วิสัยทัศน์ความมั่นคงเอเชียแปซิฟิกของลี เซียนลุง
ในการประชุมแชงกรี-ลา (Shangri-La Dialogue) ประจำปี 2015 ลี เซียนลุง (Lee Hsien Loong) นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ฉายภาพสถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิก มีใจความสำคัญว่าปัจจุบันสหรัฐกับจีนเป็นตัวแสดงหลัก สหรัฐยังคงเป็นอำนาจนำ กองกำลังสหรัฐในภูมิภาคเป็นปัจจัยสร้างเสถียรภาพที่สำคัญ ผลประโยชน์หลักในเอเชียยังคงเช่นเดิม นั่นคือหวังให้ภูมิภาคมีเสถียรภาพ เปิดโอกาสทางธุรกิจแก่ทุกประเทศ จัดระเบียบภูมิภาคที่ชาติมหาอำนาจสามารถพัวพันอย่างสร้างสรรค์ หลายประเทศเห็นดีกับนโยบายของสหรัฐรวมทั้งสิงคโปร์
ผลประโยชน์ของสหรัฐเพิ่มขึ้นพร้อมกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชีย
สอดคล้องกับที่รัฐบาลโอบามาเพิ่มความสำคัญ
อย่างไรก็ตามยุทธศาสตร์ปรับสมดุลกำลังเปลี่ยนแปลง
จีนกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นคู่ค้าอันดับแรกหรืออันดับ
2 ของเกือบทุกประเทศในเอเชียแปซิฟิก เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์
และสหรัฐ จีนพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันกับประเทศอื่นๆ มากขึ้นทุกที
ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ ตลาด เทคโนโลยีและการลงทุน
ในขณะเดียวกันจีนปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัย ต้องการมีกองเรือที่ทรงอานุภาพ
อย่างไรก็ตามจีนยังคงก้าวขึ้นมาอย่างสันติ ดูได้จากความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีน
ความสัมพันธ์ 2 ประเทศไม่เหมือนสมัยสงครามเย็น มีการแข่งขันกัน
แต่พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันในหลายด้านและมีโอกาสที่จะได้ผลประโยชน์ร่วม จีนเป็นคู่ค้าอันดับ
2 ของสหรัฐและเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ด้วย ด้านสหรัฐเป็นแหล่งเทคโนโลยีและแนวคิดของจีน
คนจีนราว 1 ใน 4 ล้านคนกำลังศึกษาในสหรัฐ รวมทั้งบุตรหลานของชนชั้นปกครอง
ทั้งสหรัฐกับจีนต่างร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาระดับโลก เช่น
การแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์และภาวะโลกร้อน
ชาติเอเชียทุกประเทศหวังความสัมพันธ์สหรัฐ – จีนจะราบรื่น
ไม่มีชาติใดต้องการเลือกข้าง ทุกประเทศดีใจที่เห็นรัฐบาลทั้ง 2
ร่วมมือกันแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งๆ ที่ต่างมีแรงกดดัน
เกิดเหตุตึงเครียดที่ไม่คาดฝัน
จึงเป็นสัญญาณที่ดีเมื่อสหรัฐกับจีนเห็นว่ามหาสมุทรแปซิฟิกกว้างใหญ่พอสำหรับทั้งคู่
ซึ่งหมายถึงทั้งคู่จะมีส่วนร่วมและแข่งขันโดยสันติ ร่วมกันแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
ไม่สร้างแรงตึงเครียด อีกทั้งไม่ใช่การแบ่งมหาสมุทรแปซิฟิกออกเป็น 2 ขั้ว
ประเทศทั้งหลายอยู่ในสถานการณ์ต้องเลือกข้าง
เสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งระหว่างขั้ว
