ข้อพึงระวังตีความเหตุการณ์ ‘ชาร์ลีเอบโด’
เหตุผู้ก่อการร้ายจำนวนหนึ่งเข้าโจมตีสำนักพิมพ์นิตยสารชาร์ลีเอบโด
(Charlie Hebdo) ที่เขียนลบหลู่อิสลามเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมากลายเป็นข่าวใหญ่ทั่วโลก
ในกระแสวิพากษ์วิจารณ์มีการพูดกันหลายแง่หลายมุม บ้างโจมตีมุสลิม บ้างโจมตีชาติตะวันตก
อิสราเอล ส่อเค้าเพิ่มความบาดหมางระหว่างกลุ่มคนที่เห็นต่าง
ในการวิพากษ์วิจารณ์มีเรื่องที่ควรระวัง
ดังนี้
ประเด็นแรก เป็นการโจมตีประเทศฝรั่งเศส ระบบประชาธิปไตย ไม่ใช่เรื่องศาสนา
เรื่องที่ต้องระวังยิ่งยวดคือกลายเป็นสงครามระหว่างมุสลิมกับคนที่ไม่ใช่มุสลิม
Nasser bin Ali al-Ansi ผู้นำอัลกออิดะห์ในเยเมนที่ชื่อ Organization of al-Qaeda al-Jihad
in the Arabian Peninsula (AQAP)
ประกาศว่าเหตุก่อการร้าย “ชาร์ลีเอบโด”
เป็นคำสั่งโดยตรงจากผู้นำอัลกออิดะห์คนปัจจุบัน หรือ Ayman al-Zawahiri เพื่อแก้แค้นทางศาสนา
ถ้าเชื่อคำอ้างของผู้นำอัลกออิดะห์
การโจมตีครั้งนี้ไม่ได้มุ่ง “ชาร์ลีเอบโด” เท่านั้น
พยายามชี้ว่าเป็นเรื่องของศาสนา ตามอุดมการณ์ของพวกอัลกออิดะห์
แต่ความจริงแล้ว
ถ้าอ้างว่าเป็นอัลกออิดะห์ น่าจะเป็นเรื่องความขัดแย้งเก่า การต่อสู้ที่ยังดำเนินไปเรื่อยๆ
ระหว่างกลุ่มก่อการร้ายกับชาติตะวันตก ไม่เกี่ยวข้องกับมุสลิมหรือศาสนาแต่อย่างไร การหยิบยกประเด็น
“ชาร์ลีเอบโด” เป็นเพียงข้ออ้างหรือตัวจุดประเด็นเท่านั้น ไม่ว่า “ชาร์ลีเอบโด”
จะลบหลู่อิสลามหรือไม่ อัลกออิดะห์ก็มุ่งทำลายชาติตะวันตกอยู่ดี
ถ้ายึดถือข้อมูลข้างต้น
คู่กรณีหลักจึงเป็นอัลกออิดะห์กับรัฐบาลชาติตะวันตก เป็นความขัดแย้งเก่าที่ดำเนินเรื่อยมา
ผลจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
มุสลิมในฝรั่งเศสหลายคนถูกคุกคาม ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย
ต้องตระหนักว่าพวกสุดโต่งเหล่านี้แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่มุสลิม
แม้พวกเขาจะแต่งตัวเหมือนมุสลิม ละหมาดเหมือนมุสลิมก็ตาม
Imade Annouri ผู้นำศาสนาคนหนึ่งกล่าวว่า
“มุสลิมทุกคนรู้สึกไม่สบายใจ เหมือนกับถูกคุกคาม กลัวที่จะถูกใส่ร้ายป้ายสี [ว่าเป็นผู้ก่อการร้าย] และอาจถูกทำร้าย”
นายโลรองต์ ฟาบิอุส (Laurent Fabius) รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส เตือนว่าอย่ามองว่ามุสลิมฝรั่งเศสเป็นพวกผู้ก่อการร้าย
“ศาสนาของผู้ก่อการร้ายไม่ใช่อิสลามที่พวกเขาทรยศ”
คำกล่าวของรัฐมนตรีฟาบิอุสตอกย้ำการแยกมุสลิมออกจากผู้ก่อการร้าย
Patrick
Mennucci นักการเมืองสายสังคมนิยมกล่าวว่า มีมุสลิมในฝรั่งเศสราว 5-6
ล้านคน แต่มีผู้ก่อการร้ายเพียง 1,000
คนเท่านั้น “เราต้องระวังไม่ใส่ร้ายป้ายสีทุกคน” ว่าเป็นผู้ก่อการร้าย
แม้ผู้ก่อเหตุมีพื้นฐานเป็นมุสลิม แต่พฤติกรรมส่อว่าไม่ใช่มุสลิม เป็นการนำศาสนามาบังหน้าเท่านั้น ดังนั้น ไม่ควรถือว่าศาสนาเป็นต้นเหตุ ที่สุดแล้วเป็นเรื่องของพวกสุดโต่งด้วยกัน คือมุสลิมสุดโต่งกับเสรีนิยมสุดโต่ง คนเหล่านี้เป็นคนจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับคนทั้งหมด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อมุสลิมจำนวนมาก ทั้งๆ พวกเขาไม่เห็นด้วยกับผู้ก่อการร้าย ไม่เห็นด้วยกับพวกสุดโต่ง
