เกาะติดประเด็นร้อน “เลือกตั้งมาเลเซีย 2013” (3)

สรุปสถานการณ์: (อัพเดท 3 พ.ค.10.10 น.) ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง สถานการณ์เลือกตั้งในประเทศมาเลเซียยิ่งเข้มข้น ความสนใจของนักวิเคราะห์หลายคนอยู่ที่การคาดการณ์ผลการเลือกตั้งที่ออกมาในหลายแนว ส่วนใหญ่เห็นว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะได้จัดตั้งรัฐบาลต่ออีกสมัย แต่จะได้เสียงข้างมากในสภาสองในสามตามเป้าหมายยังเป็นที่สงสัย
            กระแสข่าวการจับทุจริตโกงการเลือกตั้งเริ่มมีมากขึ้น ดูเหมือนว่าแนวร่วมฝ่ายค้านตั้งใจจับผิดเรื่องนี้
            นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าการเลือกตั้งในปีนี้จะเป็นการเลือกตั้งที่สูสีที่สุดนับจากที่ประเทศมาเลเซียได้เอกราช บางคนเห็นว่าหากพรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง หรือไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะขาด ตลาดทุนตลาดเงินมาเลเซียจะเกิดการเทขายทันที
คืบหน้าล่าสุด: (อัพเดท 3 พ.ค.10.10 น.)
            การหาเสียงโค้งสุดท้ายนายกฯ นาจิบ หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลชูประเด็นเศรษฐกิจที่เติบโตกับนโยบายช่วยเหลือคนยากจน สู้กับพรรคร่วมฝ่ายค้านที่เรียกร้องความเท่าเทียม แก้ปัญหาคอร์รัปชัน
            นายกฯ นาจิบชี้ว่ารัฐบาลมุ่งให้นโยบายสมานฉันท์ สร้างพหุสังคมที่ผู้คนทุกเชื้อสายรักใคร่ปรองดอง แต่ถ้ายกประเด็นเชื้อชาติเพื่อได้ที่นั่งในสภา ที่นั่งเหล่านั้นจะถูกนำไปใช้ทำลายประเทศ
(Pakatan Rakyat Takes Country To Brink Of Destruction – Najib, Bernama)
            ผลสำรวจของ University Malaya's Centre for Democracy เมื่อเดือนเมษาที่ผ่านมา ประชาชนต้องการให้นายอัลวาร์ อิบราฮิมผู้นำพรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นนายกรัฐมนตรีถึงร้อยละ 54 ส่วนนายกฯ นาจิบได้เพียงร้อยละ 28 ผลสำรวจหลายแห่งที่ทำเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาชี้ว่าพวกเชื้อสายมาเลย์เลือกนายกฯ นาจิบเพิ่มมากขึ้น และคาดว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะได้ราว 153 ที่นั่งจากทั้งหมด 222 ที่นั่ง
(Malaysia's "class war" fuels opposition electionhopes, Reuters)
            นักวิเคราะห์บางคนเกรงว่าแนวร่วมฝ่ายค้านอาจไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤษภาคมนี้ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าพบการทุจริตเลือกตั้ง (ล่วงหน้า) และเจ้าหน้าที่ที่มีพฤติกรรมเข้าข้างฝ่ายรัฐบาล คุณบริดเจ็ท เวลส์ จาก Singapore Management University กล่าวว่า “คุณจะเห็นประชาชนมาอยู่บนท้องถนน” ถ้ามีหลักฐานโกงการเลือกตั้งอย่างชัดเจน
(Malaysia RisksPost-Election Protests as Group Cites Vote Buying, Bloomberg)

วิเคราะห์: (อัพเดท 3 พ.ค.10.10 น.)