รูปแบบการแข่งขันที่ควรจะเป็น :
ถ้าพูดอย่างมองโลกตามความจริง
การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประเด็นคือเป็นการแข่งขันแบบใด
รูปแบบหนึ่งคือการแข่งขันที่อยู่ในกรอบกติกาและบรรทัดฐานระหว่างประเทศ
จีนคือกรณีตัวอย่างที่แสวงหาความร่วมมือ สร้างมิตรภาพกับทุกประเทศในเอเชีย
ดำเนินนโยบายสร้างแนวเขตเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม ก่อตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย
(Asian Infrastructure Investment Bank: AIIB) AIIB เสริมสร้างอิทธิพลระดับโลกแก่จีน
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอบสนองความต้องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ความต้องการเงินทุนของประเทศในภูมิภาค
เป็นกรณีตัวอย่างว่าจีนสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ AIIB ไม่ต่างจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือธนาคารโลก
หรือการที่ญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญในธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development
Bank: ADB)
นี่เป็นนโยบายที่ชอบธรรม สร้างสรรค์ สิงคโปร์จึงสนับสนุน AIIB และเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายประเทศเข้าร่วมเป็นสมาชิกก่อตั้ง
ซึ่งรวมถึงอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ออสเตรเลียและอื่นๆ
ในทำนองเดียวกัน สหรัฐปรับสมดุลด้วยการเข้าพัวพันเอเชียมากกว่าอดีต หนึ่งในนโยบายสำคัญคือ ความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Strategic Economic Partnership Agreement: TPP) ประธานาธิบดีโอบามาให้ความสำคัญ พยายามผลักดันอย่างหนัก ปัจจุบันสภาผู้แทนราษฏรกำลังพิจารณาหลังผ่านชั้นวุฒิสภา ประเทศคู่เจรจาทั้งหลายหวังว่าจะผ่านการพิจารณาเช่นกัน เพราะเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ก้อนโตที่จะได้ หากการเจรจาบรรลุผลความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับหลายประเทศในแถบแปซิฟิกจะลงลึกกว่าเดิมมาก แต่หากล้มเหลวจะกระทบต่อความเชื่อมั่นทั้งต่อสหรัฐ เอเชียและทั่วโลก
ในทำนองเดียวกัน สหรัฐปรับสมดุลด้วยการเข้าพัวพันเอเชียมากกว่าอดีต หนึ่งในนโยบายสำคัญคือ ความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Strategic Economic Partnership Agreement: TPP) ประธานาธิบดีโอบามาให้ความสำคัญ พยายามผลักดันอย่างหนัก ปัจจุบันสภาผู้แทนราษฏรกำลังพิจารณาหลังผ่านชั้นวุฒิสภา ประเทศคู่เจรจาทั้งหลายหวังว่าจะผ่านการพิจารณาเช่นกัน เพราะเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ก้อนโตที่จะได้ หากการเจรจาบรรลุผลความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับหลายประเทศในแถบแปซิฟิกจะลงลึกกว่าเดิมมาก แต่หากล้มเหลวจะกระทบต่อความเชื่อมั่นทั้งต่อสหรัฐ เอเชียและทั่วโลก
นอกจากนี้ สิงคโปร์หวังว่าสักวันหนึ่งสหรัฐจะเข้าร่วม AIIB เช่นเดียวกับที่จีนเข้าร่วม TPP
