาวุธเคมีเป็นเรื่องต้องห้าม
สงครามกลางเมือง
6 ปี มีผู้เสียชีวิต 2
แสนกว่ารายและยังคงเพิ่มสูงขึ้น แม้กองทัพอัสซาดจะพยายามทำสงครามกับกองกำลังฝ่ายต่อต้าน
ผู้ก่อการร้าย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าพลเรือนคือเหยื่อของสงครามกลางเมือง ความจริงคือราวกึ่งหนึ่งของผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นพลเรือน
ในจำนวนนี้เป็นเด็กกว่าหมื่นคน ยอดผู้เสียชีวิตรวมถึงผู้เสียชีวิตจากอาวุธเคมีที่กล่าวหาไปมานับสิบๆ
ครั้ง
รัฐบาลโอบามาประกาศว่าต้องโค่นล้มระบอบอัสซาดด้วยเหตุผลหลักคือ
รัฐบาลอำนาจนิยมอัสซาดปราบปรามและเข่นฆ่าประชาชนที่ชุมนุมอย่างสงบ
จึงสนับสนุนฝ่ายต่อต้านสายกลาง กลายเป็นสงครามยืดเยื้อ
ในช่วงหาเสียงทรัมป์ยอมรับการคงอยู่ของระบอบอัสซาด
เพราะเห็นว่าภัยคุกคามที่ร้ายแรงกว่าคือผู้ก่อการร้าย IS/ISIL/ISIS ไม่ใช่ระบอบอัสซาด
แต่เมื่อเกิดเหตุใช้อาวุธเคมี 4 เมษายน
มีผู้เสียชีวิตราว 80 ราย เป็นเด็กเกือบ 30 ราย ประธานาธิบดีทรัมป์ถึงกับกล่าวว่าต้องเปลี่ยนนโยบายแล้ว
สั่งโจมตีฐานบิน เป็นการเตือนไม่ให้ใช้อาวุธเคมีอีก รับไม่ได้ที่เห็นเด็กๆ
ผู้บริสุทธิ์ต้องจบชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน
คำถามคือ
สิ่งที่ทำช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตหรือไม่ ช่วยยุติสงครามกลางหรือไม่ ถ้ายังยืนยันสนับสนุนฝ่ายต่อต้านทำสงครามล้มรัฐบาล
สงครามจะดำเนินต่อไป ผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก
ไม่ว่าจะเสียชีวิตด้วยอาวุธเคมีหรือด้วยวิธีอื่นใด
ตรรกะของทรัมป์คือการเสียชีวิตด้วยก๊าซพิษน่าสงสารกว่าการตายด้วยวิธีอื่น
คนซีเรียจะตายได้วิธีการใดก็ได้ ขอเพียงไม่ตายด้วยอาวุธเคมี
จะตายเพิ่มอีกกี่หมื่นกี่แสนก็ได้
ขอย้ำอีกครั้งว่าถ้าไม่ตายด้วยอาวุธเคมีก็เป็นเรื่องยอมรับได้
นี่คือตรรกะอันแปลกประหลาดของรัฐบาลทรัมป์
ผลของการใช้ตรรกะแบบทรัมป์ :
บางคนอาจคิดว่าการโจมตีเพื่อตอบสนองเป้าหมายระยะสั้น ซึ่งน่าจะเป็นเช่นนั้น
ในอีกมุมหนึ่ง ผลการโจมตีไม่ใช่เรื่องที่ผ่านมาแล้วผ่านไป มีผลสืบเนื่องระยะยาว
ดังนี้
ประการแรก
ยืนยันฝ่ายเดียวต่อเนื่อง
เรื่องแปลกแต่จริงคือ
แม้ปากจะบอกว่ามีหลักฐานมากมาย มีข้อสรุปชัดเจนว่ารัฐบาลอัสซาดใช้อาวุธเคมี
แต่ไม่ยอมแสดงหลักฐาน สวนทางกับความเห็นบางประเทศ ความคิดเห็นของหลายคน
ได้แต่พูดยืนยันอยู่เรื่อยๆ พฤติกรรมเช่นนี้จึงเป็นการ
"ยืนยันฝ่ายเดียว" อย่างต่อเนื่อง
เริ่มจากรัฐบาลโอบามา บัดนี้คือรัฐบาลทรัมป์ รวมเป็น 2 รัฐบาลแล้ว
ประการที่ 2 ลดทอนบทบาทสหประชาชาติ
ถ้าเทียบกับกรณีอิรัก
อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (weapons of mass destruction: WMD) กลายเป็นประเด็นสำคัญตั้งแต่หลังสงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งแรก
(1990-1991) ในสมัยของประธานาธิบดีจอร์จ เอช.เอ็ม. บุช (George H. W. Bush
- บิดาของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช)
คณะมนตรีความมั่นคงมีมติให้อิรักต้องปลอด WMD ทุกชนิด
เนื่องจากมีเรื่องการตรวจสอบ WMD
จากคณะมนตรีความมั่นคง และดำเนินเรื่อยมาหลายปี จึงกลายเป็นประเด็นเมื่อได้ข้อสรุปที่ทุกฝ่ายยอมรับว่าอิรักไม่มี
WMD ตามที่รัฐบาลจอร์จ ดับเบิลยู. บุชกล่าวอ้าง รัฐบาลสหรัฐหลอกลวงประชาคมโลกด้วยหลักฐานที่เชื่อถือไม่ได้
ทำให้หลงเชื่อเช่นนั้น
แต่เรื่องการใช้อาวุธเคมีในซีเรีย
รัฐบาลสหรัฐพยายามลดทอนการตรวจสอบจากสหประชาชาติ เมื่อเกิดเหตุใช้อาวุธเคมีล่าสุดคือโจมตีทันที
ไม่ต้องรอการพิสูจน์จากสหประชาชาติ
ประการที่
3 สร้างนโยบายจากความเท็จ
ไม่ว่าประเทศอื่น
คนอื่นๆ ในโลกจะคิดเห็นอย่างไร รัฐบาลสหรัฐยืนยันความคิดความเข้าใจของตนเองว่ารัฐบาลอัสซาดใช้อาวุธเคมี
(รัฐบาลทรัมป์อ้างการใช้สมัยสมัยโอบามาด้วย) และรัฐบาลสหรัฐจะเอ่ยถึงเรื่องนี้เสมอ
เมื่อให้เหตุผลว่าทำไมรัฐบาลอัสซาดจึงเป็นภัยคุกคามต่อประเทศตนเอง ต่อภูมิภาคและโลก
นี่คือการสร้างนโยบาย การดำเนินโยบายของรัฐบาลสหรัฐในกรณีซีเรีย
ณ
ช่วงนี้รัฐบาลทรัมป์กล่าวว่าไม่คิดจะโจมตีกองทัพซีเรียอีก
ไม่คิดโค่นล้มรัฐบาลอัสซาดด้วยกำลัง แต่ไม่มีใครประกันว่ารัฐบาลสหรัฐจะถือเช่นนี้ตลอดไป
เมื่อถึงวันนั้นจะยกเหตุผลที่ต้องทำสงครามล้มล้างรัฐบาลซีเรียด้วยสารพัดเรื่อง
หนึ่งในนั้นคือรัฐบาลซีเรียเคยใช้อาวุธเคมี
ประธานาธิบดีโอบามาอาจคิดว่าสามารถหลีกเลี่ยงส่งทหารอเมริกันไปรบในสมรภูมิซีเรีย
ประธานาธิบดีทรัมป์อาจคิดว่าการถล่มด้วยขีปนาวุธ 60
ลูกไม่น่าจะมีผลอะไรมาก แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น สิ่งที่ทำกลายเป็นการตอกย้ำว่าต้องกำจัดรัฐบาลอัสซาดให้จงได้
ไม่ว่าศึกนี้จะต้องยืดเยื้ออีกกี่ปี คนต้องตายเพิ่มอีกกี่แสน
16 เมษายน 2017
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 21 ฉบับที่ 7464 วันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน พ.ศ.2560)
--------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง :
2 วันหลังข่าวการใช้อาวุธเคมีที่ Idlib ทางตอนเหนือของซีเรีย มีผู้เสียชีวิตราว 80 ราย
รัฐบาลทรัมป์สรุปทันทีว่าคือฝีมือของกองทัพรัฐบาลซีเรีย
จึงโจมตีสนามบินแห่งหนึ่งด้วยขีปนาวุธ
เรื่องสำคัญและร้ายแรงคือประธานาธิบดีทรัมป์สั่งการทั้งๆ
ที่ไม่มีหลักฐานว่าใครเป็นผู้ใช้อาวุธเคมี พยายามอธิบายให้เห็นภาพเด็กๆ
ผู้บริสุทธิ์ที่ต้องจบชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน
ไม่คำนึงว่าการโจมตีของตนละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ
กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ว่าสหรัฐสามารถโจมตีประเทศใดๆ ก็ได้โดยไม่ต้องมีหลักฐาน
ไม่ต้องมีเหตุผลที่นานาชาติยอมรับ
บรรณานุกรม:
1. About 2 millions and half killed and wounded since the