แม้ผู้ก่อเหตุมีพื้นฐานเป็นมุสลิม แต่พฤติกรรมส่อว่าไม่ใช่มุสลิม เป็นการนำศาสนามาบังหน้าเท่านั้น ดังนั้น ไม่ควรถือว่าศาสนาเป็นต้นเหตุ ที่สุดแล้วเป็นเรื่องของพวกสุดโต่งด้วยกัน คือมุสลิมสุดโต่งกับเสรีนิยมสุดโต่ง คนเหล่านี้เป็นคนจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับคนทั้งหมด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อมุสลิมจำนวนมาก ทั้งๆ พวกเขาไม่เห็นด้วยกับผู้ก่อการร้าย ไม่เห็นด้วยกับพวกสุดโต่ง
อย่าให้ “ชาร์ลีเอบโด”
สร้างความแตกแยกไม่ว่าจะเป็นสังคมภายในประเทศ หรือสังคมโลก
ภัยคุกคามที่กำลังต่อสู้กับฝรั่งเศสคือพวกผู้ก่อการร้ายสุดโต่งที่อ้างศาสนา
รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนอยู่แล้ว
ประเด็นที่ 2 คนฝรั่งเศสกังวลอิสลามานุวัตร (Islamization)
ในอีกมุมหนึ่ง
บางคนตีความว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ชาวฝรั่งเศสกลัวมุสลิม ที่หนักกว่านี้คือ
กังวลต่อสถานการณ์อิสลามในประเทศ ทำให้อัตลักษณ์ประเทศเปลี่ยนไป
เรื่องนี้ปัญหาเรื้อรังและเป็นประเด็นถกเถียงระดับชาติ
เมื่อเดือนตุลาคม 2009 Nicolas Sarkozy ประธานาธิบดีในสมัยนั้นตั้งหัวข้ออภิปราย “อัตลักษณ์แห่งชาติ”
มีการอภิปรายแสดงความเห็นอย่างกว้างขวางทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ
ชี้ว่าสังคมกังวลเรื่องการเข้ามาของต่างชาติ หรือพูดให้ตรงคืออิสลามานุวัตร (Islamization)
เป็นความจริงที่มุสลิมอพยพย้ายถิ่นเข้าประเทศ
นำศาสนา วัฒนธรรม วิถีการดำเนินชีวิต อาหารการกินของตนที่แตกต่างจากชาวยุโรป
ทำให้อัตลักษณ์เปลี่ยนแปลงในบางพื้นที่
ถ้าพิจารณาเรื่องนี้โดยยึดความจริงมากกว่าความรู้สึก
ความจริงคือมีมุสลิมในประเทศเพียง 5-6 ล้านคน
จากประชากรทั้งสิ้น 66.2 ล้านคน หรือเท่ากับร้อยละ 7.5-9.0
เป็นชนกลุ่มน้อยของสังคม (ชาวฝรั่งเศสกว่าร้อยละ 80 แจ้งว่านับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก รองมาคือมุสลิม)
อัตลักษณ์บ้านเมืองเปลี่ยนไปบ้างจากเหตุมีมุสลิมมากขึ้น
แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นฝรั่งเศสเช่นเดิม
อีกทั้งสภาพบ้านเมืองทางกายภาพเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นพร้อมกับการพัฒนาประเทศ
เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับทุกประเทศทั่วโลก ยกเว้นประเทศด้อยพัฒนา
ความจริงอีกด้านคืออัตลักษณ์ฝรั่งเศสเปลี่ยนแปลงเรื่อยมา
นับจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
ชาวยุโรปส่วนใหญ่แม้ถือว่าตนนับถือศาสนาคริสต์ แต่ผู้เข้าโบสถ์ลดน้อยลงอย่างน่าตกใจ
เนื่องจากรัฐบาลพยายามแยกระหว่างรัฐกับศาสนา เด็กรุ่นใหม่ไม่คุ้นเคยกับศาสนา
กลายเป็นความแปลกแยก การสอนพระคัมภีร์ในโบสถ์นับว่าจะลดความเข้มข้น