รูปแบบการแข่งขันอีกแนวทางหนึ่ง
สามารถอธิบายด้วยการยกประเด็นข้อพิพาทเหนือดินแดนและน่านน้ำในทะเลจีนตะวันออกกับทะเลจีนใต้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาข้อพิพาททำนองนี้ทวีความรุนแรง
เครื่องบินกับเรือรบบินฉวัดเฉวียนรอบหมู่เกาะเซนกากุ/เตียวหยู
ตามตะเข็บพรมแดนระหว่างจีนกับญี่ปุ่น
ผู้อ้างความเป็นเจ้าของโดยฝ่ายเดียวในพื้นที่พิพาททำการขุดเจาะหาน้ำมันกับก๊าซ
ก่อสร้างฐานปฏิบัติการ เพิ่มทหารประจำการ
การยั่วยุก่อให้เกิดการตอบโต้ สหรัฐตอบโต้ด้วยการส่งเรือและเครื่องบินแล่นเข้าใกล้พื้นที่พิพาทมากกว่าเดิม
เป็นการส่งสัญญาณไม่ยอมรับการอ้างอธิปไตยเหนือทะเลจีนใต้โดยฝ่ายเดียว
ต่างฝ่ายต่างรู้สึกถูกบังคับให้ตอบโต้อีกฝ่าย เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตน
ประเด็นคือทุกประเทศในภูมิภาคจะเป็นฝ่ายเสียหายหากความมั่นคงและเสถียรภาพของภูมิภาคถูกคุกคาม
เพราะเส้นทางเดินเรือและสายการบินหลักต่างต้องผ่านทะเลจีนใต้
ทุกประเทศต้องทำการค้าผ่านเส้นทางทะเลจีนใต้
แม้กระทั่งรัฐที่ได้ประโยชน์จากการเดินเรือและการบินโดยเสรีในย่านนี้
ไม่มีชาติใดสามารถถอนการอ้างกรรมสิทธิ์โดยไม่สูญเสียคะแนนนิยมทางการเมือง
แต่ผลของการอ้างกรรมสิทธิ์คือทุกประเทศจะยึดมั่นในจุดยืน การแก้ข้อพิพาทยุ่งยากกว่าเดิม
ข้อพิพาททางทะเลเหล่านี้ไม่น่าจะมีทางออกในเร็ววัน
แต่สามารถและควรจะจัดการควบคุม ป้องกันไม่ให้ทวีความตึงเครียด เกิดผลร้ายต่างๆ
จีนกับอาเซียนควรเร่งสรุป
“แนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้” (Code of Conduct for the South China Sea หรือ COC) เพื่อทำลายวัฏจักรอันเลวร้ายและไม่ปล่อยให้ข้อพิพาททำลายความสัมพันธ์ตามแนวชายแดน
ทางที่ดีที่สุดคือทุกประเทศปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล
(United Nations Convention on the Law of the Sea หรือ UNCLOS)
ในทางกลับกัน หากเกิดเหตุปะทะจะเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก ไม่ว่าจะเกิดขึ้นด้วยความตั้งใจหรืออุบัติเหตุ
ถ้าหลีกเลี่ยงการปะทะแต่ยังใช้หลักอำนาจคือความถูกต้อง (might is right) จะเกิดสถานการณ์ที่อยู่ไม่เป็นสุขและไม่ยั่งยืน
ในระยะยาวแล้ว
เสถียรภาพของภูมิภาคไม่อาจดำรงด้วยการมีกำลังที่เหนือกว่า
ต้องมาจากการเห็นร่วมและความชอบธรรมจากประชาคมโลกร่วมกับสมดุลอำนาจ
ความร่วมมือระดับภูมิภาค :
50 ปีก่อนยังไม่มีใครเอ่ยถึงความร่วมมือ การรวมตัวระดับภูมิภาค ณ
ขณะนั้นการเป็นอาณานิคมเพิ่งสิ้นสุด มีประเทศเกิดใหม่หลายประเทศ
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมักเป็นการสัมพันธ์กับประเทศที่พัฒนาแล้ว
โดยเฉพาะอดีตเจ้าอาณานิคม ความร่วมมือด้านความมั่นคงสัมพันธ์กับสงครามเย็น
เกิดสงครามเกาหลี ความตึงเครียดระหว่างจีนกับไต้หวัน เกิดสงครามเวียดนาม มาเลเซีย
อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ไม่ลงรอยกัน
ทุกวันนี้คาบสมุทรเกาหลียังเป็นปัญหา