            จนถึง ณ เวลานี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นว่าพรรคร่วมรัฐบาลบีเอ็นจะได้เป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลต่ออีกสมัย แต่จะได้เสียงข้างมากสองในสามเหมือนอดีตหรือไม่ยังเป็นที่สงสัย บางคนเชื่อว่าฝ่ายค้านจะได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งครั้งก่อน (2008)
            ไม่ว่าผู้สิทธิออกเสียงราวสิบสามล้านสองแสนคนจะเลือกพรรคไหนในวันอาทิตย์นี้ นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซะก์ต้องการอย่างเดียวคือพรรคร่วมรัฐบาลต้องกลับมาได้ที่นั่งสองในสามในสภาอีกครั้ง ด้วยเป้าหมายนี้มีทั้งข้อดีข้อเสีย
            ข้อดีคือ หากบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
            1.พรรคร่วมรัฐบาลจะกลับมาสู่สภาพมีเสียงข้างมากในสภาอย่างแข็งแกร่ง
            2.ความเชื่อมั่นของแนวร่วมฝ่ายค้านจะถูกลดทอนลดทันที
            3.เป็นแรงกระตุ้นภายในให้คนในพรรคร่วมรัฐบาลต้องทำงานอย่างหนัก
            อย่างไรก็ตาม เป้าหมายได้ที่นั่งสองในสามมีข้อเสียเช่นกัน สืบเนื่องจากผลการเลือกตั้งครั้งก่อน (2008) พรรคร่วมรัฐบาลได้ 140 ที่นั่งจากจำนวนทั้งสิ้น 222 ที่นั่ง สูญเสียไป 58 ที่นั่ง (ปัจจุบันพรรครัฐบาลมีที่นั่งในสภา 135 ที่นั่ง ส่วนพรรคฝ่ายค้านมี 75 ที่นั่ง จากทั้งหมด 222 ที่นั่ง) หากต้องการเสียงข้างมากสองในสามกลับมา เท่ากับว่าจะต้องชิงที่นั่งที่สูญเสียไป 50 กว่าที่นั่งนั้นกลับมาด้วย
            ภาระหนักตกแก่ผู้รับผิดชอบในแต่ละเขตเลือกตั้งที่ต้องชิงชัยชนะกลับคืนมา ซึ่งหมายถึงต้องดึงคะแนนเสียงที่เสียไปกลับมา พร้อมกับสร้างคะแนนเสียงใหม่ๆ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
            ผลการเลือกตั้งในบางเขตอาจชนะด้วยคะแนนเพียงไม่กี่คะแนน จนฝ่ายที่แพ้ไม่เชื่อว่าเขาจะแพ้จริง
            ประเด็นการจับโกงการเลือกตั้งร้อนแรงมากขึ้น อาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเลือกตั้งแนวร่วมฝ่ายค้าน ที่ต้องจับตาดูใกล้ชิด
            การเลือกตั้งครั้งนี้นอกจากต้องดู “ผลการเลือกตั้ง” ยังต้องดู “ผลกระทบ” หลังการเลือกตั้งด้วย และหวังว่าจะไม่เกิดเหตุวุ่นวายหลังประกาศ “ผลการเลือกตั้ง”
3 พฤษภาคม 2013
ชาญชัย คุ้มปัญญา
-------------------
บทวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้อง:
2. เกาะติดประเด็นร้อน“เลือกตั้งมาเลเซีย 2013” (2)
3. ความฮึกเหิมของแนวร่วมฝ่ายค้านมาเลเซียและข้อโต้แย้ง
ภายใต้การนำของนายอันวาร์ อิบราฮิมทำให้แนวร่วมฝ่ายค้านให้ได้ที่นั่งในสภาเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัวในการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2008 เป็นจุดเริ่มต้นทำให้ประชาชนที่สนับสนุนแนวร่วมฯ เชื่อว่าพวกเขามีโอกาสโค่นล้มการบริหารประเทศที่พรรคอัมโนเป็นแกนนำตลอด 56 ปี แต่ความหวังนั้นมีอุปสรรค ปัญหาหลายประการ
-----------------------