หลักคำสอนให้ความสำคัญกับปัญหาสังคมมากกว่าเรื่องเกินธรรมชาติ
มีสถิติที่น่าสนใจ
คือ ในช่วงทศวรรษ 1980-90 ผู้ใหญ่ยุโรปกว่าร้อยละ 40 ยังตอบว่าศาสนาเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต แต่เมื่อถามว่าสำคัญหรือไม่ที่จะถ่ายทอดความเชื่อแก่ลูกหลาน
ร้อยละ 17 เท่านั้นที่ตอบว่าสำคัญ นับวันอิทธิพลของศาสนาคริสต์จึงลดน้อยในทุกมิติ
บางคนอาจมองการเปลี่ยนแปลงของอัตลักษณ์จากวัตถุสิ่งของภายนอก
ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน หากนำภาพถ่ายในอดีตมาเปรียบเทียบกับภาพถ่ายปัจจุบันจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
ตั้งแต่วิทยุ นาฬิกา รถยนต์ จนถึงตึกรามบ้านช่อง
แต่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญกว่าคือการเปลี่ยนแปลงภายในจิตใจคน
แม้ในระบบทะเบียนจะแจ้งว่าชาวฝรั่งเศสกว่าร้อยละ 80
นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก แต่จะเหลือกี่คนที่ศรัทธาจริงจัง พฤติกรรม
ค่านิยมของสังคมจึงเปลี่ยนแปลงจากเดิม
ถ้าพูดถึงอัตลักษณ์ต้องกลับมาที่นิยาม
ว่าอัตลักษณ์ของฝรั่งเศสคืออะไรกันแน่ นิยามที่ระบุไว้เป็นตัวอักษรสอดคล้องกับความจริงหรือไม่
มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องหรือไม่
ในอีกด้านหนึ่ง
ถ้ายึดมั่นว่าฝรั่งเศสส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ ก็ไม่ควรมีใครต่อต้านหากคนฝรั่งเศสหันไปนับถืออิสลามมากขึ้น
เพราะทั้งหมดนี้มาจากเจตจำนงของประชาชนโดยเสรีมิใช่หรือ ความพยายามที่จะรักษาสภาพเดิมๆ
ก็ไม่ต่างจากการกลับไปสู่ยุโรปสมัยกลางตอนปลายที่พวกเสรีนิยมต่อต้านศาสนาจักร
สถานการณ์ในขณะนี้คือ
คนกลุ่มหนึ่งปกป้อง “ชาร์ลีเอบโด” เรียกร้องเสรีภาพสื่อ แต่กังวลอิสลามขยายตัว
(กังวลคนใช้เสรีภาพไปนับถืออิสลาม) จึงเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันเอง
ทั้งๆ
ที่รากฐานของเสรีนิยมคือการยึดมั่นว่าแต่ดั้งเดิมมนุษย์มีสิทธิ์ตามธรรมชาติเต็มร้อย
การยึดมั่นเสรีนิยมในปัจจุบันคือการรักษา “ภาวะมีเสรีภาพอย่างสมบูรณ์” (a
State of perfect Freedom) ไม่ว่าจะเป็นด้านการกระทำ การคิด โดยไม่ต้องสนใจเจตจำนงของผู้อื่น
เชื่อว่าประชาชนเป็นผู้มีเหตุผล มีความสามารถที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อตน
ดังนั้น รัฐจึงควรมีบทบาทน้อยที่สุด มีบทบาทเท่าที่จำเป็น เช่น
ทำหน้าที่ควบคุมป้องกันไม่ให้บุคคลหนึ่งไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของอีกบุคคลหนึ่ง
ส่งเสริมประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง
ปกป้องทุกศาสนา:
เสรีประชาธิปไตยส่งเสริมให้คนมีเสรีภาพในการยึดถือศาสนาความเชื่อต่างๆ
ยอมรับความหลากหลายของชาติพันธุ์ แต่เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นในฝรั่งเศสคือ นำประเด็นการก่อการร้ายของพวกสุดโต่งซึ่งเป็นคนส่วนน้อยของสังคม
มาเป็นเหตุจำกัดเสรีภาพ สร้างภาพความน่าหวาดกลัวของอิสลามอย่างผิดๆ
ถ้าไตร่ตรองให้รอบคอบจะเข้าใจว่าเสรีประชาธิปไตยของฝรั่งเศสกำลังถูกบั่นทอน