แต่ความตึงเครียดระหว่างจีนกับไต้หวันลดน้อยลงมาก การค้าระหว่างภูมิภาคเพิ่มขึ้น
เหตุผลหลักมาจากการค้ากับจีน
การค้าระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้นด้วย
เฉพาะระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่นในเวลา 10 ปี เพิ่มขึ้นเท่าตัว ส่วนการค้าระหว่างอาเซียนกับเกาหลีเพิ่มถึง
5 เท่า
นั่นหมายความว่าภูมิภาคต่างๆ
กำลังเข้าหากันมากขึ้น ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประเทศที่อดีตเป็นอริปัจจุบันกลายเป็นส่วนหนึ่งของอาเซียน ด้วยสัมพันธ์ที่ลงลึกและเร่งการรวมตัว
อาเซียนมีแผนที่จะร่วมมือ สร้างโอกาสที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์
เป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจใกล้ชิดกว่าเดิม
กลายเป็นประชาคมอาเซียนในสิ้นเดือนธันวาคมนี้
และร่วมกันจัดการปัญหาที่กระทบภูมิภาค
อาเซียนแสดงบทบาทนำในการสร้างโครงข่ายความร่วมมือ
ครอบคลุมประเทศในเอเชียใต้ เอเชียตะวันออก ออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์ และประเทศอื่นๆ
ในเอเชียแปซิฟิก หนึ่งในรูปแบบความร่วมมือคือ การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
(ASEAN Regional Forum: ARF) การประชุมช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันแม้เป็นประเทศคู่อริ
การประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา (ADMM-PLUS) เปิดโอกาสให้เกิดการพูดคุยในเรื่องความมั่นคงโดยตรง
เสริมสร้างความไว้วางใจต่อกัน
การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก
(East Asia Summit: EAS) เป็นอีกความริเริ่มของอาเซียน
เอื้อให้ความร่วมมือระดับภูมิภาคขยายตัว เนื่องจากเพิ่มสมาชิกอีกหลายประเทศ ได้แก่
อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รัสเซียและสหรัฐ ร่วมกับประเทศอื่นๆ
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก (จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้) EAS
จึงรวมประเทศที่อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกทั้ง 2 ฝั่งเข้าด้วยกัน
ลดความเสี่ยงที่จะเกิดขั้วเอเชียตะวันออกที่แยกมหาสมุทรแปซิฟิกออกจากกัน
การรวมกลุ่มไม่ได้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
ยังมีงานที่ต้องทำ มีความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ต้องจัดการ
แต่ละประเทศจัดลำดับความสำคัญแตกต่างกัน บางประเทศหวังตอบสนองกระแสชาตินิยม ผลักดันเรื่องความพอเพียงมากกว่าการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
บางประเทศยุ่งอยู่กับการเปลี่ยนแปลง พัฒนาทางการเมืองภายใน
ทำให้รัฐบาลลดความสนใจต่อประเด็นภูมิภาค
อนาคตอีก 50 ปีข้างหน้า :
ในอนาคตอาเซียนควรเป็นตัวแสดงที่มีประสิทธิภาพและเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน
ช่องว่างการพัฒนาของกลุ่มประเทศอินโดจีนลดน้อยลง ชาติสมาชิกผูกพันใกล้ชิดยิ่งกว่าเดิม
