สหรัฐฯ เชิญเมียนมาร์มาร่วมงานคอบร้าโกลด์ โอกาสกระชับความสัมพันธ์
วันนี้ (19 ต.ค.) มีข่าวว่าสหรัฐฯ
เชิญเมียนมาร์ร่วมสังเกตการณ์การฝึกคอบร้าโกลด์ เป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อฝ่ายกองทัพเมียนมาร์ที่สหรัฐฯ
เห็นว่ามีปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน (Reuters)
นักวิเคราะห์บางคนให้ความเห็นว่าการที่สหรัฐฯ เกี่ยวสัมพันธ์กับฝ่ายทหารอีกครั้ง
เพื่อแยกเมียนมาร์ออกห่างจากจีน
ผมวิเคราะห์ว่าเป้าหมายเบื้องต้นน่าจะเป็นเรื่องการสร้างความสัมพันธ์ตามปกติ
ทำความรู้จักระหว่างตัวบุคคล เป็นการทูตของฝ่ายทหารด้วยกัน และช่วยปูทางสู่การสัมพันธ์ในระดับที่ลึกซึ้งขึ้น
ผ่านช่องทางอื่นๆ ต่อไป
การสร้างความสนิทสนมระหว่างบุคคลเป็นเรื่องสำคัญ
ความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีย่อมช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี แล้วสิ่งดีๆ อื่นๆ จะตามมา
การเชิญแม่ทัพนายกองเมียนมาร์มาประเทศไทยเพื่อสังเกตการณ์การฝึกทางทหารจึงมีความสำคัญ
พูดในกรอบนโยบาย การกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเป็นไปตามแนวนโยบายของประธานาธิบดีเทียน
เส่ง กับประธานาธิบดีบารัก โอบามาอยู่แล้ว
ฝ่ายกองทัพเมียนมาร์ย่อมได้ประโยชน์จากการนี้
เพียงแต่ปรับระดับความสัมพันธ์
ปรับระยะห่างระหว่างประเทศตนกับจีนและสหรัฐฯ ให้เหมาะสม
เชื่อว่าย่อมเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย
ไม่ต่างอะไรจากการที่ญี่ปุ่นเห็นว่าจีนเป็นหนึ่งในภัยคุกคามทางทหารที่สำคัญที่สุด
จึงเป็นพันธมิตรทางทหารกับสหรัฐฯ เพื่อป้องปรามจีน แต่นั่นไม่เป็นเหตุให้ญี่ปุ่นไม่ทำการค้าการลงทุนจำนวนมหาศาลกับจีน
หรือจะยกตัวอย่างสหรัฐฯ
ที่แม้ในเชิงยุทธศาสตร์ความมั่นคงจะถือจีนเป็นภัยคุกคามที่สำคัญที่สุด แต่สหรัฐฯ
ทำการค้าการลงทุนกับจีน สองประเทศมีผลประโยชน์ร่วมทางเศรษฐกิจระดับมีผลต่อเศรษฐกิจโลกเลยทีเดียว
ส่วนประเด็นละเมิดสิทธิมนุษยชนนั้นเชื่อว่าจะค่อยๆ ดีขึ้น เมื่อเศรษฐกิจเติบโต
สังคมเชื่อมต่อกับโลกภายนอกมากขึ้น
ดังนั้น หากเมียนมาร์เปิดประเทศทางเศรษฐกิจมากขึ้นย่อมมีผลดีหลายอย่าง
การส่งเทียบเชิญให้แม่ทัพนายกองเมียนมาร์มาร่วมสังเกตการณ์การฝึกคอบร้าโกลด์
จึงนับเป็นอีกหนึ่งเทียบเชิญสำคัญ มีความหมายของการยอมรับอยากผูกมิตร
ในอีกมุมหนึ่ง
ถ้าจะมองว่างานนี้ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นก็ย่อมสามารถมองได้
เพราะจีนก็เป็นหนึ่งในผู้สงเกตการณ์อยู่แล้ว ถ้าจะมีเมียนมาร์มาร่วมด้วยก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร
หรือถ้าปีนี้ไม่มาร่วมงาน
ก็ไม่แตกต่างหรือมีนัยในแง่ลบแต่ประการใด ยังสามารถสร้างสัมพันธ์ผ่านวิธีอื่นๆ
วาระอื่นๆ อีกมากมายไม่จำเป็นต้องพึ่งงานคอบร้าโกลด์นี้
รวมความว่าส่งเทียบเชิญไปก็ดี ถ้ามายิ่งดี
ถ้าไม่มาร่วมปีนี้ก็ไม่เสียหายอะไร
มองในภาพกว้างๆ
ทุกชาติอาเซียน สหรัฐฯ กับชาติตะวันตกอื่นๆ
ย่อมได้ประโยชน์จากการที่ฝ่ายกองทัพเมียนมาร์มีความสัมพันธ์อันดีกับกองทัพประเทศอื่นๆ
ที่ควรย้ำเน้นคือ
ความสัมพันธ์ที่ก่อเกิดไม่เพียงเพราะจะได้ผลประโยชน์ทางด้านความมั่นคงร่วมกัน
แต่จะส่งผลดีต่อเรื่องการค้าการลงทุนระหว่างประเทศด้วย ถ้ายึดว่าทั้งสหรัฐฯ
กับเมียนมาร์ต่างต้องการเห็นเศรษฐกิจเมียนมาร์เติบโตแบบเสรีนิยมมากขึ้น
ประเทศไทยก็จะได้ประโยชน์จากงานนี้โดยตรง
เพราะสถานที่จัดคือในประเทศของเราเอง ไทยจึงเป็นเจ้าบ้านที่ต้องคอยต้อนรับขับสู้อยู่แล้ว
และสามารถทำได้ดีเสมอมา
19 ตุลาคม 2012
ชาญชัย คุ้มปัญญา