ไม่ใช่เพราะพวกเสรีนิยมสุดโต่ง “ชาร์ลีเอบโด” หรือผู้ก่อเหตุร้ายซึ่งเป็นคนจำนวนน้อยนิด
แต่มาจากการตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
การที่คนจำนวนไม่น้อยรังเกียจมุสลิมซึ่งขัดแย้งกับหลักประชาธิปไตย
ความชิงชังระหว่างผู้คนในสังคมจะเป็นเหตุให้อารยธรรมเสื่อม
ต่อให้ประเทศมีความก้าวหน้าทางวิทยาการมากเพียงไร มีศิลปะที่วิจิตรตระการ
มีภาษาที่ขึ้นชื่อว่าไพเราะที่สุด มีตึกรามบ้านช่องทันสมัยใหญ่โต
มีประวัติศาสตร์ว่าเป็นต้นแบบการปฏิวัติประชาชน (ปฏิวัติฝรั่งเศส)
นำระบอบเสรีประชาธิปไตยมาใช้ในโลกสมัยใหม่
หากความขัดแย้งระหว่างคนในชาติเป็นเรื่องจริง
เท่ากับชี้ว่าสังคมฝรั่งเศสกำลังถดถอยจากเสรีนิยมประชาธิปไตย
อารยธรรมกำลังเสื่อมโทรม โดยเฉพาะจิตใจของคนสังคม
สังคมต้องหันกลับมามองว่าพลเมืองทุกคนคือส่วนหนึ่งของสังคม
จะต้องก้าวไปด้วยกันแม้หน้าตา สีผิว ค่านิยมบางอย่างจะแตกต่างกัน
ประธานาธิบดีฟร็องซัว
ออล็องด์ กล่าวว่ามุสลิมในประเทศเป็นเหยื่อรายแรกของความสุดโต่ง
“ประชาชนฝรั่งเศสที่เป็นมุสลิมมีสิทธิ์ บทบาทหน้าที่ดังเช่นพลเมืองทั้งหมด
พวกเขาต้องได้รับการคุ้มครองปกป้อง” “พฤติกรรมต้านมุสลิม ต้านยิว
จะต้องได้รับโทษอย่างรุนแรง” ฝรั่งเศสมีกฎหมาย ค่านิยมของตน และเรื่องสำคัญคือ
“เสรีภาพ ประชาธิปไตย”
เช่นเดียวกับที่เยอรมนีซึ่งมีการชุมนุมประท้วงต่อต้านมุสลิม
ชนกลุ่มน้อย นายกฯ แมร์เคิลประกาศจะดูแลปกป้องชาวยิวและมุสลิมในประเทศจากอคติ
ชี้ว่าประชาธิปไตยที่เข้มแข็งเป็นหนทางต่อต้านความสุดโต่งที่ดีที่สุด
เป็นการย้ำเตือนคำกล่าวก่อนหน้านี้ที่พูดว่า “อิสลามเป็นของประเทศเยอรมนี”
พร้อมกับกล่าวว่า “วิถีชีวิตแบบชาวยิวเป็นของพวกเรา”
รับปากว่าจะดูแลความปลอดภัยของมัสยิดต่างๆ
“เพราะเราจะไม่ยอมให้ผู้ที่อ้างการก่อการร้ายอิสลามมาแบ่งแยกพวกเรา
และสร้างความหวาดระแวงต่อมุสลิมทั้งหมดในเยอรมนี”
“ในฐานะนายกรัฐมนตรี
ข้าพเจ้าจะปกป้องมุสลิมในประเทศของเรา พวกเราทุกคนในบ้านหลังนี้จะทำเช่นนี้”
ที่สุดแล้ว
ประธานาธิบดีออล็องด์ย้ำเน้นให้ประชาชนยึดมั่นใน “เสรีภาพ ประชาธิปไตย” นายกฯ
แมร์เคิลย้ำว่าพลเมืองที่เป็นพวกยิวหรือมุสลิมต่างเป็นส่วนหนึ่งของ “บ้าน” หลังใหญ่ที่ชื่อว่าประเทศ
บ้านที่อยู่ร่วมกันอย่างปรองดองเท่านั้นที่คนในบ้านจะอยู่เย็นเป็นสุข
ไม่ใช่เพื่อบางคนบางกลุ่มแต่เพื่อทุกคนที่อาศัยในบ้านหลังเดียวกันนี้
26 มกราคม 2015
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ได้รับการเผยแพร่ผ่าน ศูนย์โลกสัมพันธ์ไทย สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2558, http://www.thaiworld.org/thn/thailand_monitor/answera.php?question_id=1416)
------------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง :
เมื่อพูดถึงการสกัดกั้นการแผ่ขยายของกลุ่มก่อการร้าย
คำตอบคือ ต้องไม่ปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายมีเงื่อนไขที่จะก่อเหตุ เราไม่อาจป้องกันเหตุก่อการร้ายทั้งหมด