ข้าพเจ้าคาดว่าสหรัฐ จีนและญี่ปุ่นยังคงเป็นมหาอำนาจ อินเดียจะมีบทบาทมากขึ้น
หวังว่าระบบการค้าโลกจะยังคงเป็นแบบเปิด
เอเชียแปซิฟิกใช้ระบบการค้าเสรีแทนข้อตกลงการค้าปัจจุบันที่มีมากมายหลากหลาย
ไม่ควรเป็นระบบโลกที่ยึดหลัก “อำนาจคือความถูกต้อง”
ประเทศที่เข้มแข็งกว่าสามารถทำอะไรก็ได้ในขณะที่ประเทศอ่อนแอกว่าต้องทนทุกข์
ควรเป็นโลกที่การสัมพันธ์ด้วยความชอบธรรมและสร้างสรรค์เป็นบรรทัดฐานระหว่างประเทศ
ทุกประเทศไม่ว่าใหญ่หรือเล็กสามารถเจริญมั่งคั่งบนแนวทางสันติ
ไม่มีแผนที่ใดนำทางสู่ภาพแห่งอนาคตดังกล่าว อนาคตไม่เป็นเส้นตรง
แต่ถ้าเราอดใจไม่ยึดประโยชน์ระยะสั้น มุ่งมองผลประโยชน์ร่วมระยะยาว
พยายามแสวงหาระเบียบโลกที่มีสันติ เปิดกว้าง และรวมทุกประเทศเข้าด้วยกัน
เราจะสามารถสร้างความมั่นใจและความไว้เนื้อเชื่อใจทีละขั้น มีโอกาสที่ในอีก 50
ปีข้างหน้าจะเป็นโลกที่มีเสถียรภาพ เจริญมั่งคั่งและก้าวสูงขึ้นไป
7 มิถุนายน 2015
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 19 ฉบับที่ 6787 วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2558)
-------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง :
หลังการหารือระหว่างรัฐบาลโอบามากับอาเบะอยู่นานนับปี
ในที่สุดความสัมพันธ์ความมั่นคงทางทหารก็ปรากฏหลักฐานชัดเจนอีกครั้งด้วยแผนความร่วมมือด้านความมั่นคงฉบับใหม่ชื่อว่า
“แผนความร่วมมือป้องกันประเทศสหรัฐ-ญี่ปุ่นด้านความมั่นคง” บัดนี้
“กองกำลังป้องกันตนเอง” ญี่ปุ่นมีเป้าหมายออกไปปฏิบัติการทั่วโลกร่วมกับกองทัพอเมริกัน
บางคนอาจตั้งคำถามว่าพื้นที่หรือสมรภูมิใดจะเป็นแห่งแรกที่กองทัพญี่ปุ่นจะออกไป
“ป้องกันตนเองร่วม”
การวิพากษ์ Pivot to Asia หรือยุทธศาสตร์ปักหมุดเอเชียสามารถทำได้หลายรูปแบบ
มองในหลายแง่มุม
งานเขียนชิ้นนี้ชี้จุดอ่อนของยุทธศาสตร์ผ่านประเด็นความขัดแย้งระหว่างญี่ปุ่น-เกาหลีใต้
เป็นความขัดแย้งจากผลพวงของประวัติศาสตร์
กลายเป็นรอยร้าวที่ยากจะแก้ไขภายใต้บริบทปัจจุบัน
เนื่องจากเป็นเรื่องที่ยอมให้กันไม่ได้
ต้องตอบสนองความคาดหวังจากการเมืองภายในของแต่ละประเทศ
เกิดการแก้เกมแบบชิงไหวชิงพริบ
นำสู่คำตอบว่าทำไมยุทธศาสตร์ปักหมุดเอเชียจึงอ่อนกำลัง ไม่ได้ผลตามเป้าหมาย
ในอนาคตจะต้องปรับแก้ยุทธศาสตร์หากรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการหวังผลอย่างจริงจัง
ประเด็นสำคัญอยู่ที่จะต้องหาพันธมิตรเพิ่ม
หรือทำให้ประเทศเหล่านั้นถอยห่างจากจีนมากขึ้น
ซึ่งในกรอบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกก็มีเพียงไม่กี่ประเทศดังปรากฏบนแผนที่
สนใจอีบุ๊ค คลิกที่รูป |
บรรณานุกรม :
1. Lee Hsien Loong. (2015, May 29). Keynote Address:
Lee Hsien Loong. IISS Shangri-La Dialogue 2015. Retrieved from
https://www.iiss.org/en/events/shangri%20la%20dialogue/archive/shangri-la-dialogue-2015-862b/opening-remarks-and-keynote-address-6729/keynote-address-a51f