beginning of the Syrian Revolution. (2015, October 16). Syrian Observatory for
Human Rights. Retrieved from
http://www.syriahr.com/en/2015/10/about-20-millions-and-half-killed-and-wounded-since-the-beginning-of-the-syrian-revolution/
2. Braude, Joseph. (2003). The New Iraq. New York :
Basic Book.
3. Chulov, Martin., Shaheen, Kareem.
(2017, April 5). Syria chemical weapons attack toll rises to 70 as Russian
narrative dismissed. The Guardian. Retrieved from https://www.theguardian.com/world/2017/apr/04/syria-chemical-attack-idlib-province
4. Diamond, Jeremy. (2015, October 25). Trump: World would
be '100%' better with Hussein, Gadhafi in power. CNN. Retrieved from http://edition.cnn.com/2015/10/25/politics/donald-trump-moammar-gadhafi-saddam-hussein/
5. Remarks by President Obama in Address to the United
Nations General Assembly. (2013, September 24). The White House. Retrieved
from http://www.whitehouse.gov/the-press-office/2013/09/24/remarks-president-obama-address-united-nations-general-assembly
6. Russia's Vladimir Putin challenges US on Syria claims.
(2013, August 31). BBC. Retrieved from http://www.bbc.co.uk/news/world-middle-east-23911833
7. Starr, Barbara. (2017, April 13). US intelligence
intercepted communications between Syrian military and chemical experts. CNN.
Retrieved from http://edition.cnn.com/2017/04/12/politics/us-intelligence-syrian-chemical-weapons/index.html
8. The White House. (2013, August 21). “Government
Assessment of the Syrian Government’s Use of Chemical Weapons on August 21,
2013”. Retrieved from http://www.whitehouse.gov/the-press-office/2013/08/30/government-assessment-syrian-government-s-use-chemical-weapons-august-21
9. The White House. (2017, April 6). Statement by President
Trump on Syria. Retrieved from
https://www.whitehouse.gov/the-press-office/2017/04/06/statement-president-trump-syria
10. The White House. (2017, April 11). Background Press
Briefing on Syria, 4/11/2017. Retrieved from
https://www.whitehouse.gov/the-press-office/2017/04/11/background-press-briefing-syria-4112017
11. Trump details ‘America first’ foreign policy views,
threatening to withdraw troops from Japan, South Korea. (2016, March 27). The
Japan Times. Retrieved from
http://www.japantimes.co.jp/news/2016/03/27/world/politics-diplomacy-world/trump-details-america-first-foreign-policy-views-threatening-withdraw-troops-japan-south-korea/#.Vvh-wtJ97IV
-----------------------------