จึงต้องมุ่งลดความเสี่ยง จำกัดขอบเขตความสูญเสีย เสรีนิยมแบบตะวันตกมีข้อดีที่ให้เสรีภาพในการแสดงออก
เสรีภาพในการนับถือศาสนา แต่มีปัญหาเรื่องเสรีภาพที่ขัดแย้งกับความศรัทธาในศาสนา
รัฐบาลที่ยึดมั่นในเสรีนิยมเช่นนี้จำต้องบริหารจัดการให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด
ไม่ใช่เอาน้ำมันราดกองไฟ เพราะจะก่อให้เกิดคำถามข้อสงสัยตามมาอีกหลายข้อ
กรณี “ชาร์ลีเอ็บโด” สังคมควรตั้งคำถามว่าผู้ก่อเหตุยิงสังหารกระทำตามหลักอิสลามหรือไม่
หรือว่าเป็นพวกบิดเบือนศาสนา เข้าใจหลักศาสนาผิดพลาด ในอีกด้านหนึ่ง
การล้อเลียนโดยอ้างว่าเป็นเรื่องของการใช้เสรีภาพ ไม่ช่วยสร้างสรรค์สังคม
เป็นการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความแตกแยก ความเกลียดชัง เพราะเป็นที่รับรู้ทั่วไปอยู่แล้วว่าการลบหลู่อิสลามสร้างความแตกแยกในสังคม
เป็นต้นเหตุความรุนแรง สังคมควรส่งเสริมพวกสุดโต่งเหล่านี้หรือไม่
บรรณานุกรม :
1. Al-Qaeda’s Zawahiri ‘ordered’ Paris attack. (2015,
January 14). Al Arabiya News. Retrieved from http://english.alarabiya.net/en/News/middle-east/2015/01/14/Al-Qaeda-in-Yemen-claims-Charlie-Hebdo-attack.html
2. Birnbaum, Michael., & Deane, Daniela. (2015,
January 15). Hollande vows to protect all religions in France, but warns open
society untouchable. The Washington Post. Retrieved from http://www.washingtonpost.com/world/hollande-vows-to-protect-all-religions-in-france-also-large-muslim-population/2015/01/15/921ec08e-9c3c-11e4-a7ee-526210d665b4_story.html
3. Brown, Stephen. (2015, January 15). Merkel vows to
protect Germany's Jews and Muslims from extremism. Reuters. Retrieved
from http://in.reuters.com/article/2015/01/15/germany-islam-idINL6N0UU2CY20150115
4. Central Intelligence Agency. (2014, July). France. In The
World Factbook. Retrieved from https://www.cia.gov/library/publications/the-world-factbook/geos/fr.html
5. Europe’s Muslims feel heat of backlash after Paris
attacks. (2015, January 14). Arab News. Retrieved from http://www.arabnews.com/world/news/689331
6. Gaus, Gerald F. (1996). Liberalism. In Stanford
Encyclopedia of Philosophy. Retrieved from
http://plato.stanford.edu/entries/liberalism/ (1 of 13) [8/7/02 1:04:30 PM]
7. Gregory, Shaun. (2000). French Defence Policy Into the
Twenty-First Century. Great Britain: ST. Martin’s Press.
8. Johnston, David C. (2007). Liberalism. In Encyclopedia
of Governance. ( pp.524-528). USA: SAGE Publications.
9. Mandel, Maud S. (2014). Muslims and Jews in France:
History of a Conflict. New Jersey: Princeton University Press.
10. Paxton, Robert O., & Hessler, Julie. (2012). Europe
in the Twentieth Century (5th Ed.). USA: Wadsworth.
-------------------------------